เป็นเรื่องตลกอย่างฉกาจฉกรรจ์ที่เกมการเมืองของพวกนักเลือกตั้งน้ำเน่า ในเวลานี้ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องแก้ 2 วิกฤตชาติที่ยิ่งใหญ่มากโขอยู่ แต่กลับเป็นไปแบบสลับหัวสลับหาง ไร้ซึ่งหลักการที่ถูกหยิบยกมาอ้างแบบข้างๆ คูๆ
ผมเองแสนงงและมึนตึ๊บจริงๆ ครับกับการกระทำของรัฐบาลปูขาเกและพลแก๊งแดงกร่าง!!
ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยกว่า 3 เดือนกินพื้นที่กว่าครึ่งค่อนประเทศ มีเสียงเรียกร้องให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่ก็ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้ใช้อำนาจเข้าไปแก้ความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จและทันท่วงที แต่กลับกลัวกองทัพจะได้ใจชาวบ้านไปครอง อีกทั้งพยายามแตะสกัดขาแก้ พ.ร.บ.กลาโหมให้ย้ายผู้นำเหล่าทัพง่ายขึ้น เพราะอยากเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.ใจแทบขาด แถมป่าวประกาศเรื่องทหารจะปฏิวัติตลอดเวลา
แต่ท่ามกลางวิกฤตไฟใต้ที่มากมายไปด้วยเสียงระเบิด เสียงปืน การไล่ล่าฆ่ากับแบบรายวัน การก่อวินาศกรรมชนิดไม่เลือกฝ่าย อันจะเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือฝีมือใครก็ตาม ซึ่งยังดำเนินอยู่และดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้ภัยน้ำท่วม เวลานี้กลับยินยอมหมอบราบคาบแก้วให้กับทหาร โดยกองทัพเสนอปรับรื้อโครงสร้างอำนาจรัฐในชายแดนใต้อย่างใดก็ได้อย่างนั้น
อย่างนี้แล้วจะเรียกว่าเป็นการกระทำแบบสองมาตรฐาน หรือว่าไร้มาตรฐานดีครับ??
ความจริงแล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เวลานี้ก็ไม่ต่างจากชุดอื่นๆ ภายใต้ปีกโอบของระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช หรือรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะล้วนมีนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ที่เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศยื่นมือเข้ามาชักใยอยู่เบื้องหลัง แล้วอาศัยขุมกำลังของสีกากีเป็นแขนขาส่อไปในทางสร้างรัฐตำรวจ
เฉพาะวิกฤตไฟใต้ ความคิดเรื่องรัฐตำรวจนี่แหละครับที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ เชื่อข้อมูลสีกากีถึงขั้นแสดงความอหังการต่อการแก้ปัญหาไฟใต้ด้วยการปรับรื้อโครงสร้างอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน จนมีคนกล่าวขานกันว่าไม่ต่างอะไรจากที่อดีตนายตำรวจเก่าผู้นี้เอาเท้ากวนอำนาจรัฐดับไฟใต้
ปรากฏการณ์สำคัญที่สุดคือ ครม.ทักษิณสัญจรที่นราธิวาสปี 2545 สั่งให้ทุบทิ้ง 2 หน่วยงานพิเศษคือ ศอ.บต.และ พตท.43 แล้วให้ทหารกลับเข้ากรมกองเพื่อลบภาพความเป็นพื้นที่ชายแดนพิเศษ แล้วมีผลในทางปฏิบัติปี 2546
เชื่อว่ายังมีคนจำนวนมากจำภาพการโหมไฟใต้ในครั้งกระนั้นได้ดี เมื่ออยู่ดีๆ พื้นที่ที่ทหารดูแลมาหลายสิบปี กลับต้องถูกส่งกลับไปอยู่ในมือตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์อุ้มรีดข้อมูล แล้วนำไปสู่การล้มหายตายจากของคนนับพัน ที่โด่งดังที่สุดก็กรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร นั่นไง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกิดสถานการณ์เลวร้ายตามมามากมาย เริ่มจากต้นปี 2547 เกิดเหตุปล้นปืนในค่ายทหารที่นราธิวาส จากนั้นก็ปั่นป่วนกันไปใหญ่โตมโหฬารทั่วชายแดนใต้ หน่วยตำรวจและทหารสลับกันถูกถล่มและเสียชีวิต แล้วก็เวียนไปบรรดากลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมถึงคนในแวดวงการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างถ้วนทั่ว
