00 มองในแง่ดีจากสถานการณ์น้ำท่วมคราวนี้ทำให้คนได้ “ตาสว่าง” ขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เชื่อเถอะถ้าทอดเวลาอีกนานต่อไปก็จะได้เห็น “ความชั่ว”ความเห็นแก่ตัวของคนในรัฐบาล รวมไปถึงคนรอบข้างสะท้อนออกมาให้เห็นด้วยตัวมันเองมากขึ้น เพราะนับจากนี้น่าจะหมดเวลาสำหรับการ “สร้างภาพ” บิดเบือน “โง่แล้วอวดฉลาด” ได้อีกต่อไป ที่สำคัญตั้งแต่ “หัวยันหาง”ของคนพวกนี้ “ไม่ใช่เทวดา” ไม่ใช่ความฝันของ ชาวบ้านอีกต่อไป
00 ยอมรับหรือไม่ว่าการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง นาทีนี้ไม่ต้องมาสนใจปริมาณน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ แต่ต้องมองถึงการระบายน้ำตั้งแต่ต้นทาง เริ่มตั้งแต่ ตาก พิษณุโลก เรื่อยมาจนถึง นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา ดังนั้นเรื่องปริมาณน้ำ มีใครเถียงว่าน้ำมาก แต่ก็พิจารณาเปรียบเทียบสถิติมันก็ไม่ได้มากมายนัก เพียงแต่ว่าไม่ได้ทยอยระบายตั้งแต่ต้น มาเร่งระบายเอาเมื่อสายไปเสียแล้ว คิดไปว่าต้องอั้นน้ำเอาไว้เพื่อให้สามารถทำนาได้ทั้งปี จุดพลุประชานิยม จำนำข้าวที่กำลังจะเดินเครื่อง แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เมื่อพายุถล่มซ้ำเติมเข้ามามันถึงได้เละอย่างที่เห็น
00 แม้จะรู้สึกเห็นใจกับอารมณ์ของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อแสดงอาการ “จนปัญญา” จนน้ำตาทะลัก เมื่อถูกถามเรื่องน้ำท่วมเมืองหลวงเข้าขั้นวิกฤติ แม้กระทั่งภายใน ศปภ.ที่บอกว่าตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เวลานี้แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และในความเป็นจริงการเป็นผู้นำต้องมีคุณสมบัติที่ต้องโดดเด่น ไม่มีใครบังคับ
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่เป็นมืออาชีพ เป็นแค่พวกมือสมัครเล่น ปั่นราคาเกินจริง ที่ผ่านมามักจะ “ฉวยโอกาส” เข้ามาในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น เข้ามาเก็บเกี่ยวประโยชน์หลังจากความเลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตั้งแต่ยุค ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 หลัง “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ในปี40 กำลังเป็นวงรอบขาขึ้น มิหนำซ้ำก่อนหน้านั้นตัวเองก็ถูกสงสัยว่ารับรู้ “ข้อมูลภายใน” จนได้กำไรจากค่าเงินบาทเสียอีก จากนั้นก็ใช้สถานการณ์ “ไพร่-อำมาตย์” ใช้ประชานิยมมาหลอกต้ม แต่เมื่อมาเจอของจริงเที่ยวนี้ก็หนีไม่ออก โทษใครก็ไม่ได้ ตอนแรกจะโบ้ย “โยนขี้”ให้กทม.รับไปหาว่า “ขวางทางน้ำ” แต่เมื่อความจริงที่เห็นตำตา ทั้งที่นครสวรรค์ อยุธยา นิคมอุตฯพินาศ มันก็ไม่เกี่ยวกับกทม.จึงต้องเงียบไป สิ่งที่ทำเวลานี้ก็คือหมดทางเลี่ยงต้องหันมาร่วมมือกันในที่สุด
