ASTVผู้จัดการรายวัน- ประธาน“โตโยต้า” กระทุ้งรัฐบาลเร่งระบายน้ำท่วมเป็นอันดับแรก ส่วนมาตรการฟื้นฟูทำภายหลังได้ หวังทำได้ใน 45 วัน ชี้อุทกภัยครั้งนี้รุนแรงกว่าสึนามิในญี่ปุ่น เพราะขาดชิ้นส่วนลุกลามไปทั่วประเทศอาเซียน ขณะที่ก.พลังงาน เร่งนำเข้าเครื่องปั๊มน้ำจากจีน 140 ชุด หวังระดมสูบฟื้นนิคมฯหลังน้ำลด
นายเคียวอิจิ ทานาดะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ (เจซีซี) กล่าวในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ภายหลังนำคณะผู้บริหารจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมีความกังวลใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของไทยมาก เพราะมีผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นและประเทศในเอเชียอีกด้วย จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งระบายน้ำเป็นอันดับแรก ส่วนมาตรการฟื้นฟูสามารถดำเนินการภายหลังได้
“ โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยถูกน้ำท่วมนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้โตโยต้าต้องหยุดการผลิตรถยนต์ในไทย แต่ยังกระทบถึงบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศในเอเซียด้วย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนป้อนผ่านเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) ” นายเคียวอิจิกล่าว
ทั้งนี้ญี่ปุ่นเจอปัญหาภัยสึนามิจนต้องหยุดประกอบการไปประมาณ 1 เดือนและได้มีการเร่งการผลิตกลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่เมื่อเจอปัญหาน้ำท่วมในไทยซ้ำเข้าไปอีก จึงส่งผลให้มีการลดส่งชิ้นส่วนจากประเทศในอาเซียนไปยังบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ทำให้ต้องลดการทำงานล่วงเวลา(โอที)ลงมาจากเดิมที่จะต้องเร่งผลิตเพื่อชดเชยตอนช่วงสึนามิ
อย่างไรก็ตามทางบริษัทพยายามมองหาชิ้นส่วนนำเข้าจากประเทศอื่นๆแทน แต่ยอมรับว่าหายากเพราะฐานผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ไทย
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้าฯ กล่าวเสริมว่า ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงกว่าเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้น เนื่องจากช่วงสึนามิยังมีเวลาได้ปรับแผนการผลิต โดยการทยอยลดการผลิตจาก100% ลดลงเหลือ 30% เพราะยังพอมีสต๊อกชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ แต่ครั้งนี้ต้องหยุดผลิตเลยทันที โดยที่ผ่านมาโตโยต้าหยุดการผลิตไปแล้ว 2 สัปดาห์ ทำให้กำลังการผลิตรถยนต์หายไป 40,000 คัน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังจ่ายเงินเดือนเต็ม 100% ให้พนักงานโตโยต้าในไทยที่มีอยู่ 12,000 คน ระหว่างนี้ก็จะนำพนักงานไปร่วมทำกิจกรรมอาสา(CSR)ต่างๆ
“ เรื่องการช่วยเหลือ ฟื้นฟูค่อยมาทีหลัง แต่ทำอย่างไรให้น้ำลดโดยเร็ว โดยระหว่างนี้จะวางมาตรการฟื้นฟูไว้บ้างก็ได้แต่อยากให้รัฐสำรวจความเสียหายที่เกิดกับแต่ละบริษัท เพื่อนำมากำหนดมาตรการช่วยเหลือเพื่อจะได้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะยอมรับว่า โตโยต้ามีปริมาณการผลิตเยอะสุด ส่งออกมากสุดจึงได้รับผลกระทบมากสุด ก็หวังว่ารัฐบาลจะสามารถฟื้นฟูนิคมฯที่ถูกน้ำท่วมได้ภายใน 45 วันตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีบอก ”นายนินนาท กล่าว
***จัดเครื่องสูบจากจีนกู้นิคมฯ
นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ทางกระทรวงฯได้สั่งนำเข้าเครื่องสูบน้ำจากจีน 140 เครื่องมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแผนงานรัฐบาลในการเร่งกู้นิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการต่างๆ ภายหลังน้ำลด โดยจะทำงานร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะทำให้ภาคการผลิตกลับมาอยู่ในภาวะปกติให้เร็วที่สุด
นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ ได้กำชับให้ป้องกันคลังน้ำมันที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น คลังน้ำมันของบริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด และคลังน้ำมันคาลเท็กซ์ ที่บริเวณคลองเตย รวมทั้งคลังน้ำบางจากบริเวณพระโขนงด้วย โดยแต่ละคลังน้ำมันอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง และทุกแห่งยังจ่ายน้ำมันตามปกติ ส่วนแผนสำรองในการขนส่งน้ำมันไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่สามารถขนส่งจากคลังน้ำมันลำลูกกาได้ จะอาศัยทางท่อในการขนส่งน้ำมันแทน.