เป็นที่รับรู้กันในเวลานั้นด้วยว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในชายแดนใต้ก็ได้มีโอกาสฟูมฟักตัวเองครั้งใหญ่ และต่อเชื่อมข้ามชาติได้อย่างจริงจัง จากที่ขบวนการนี้เคยอ่อนล้าจนเกือบจะสูญพันธุ์ ก็กลับกลายเป็นเข้มแข็งขึ้นมาในช่วงเวลาเพียงไม่นานนัก
ยังจำกันได้ดีใช่ไหมครับว่า เมื่อสถานการณ์ไฟใต้เลวร้ายจนอำนาจรัฐรับมือไม่ได้แล้ว สุดท้ายระบอบทักษิณก็จำยอมให้ทหารกลับมาคุม แต่ช่วงแรกๆ ก็เป็นไปแบบมั่วซั่วและมีหน่วยงานชื่อย่อเกิดขึ้นมากมายอย่าง กอ.สสส.จชต.นั่นประไร
ในที่สุดระบอบทักษิณก็ถูกรัฐประหารแล้วมีรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้ฟื้น 2 หน่วยงานที่ถูกยุบไปให้กลับขึ้นมาคือ ศอ.บต.ในฟากพลเรือน กับ พตท.ในฟากทหาร ในส่วนแรกก็มีพัฒนาการจนมาเป็น ศอ.บต.ที่เกิดจาก พ.ร.บ.ศอ.บต.ในวันนี้ ด้วยเพราะทุกฝ่ายเชื่อว่าถึงอย่างไรแนวทางดับไฟใต้ดีที่สุดก็คือ ต้องใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร
ผมเพียงอยากจะบอกท่านผู้อ่านว่า ณ เวลานี้เรายังเห็นความพยายามตั้งรัฐตำรวจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างการให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกฯ ความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกฯ ผู้มากบทบาท พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น รมว.ยุติธรรม และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เป็น รมช.คมนาคม เป็นต้น
รวมถึงให้ตำรวจกระจายไปคุมหน่วยงานสำคัญต่างๆ อย่างล่าสุด ครม.เพิ่งมีมติให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ข้ามห้วยอีกรอบจากรองปลัดยุติธรรมระดับ 10 ได้ขึ้นแท่นเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.ระดับ 11 แทนภาณุ อุทัยรัตน์ ที่ถูกเก็บเข้ากรุไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ
อีกทั้งเวลานี้กองทัพก็ชงเรื่องให้รื้อใหญ่อำนาจรัฐดับไฟใต้อีกหน โดยให้ทหารกินรวบ แล้วบอนไซหน่วยงานเดิมให้เหลือเพียง ศอ.บต.ส่วนแยก พร้อมๆ กันนั้นก็ให้ตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นใหม่คือ ศูนย์บูรณาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบก.จชต.) แต่ก็ให้อยู่ในปีกทหารอีกคือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ภาพทักษิณ ชินวัตร ใช้เท้ากวนอำนาจดับไฟใต้ครั้งก่อนยังไม่ทันจางหาย เวลานี้มีแนวโน้มจะให้รัฐบาลน้องสาวทำซ้ำอีกในลักษณะเดียวกัน จึงเป็นเรื่องน่าหวาดวิตกว่าไฟใต้กำลังจะถูกทำให้โหมกระหน่ำลุกลามอีกระลอกหรือไม่ ซึ่งเวลานี้ก็โชนเปลวดุเดือดเลือดพล่านอยู่แล้ว
แต่ที่ผมสุดจะงงและมึนตึ๊บยิ่งกว่าก็คือ รัฐตำรวจที่พยายามจะเดินเกมควบคุมกองทัพให้อยู่หมัด แต่ไฉนในส่วนของวิกฤตไฟใต้จึงยอมให้ทหารสนตะพายได้แบบง่ายๆ เสียอย่างนั้น?!?!