00 นอกจากนี้จากภาวะวิกฤติน้ำท่วมยังได้เห็นความเห็นแก่ตัวการชิงดีชิงเด่นกันเอง ซึ่งก็เปิดเผยยืนยันออกมาจากพวกเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงุบงิบเรื่องบริจาคมาใช้หาเสียงแบบหน้าด้านๆจนมีการตอบโต้กันระหว่าง “หัวโจกเสื้อแดง” ทั้ง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ กับ ฉลอง เรี่ยวแรง โดยก่อนหน้านี้ความวุ่นวายน่ารำคาญยังเกิดขึ้นใน ศปภ. มีการถือวิสาสะขนของบริจาคไปแจกจ่าย โดยติดป้ายทำราวกับว่าเป็นคนออกเงินหาซื้อมาทั้งหมดซึ่งไม่เว้นแม้แต่ “หัวโจกใหญ่” อย่าง ทักษิณ จนกระทั่งเมื่อความจริงถูกเปิดโปงออกมาทำให้นั่งไม่ติดต้องสั่งให้คนรับใช้อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาแก้ต่างพัลวัน
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแท้ที่จริงพวกนี้เป็นแค่มือสมัครเล่นอ่อนหัด แต่เป็นนักสร้างภาพชั้นเยี่ยมก็คือการตั้งศปภ.ที่ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถวล้วน “ห่วยแตก” ไม่ต่างจากพวก “โง่แล้วขยัน” นึกจะพูด ใครนึกจะแถลงก็ทำตามใจชอบ ล่าสุดก็มีการเปลี่ยนแปลงโฆษกฯ แทบจะรายวันตอนนี้ไม่ได้เห็น พล.ต.อ.พงศพัศ-วิม แต่กลายมาเป็น ธงทอง จันทรางศุ มาจ้อแทนแล้ว
00 แม้ว่าสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ จะเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหนกับความห่วยแตกในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล แต่เชื่อเถอะยังมีคนที่ยังหลงงมงาย แถมยังไปเชื่อคำบิดเบือนของสื่อเสื้อแดงบางสื่อไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือการ “จาบจ้วง” ให้ร้าย แต่เมื่อยังไม่เชื่อตอนนี้ว่า สมองกลวง ก็ให้รออีกระยะหนึ่งว่าหลังน้ำลดนรกเป็นอย่างไรให้ติดตามกันต่อไป เพราะความจริงจะเปิดโปงออกมา และก็มาจากพวกเดียวกันที่ “สาวใส้” กันเอง นั่นแหละ !!
00 ยอมรับหรือไม่ว่าการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล “ล้มเหลว” อย่างสิ้นเชิง นาทีนี้ไม่ต้องมาสนใจปริมาณน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาในกรุงเทพฯ แต่ต้องมองถึงการระบายน้ำตั้งแต่ต้นทาง เริ่มตั้งแต่ ตาก พิษณุโลก เรื่อยมาจนถึง นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา ดังนั้นเรื่องปริมาณน้ำ มีใครเถียงว่าน้ำมาก แต่ก็พิจารณาเปรียบเทียบสถิติมันก็ไม่ได้มากมายนัก เพียงแต่ว่าไม่ได้ทยอยระบายตั้งแต่ต้น มาเร่งระบายเอาเมื่อสายไปเสียแล้ว คิดไปว่าต้องอั้นน้ำเอาไว้เพื่อให้สามารถทำนาได้ทั้งปี จุดพลุประชานิยม จำนำข้าวที่กำลังจะเดินเครื่อง แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เมื่อพายุถล่มซ้ำเติมเข้ามามันถึงได้เละอย่างที่เห็น
00 แม้จะรู้สึกเห็นใจกับอารมณ์ของ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อแสดงอาการ “จนปัญญา” จนน้ำตาทะลัก เมื่อถูกถามเรื่องน้ำท่วมเมืองหลวงเข้าขั้นวิกฤติ แม้กระทั่งภายใน ศปภ.ที่บอกว่าตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่เวลานี้แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และในความเป็นจริงการเป็นผู้นำต้องมีคุณสมบัติที่ต้องโดดเด่น ไม่มีใครบังคับ