นายเคียวอิจิ ทานาดะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ (เจซีซี) กล่าวในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ภายหลังนำคณะผู้บริหารจากบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมีความกังวลใจเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของไทยมาก เพราะมีผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นและประเทศในเอเชียอีกด้วย จึงต้องการให้รัฐบาลเร่งระบายน้ำเป็นอันดับแรก ส่วนมาตรการฟื้นฟูสามารถดำเนินการภายหลังได้
“ โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทยถูกน้ำท่วมนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้โตโยต้าต้องหยุดการผลิตรถยนต์ในไทย แต่ยังกระทบถึงบริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศในเอเซียด้วย เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนป้อนผ่านเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) ” นายเคียวอิจิกล่าว
ทั้งนี้ญี่ปุ่นเจอปัญหาภัยสึนามิจนต้องหยุดประกอบการไปประมาณ 1 เดือนและได้มีการเร่งการผลิตกลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่เมื่อเจอปัญหาน้ำท่วมในไทยซ้ำเข้าไปอีก จึงส่งผลให้มีการลดส่งชิ้นส่วนจากประเทศในอาเซียนไปยังบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น ทำให้ต้องลดการทำงานล่วงเวลา(โอที)ลงมาจากเดิมที่จะต้องเร่งผลิตเพื่อชดเชยตอนช่วงสึนามิ
อย่างไรก็ตามทางบริษัทพยายามมองหาชิ้นส่วนนำเข้าจากประเทศอื่นๆแทน แต่ยอมรับว่าหายากเพราะฐานผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ไทย
นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ บริษัท โตโยต้าฯ กล่าวเสริมว่า ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงกว่าเหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้น เนื่องจากช่วงสึนามิยังมีเวลาได้ปรับแผนการผลิต โดยการทยอยลดการผลิตจาก100% ลดลงเหลือ 30% เพราะยังพอมีสต๊อกชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ แต่ครั้งนี้ต้องหยุดผลิตเลยทันที โดยที่ผ่านมาโตโยต้าหยุดการผลิตไปแล้ว 2 สัปดาห์ ทำให้กำลังการผลิตรถยนต์หายไป 40,000 คัน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังจ่ายเงินเดือนเต็ม 100% ให้พนักงานโตโยต้าในไทยที่มีอยู่ 12,000 คน ระหว่างนี้ก็จะนำพนักงานไปร่วมทำกิจกรรมอาสา(CSR)ต่างๆ
“ เรื่องการช่วยเหลือ ฟื้นฟูค่อยมาทีหลัง แต่ทำอย่างไรให้น้ำลดโดยเร็ว โดยระหว่างนี้จะวางมาตรการฟื้นฟูไว้บ้างก็ได้แต่อยากให้รัฐสำรวจความเสียหายที่เกิดกับแต่ละบริษัท เพื่อนำมากำหนดมาตรการช่วยเหลือเพื่อจะได้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะยอมรับว่า โตโยต้ามีปริมาณการผลิตเยอะสุด ส่งออกมากสุดจึงได้รับผลกระทบมากสุด ก็หวังว่ารัฐบาลจะสามารถฟื้นฟูนิคมฯที่ถูกน้ำท่วมได้ภายใน 45 วันตามที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีบอก ”นายนินนาท กล่าว
***จัดเครื่องสูบจากจีนกู้นิคมฯ
นายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ทางกระทรวงฯได้สั่งนำเข้าเครื่องสูบน้ำจากจีน 140 เครื่องมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนแผนงานรัฐบาลในการเร่งกู้นิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการต่างๆ ภายหลังน้ำลด โดยจะทำงานร่วมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะทำให้ภาคการผลิตกลับมาอยู่ในภาวะปกติให้เร็วที่สุด
นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ ได้กำชับให้ป้องกันคลังน้ำมันที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น คลังน้ำมันของบริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย จำกัด และคลังน้ำมันคาลเท็กซ์ ที่บริเวณคลองเตย รวมทั้งคลังน้ำบางจากบริเวณพระโขนงด้วย โดยแต่ละคลังน้ำมันอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง และทุกแห่งยังจ่ายน้ำมันตามปกติ ส่วนแผนสำรองในการขนส่งน้ำมันไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หากไม่สามารถขนส่งจากคลังน้ำมันลำลูกกาได้ จะอาศัยทางท่อในการขนส่งน้ำมันแทน.