ผมเองแสนงงและมึนตึ๊บจริงๆ ครับกับการกระทำของรัฐบาลปูขาเกและพลแก๊งแดงกร่าง!!
ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยกว่า 3 เดือนกินพื้นที่กว่าครึ่งค่อนประเทศ มีเสียงเรียกร้องให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่ก็ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้ใช้อำนาจเข้าไปแก้ความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จและทันท่วงที แต่กลับกลัวกองทัพจะได้ใจชาวบ้านไปครอง อีกทั้งพยายามแตะสกัดขาแก้ พ.ร.บ.กลาโหมให้ย้ายผู้นำเหล่าทัพง่ายขึ้น เพราะอยากเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.ใจแทบขาด แถมป่าวประกาศเรื่องทหารจะปฏิวัติตลอดเวลา
แต่ท่ามกลางวิกฤตไฟใต้ที่มากมายไปด้วยเสียงระเบิด เสียงปืน การไล่ล่าฆ่ากับแบบรายวัน การก่อวินาศกรรมชนิดไม่เลือกฝ่าย อันจะเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือฝีมือใครก็ตาม ซึ่งยังดำเนินอยู่และดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้ภัยน้ำท่วม เวลานี้กลับยินยอมหมอบราบคาบแก้วให้กับทหาร โดยกองทัพเสนอปรับรื้อโครงสร้างอำนาจรัฐในชายแดนใต้อย่างใดก็ได้อย่างนั้น
อย่างนี้แล้วจะเรียกว่าเป็นการกระทำแบบสองมาตรฐาน หรือว่าไร้มาตรฐานดีครับ??
ความจริงแล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เวลานี้ก็ไม่ต่างจากชุดอื่นๆ ภายใต้ปีกโอบของระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช หรือรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เพราะล้วนมีนักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ที่เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศยื่นมือเข้ามาชักใยอยู่เบื้องหลัง แล้วอาศัยขุมกำลังของสีกากีเป็นแขนขาส่อไปในทางสร้างรัฐตำรวจ
เฉพาะวิกฤตไฟใต้ ความคิดเรื่องรัฐตำรวจนี่แหละครับที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ เชื่อข้อมูลสีกากีถึงขั้นแสดงความอหังการต่อการแก้ปัญหาไฟใต้ด้วยการปรับรื้อโครงสร้างอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน จนมีคนกล่าวขานกันว่าไม่ต่างอะไรจากที่อดีตนายตำรวจเก่าผู้นี้เอาเท้ากวนอำนาจรัฐดับไฟใต้
ปรากฏการณ์สำคัญที่สุดคือ ครม.ทักษิณสัญจรที่นราธิวาสปี 2545 สั่งให้ทุบทิ้ง 2 หน่วยงานพิเศษคือ ศอ.บต.และ พตท.43 แล้วให้ทหารกลับเข้ากรมกองเพื่อลบภาพความเป็นพื้นที่ชายแดนพิเศษ แล้วมีผลในทางปฏิบัติปี 2546
เชื่อว่ายังมีคนจำนวนมากจำภาพการโหมไฟใต้ในครั้งกระนั้นได้ดี เมื่ออยู่ดีๆ พื้นที่ที่ทหารดูแลมาหลายสิบปี กลับต้องถูกส่งกลับไปอยู่ในมือตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์อุ้มรีดข้อมูล แล้วนำไปสู่การล้มหายตายจากของคนนับพัน ที่โด่งดังที่สุดก็กรณีทนายสมชาย นีละไพจิตร นั่นไง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกิดสถานการณ์เลวร้ายตามมามากมาย เริ่มจากต้นปี 2547 เกิดเหตุปล้นปืนในค่ายทหารที่นราธิวาส จากนั้นก็ปั่นป่วนกันไปใหญ่โตมโหฬารทั่วชายแดนใต้ หน่วยตำรวจและทหารสลับกันถูกถล่มและเสียชีวิต แล้วก็เวียนไปบรรดากลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมถึงคนในแวดวงการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างถ้วนทั่ว