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าคนพวกนี้ไม่ใช่เป็นมืออาชีพ เป็นแค่พวกมือสมัครเล่น ปั่นราคาเกินจริง ที่ผ่านมามักจะ “ฉวยโอกาส” เข้ามาในช่วงที่สถานการณ์ดีขึ้น เข้ามาเก็บเกี่ยวประโยชน์หลังจากความเลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตั้งแต่ยุค ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 หลัง “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ในปี40 กำลังเป็นวงรอบขาขึ้น มิหนำซ้ำก่อนหน้านั้นตัวเองก็ถูกสงสัยว่ารับรู้ “ข้อมูลภายใน” จนได้กำไรจากค่าเงินบาทเสียอีก จากนั้นก็ใช้สถานการณ์ “ไพร่-อำมาตย์” ใช้ประชานิยมมาหลอกต้ม แต่เมื่อมาเจอของจริงเที่ยวนี้ก็หนีไม่ออก โทษใครก็ไม่ได้ ตอนแรกจะโบ้ย “โยนขี้”ให้กทม.รับไปหาว่า “ขวางทางน้ำ” แต่เมื่อความจริงที่เห็นตำตา ทั้งที่นครสวรรค์ อยุธยา นิคมอุตฯพินาศ มันก็ไม่เกี่ยวกับกทม.จึงต้องเงียบไป สิ่งที่ทำเวลานี้ก็คือหมดทางเลี่ยงต้องหันมาร่วมมือกันในที่สุด
00 นอกจากนี้จากภาวะวิกฤติน้ำท่วมยังได้เห็นความเห็นแก่ตัวการชิงดีชิงเด่นกันเอง ซึ่งก็เปิดเผยยืนยันออกมาจากพวกเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงุบงิบเรื่องบริจาคมาใช้หาเสียงแบบหน้าด้านๆจนมีการตอบโต้กันระหว่าง “หัวโจกเสื้อแดง” ทั้ง ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ กับ ฉลอง เรี่ยวแรง โดยก่อนหน้านี้ความวุ่นวายน่ารำคาญยังเกิดขึ้นใน ศปภ. มีการถือวิสาสะขนของบริจาคไปแจกจ่าย โดยติดป้ายทำราวกับว่าเป็นคนออกเงินหาซื้อมาทั้งหมดซึ่งไม่เว้นแม้แต่ “หัวโจกใหญ่” อย่าง ทักษิณ จนกระทั่งเมื่อความจริงถูกเปิดโปงออกมาทำให้นั่งไม่ติดต้องสั่งให้คนรับใช้อย่าง นพดล ปัทมะ ออกมาแก้ต่างพัลวัน
00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าแท้ที่จริงพวกนี้เป็นแค่มือสมัครเล่นอ่อนหัด แต่เป็นนักสร้างภาพชั้นเยี่ยมก็คือการตั้งศปภ.ที่ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถวล้วน “ห่วยแตก” ไม่ต่างจากพวก “โง่แล้วขยัน” นึกจะพูด ใครนึกจะแถลงก็ทำตามใจชอบ ล่าสุดก็มีการเปลี่ยนแปลงโฆษกฯ แทบจะรายวันตอนนี้ไม่ได้เห็น พล.ต.อ.พงศพัศ-วิม แต่กลายมาเป็น ธงทอง จันทรางศุ มาจ้อแทนแล้ว
00 แม้ว่าสภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้ จะเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหนกับความห่วยแตกในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล แต่เชื่อเถอะยังมีคนที่ยังหลงงมงาย แถมยังไปเชื่อคำบิดเบือนของสื่อเสื้อแดงบางสื่อไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือการ “จาบจ้วง” ให้ร้าย แต่เมื่อยังไม่เชื่อตอนนี้ว่า สมองกลวง ก็ให้รออีกระยะหนึ่งว่าหลังน้ำลดนรกเป็นอย่างไรให้ติดตามกันต่อไป เพราะความจริงจะเปิดโปงออกมา และก็มาจากพวกเดียวกันที่ “สาวใส้” กันเอง นั่นแหละ !!