เป็นที่รับรู้กันในเวลานั้นด้วยว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนในชายแดนใต้ก็ได้มีโอกาสฟูมฟักตัวเองครั้งใหญ่ และต่อเชื่อมข้ามชาติได้อย่างจริงจัง จากที่ขบวนการนี้เคยอ่อนล้าจนเกือบจะสูญพันธุ์ ก็กลับกลายเป็นเข้มแข็งขึ้นมาในช่วงเวลาเพียงไม่นานนัก
ยังจำกันได้ดีใช่ไหมครับว่า เมื่อสถานการณ์ไฟใต้เลวร้ายจนอำนาจรัฐรับมือไม่ได้แล้ว สุดท้ายระบอบทักษิณก็จำยอมให้ทหารกลับมาคุม แต่ช่วงแรกๆ ก็เป็นไปแบบมั่วซั่วและมีหน่วยงานชื่อย่อเกิดขึ้นมากมายอย่าง กอ.สสส.จชต.นั่นประไร
ในที่สุดระบอบทักษิณก็ถูกรัฐประหารแล้วมีรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้ฟื้น 2 หน่วยงานที่ถูกยุบไปให้กลับขึ้นมาคือ ศอ.บต.ในฟากพลเรือน กับ พตท.ในฟากทหาร ในส่วนแรกก็มีพัฒนาการจนมาเป็น ศอ.บต.ที่เกิดจาก พ.ร.บ.ศอ.บต.ในวันนี้ ด้วยเพราะทุกฝ่ายเชื่อว่าถึงอย่างไรแนวทางดับไฟใต้ดีที่สุดก็คือ ต้องใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร
ผมเพียงอยากจะบอกท่านผู้อ่านว่า ณ เวลานี้เรายังเห็นความพยายามตั้งรัฐตำรวจของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างการให้ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นรองนายกฯ ความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกฯ ผู้มากบทบาท พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็น รมว.ยุติธรรม และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เป็น รมช.คมนาคม เป็นต้น
รวมถึงให้ตำรวจกระจายไปคุมหน่วยงานสำคัญต่างๆ อย่างล่าสุด ครม.เพิ่งมีมติให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ข้ามห้วยอีกรอบจากรองปลัดยุติธรรมระดับ 10 ได้ขึ้นแท่นเป็นเลขาธิการ ศอ.บต.ระดับ 11 แทนภาณุ อุทัยรัตน์ ที่ถูกเก็บเข้ากรุไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ
อีกทั้งเวลานี้กองทัพก็ชงเรื่องให้รื้อใหญ่อำนาจรัฐดับไฟใต้อีกหน โดยให้ทหารกินรวบ แล้วบอนไซหน่วยงานเดิมให้เหลือเพียง ศอ.บต.ส่วนแยก พร้อมๆ กันนั้นก็ให้ตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นใหม่คือ ศูนย์บูรณาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบก.จชต.) แต่ก็ให้อยู่ในปีกทหารอีกคือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ภาพทักษิณ ชินวัตร ใช้เท้ากวนอำนาจดับไฟใต้ครั้งก่อนยังไม่ทันจางหาย เวลานี้มีแนวโน้มจะให้รัฐบาลน้องสาวทำซ้ำอีกในลักษณะเดียวกัน จึงเป็นเรื่องน่าหวาดวิตกว่าไฟใต้กำลังจะถูกทำให้โหมกระหน่ำลุกลามอีกระลอกหรือไม่ ซึ่งเวลานี้ก็โชนเปลวดุเดือดเลือดพล่านอยู่แล้ว
แต่ที่ผมสุดจะงงและมึนตึ๊บยิ่งกว่าก็คือ รัฐตำรวจที่พยายามจะเดินเกมควบคุมกองทัพให้อยู่หมัด แต่ไฉนในส่วนของวิกฤตไฟใต้จึงยอมให้ทหารสนตะพายได้แบบง่ายๆ เสียอย่างนั้น?!?!
