ASTVผู้จัดการรายวัน- ส.อ.ท.สวดรัฐบาลหากน้ำเข้าโจมตีกรุงเทพฯชั้นในเท่ากับปล่อยให้ข้าศึกโจมตีเมืองหลวงเจ๊งแน่ เชื่อมั่นลงทุนไม่เหลือ จี้หากเกินต้านทานไม่ควรสูงเฉลี่ยเกิน 50 เซนติเมตร และเร่งพูดความจริงให้ประชาชนเพื่อจัดการตัวเองก่อนจะกลียุค
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตามหลักการแล้วน้ำไม่ควรจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน เพราะเปรียบเสมือนปล่อยให้ข้าศึกเข้าเมืองหลวง แต่หากจำเป็นจริงก็ไม่ควรจะให้ท่วมเกินระดับ 50 เซนติเมตร ไม่เช่นนั้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนจะไม่เหลือ โดยนักลงทุนต่างชาติเห็นอยู่แล้วว่าน้ำเหนือมาตั้งแต่ 3เดือนที่ผ่านมา เท่ากับไทยมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลพูดความจริงเพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้มีเวลาเตรียมตัว
“กรุงเทพฯ คือ หัวใจด้านเศรษฐกิจ เปรียบตอนนี้น้ำเหมือนข้าศึกแล้ว เราปล่อยให้ข้าศึกเข้าเมืองหลวงได้อย่างไร แต่ถ้าหนีไม่พ้นก็จะต้องเร่งจัดการวางแผนให้คนกรุงเทพฯ เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ สำนักงานใหญ่ของนักลงทุนล้วนอยู่กรุงเทพฯ หากต้องท่วมมากระดับ 1 เมตร จะได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว ไม่ใช่บอกว่าเขตนั้นเสี่ยง เขตนี้เสี่ยง แล้วเขตที่เหลือแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ท่วม”นายสมมาตกล่าว
นอกจากนี้ ภาพที่ออกมาทางสื่อหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐถูกประชาชนประท้วงไล่ตีเพื่อเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานดูแลน้ำท่วม ถือเป็นการตอกย้ำว่าไทยไม่ได้มีการใช้ข้อกฏหมายที่เบ็ดเสร็จได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนเองได้เสนอไปแล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องมองในเรื่องของพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.บ.ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการ แต่รัฐก็ยังกลับไม่ดำเนินการ ทำให้การบริหารจัดการไม่เบ็ดเสร็จส่งผลให้ไม่มีระบบประกันภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนได้เลย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า หากที่สุดไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน คงยอมรับว่าภาพพจน์ประเทศไทยคงจะไม่เหลืออะไรเลย เนื่องจากจะเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถจะบริหารจัดการได้ และกรุงเทพฯ คือ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ หากน้ำท่วมการบริหารจะเป็นสูญญากาศทันที และระดับน้ำหากสูงมากและอยู่นานความเสียหายคงประเมินไม่ได้
“อย่าลืมว่าไทยศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯ ทุกอย่างทั้งสำนักงานใหญ่บริษัท การเงิน การธนาคาร การกระจายสินค้า หากน้ำท่วมต้องถามว่าระดับไหน นานเพียงใด ถ้าสูงและยังเป็นเดือนทุกอย่างก็จบ ประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะท่วมหนักในบางรัฐ เช่น สหรัฐฯ แต่รัฐอื่นๆ ยังช่วยดูแลได้ แต่ไทยต่างจากประเทศเหล่านี้ทุกอย่างรวมอยู่ที่กรุงเทพฯ”นายธนิตกล่าว
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตามหลักการแล้วน้ำไม่ควรจะเข้าท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน เพราะเปรียบเสมือนปล่อยให้ข้าศึกเข้าเมืองหลวง แต่หากจำเป็นจริงก็ไม่ควรจะให้ท่วมเกินระดับ 50 เซนติเมตร ไม่เช่นนั้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนจะไม่เหลือ โดยนักลงทุนต่างชาติเห็นอยู่แล้วว่าน้ำเหนือมาตั้งแต่ 3เดือนที่ผ่านมา เท่ากับไทยมีปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการ ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลพูดความจริงเพื่อให้ประชาชนและนักลงทุนที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้มีเวลาเตรียมตัว
“กรุงเทพฯ คือ หัวใจด้านเศรษฐกิจ เปรียบตอนนี้น้ำเหมือนข้าศึกแล้ว เราปล่อยให้ข้าศึกเข้าเมืองหลวงได้อย่างไร แต่ถ้าหนีไม่พ้นก็จะต้องเร่งจัดการวางแผนให้คนกรุงเทพฯ เตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ สำนักงานใหญ่ของนักลงทุนล้วนอยู่กรุงเทพฯ หากต้องท่วมมากระดับ 1 เมตร จะได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว ไม่ใช่บอกว่าเขตนั้นเสี่ยง เขตนี้เสี่ยง แล้วเขตที่เหลือแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ท่วม”นายสมมาตกล่าว
นอกจากนี้ ภาพที่ออกมาทางสื่อหลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐถูกประชาชนประท้วงไล่ตีเพื่อเข้าขัดขวางการปฏิบัติงานดูแลน้ำท่วม ถือเป็นการตอกย้ำว่าไทยไม่ได้มีการใช้ข้อกฏหมายที่เบ็ดเสร็จได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนเองได้เสนอไปแล้วว่าถึงเวลาที่จะต้องมองในเรื่องของพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.บ.ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการบริหารจัดการ แต่รัฐก็ยังกลับไม่ดำเนินการ ทำให้การบริหารจัดการไม่เบ็ดเสร็จส่งผลให้ไม่มีระบบประกันภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนได้เลย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า หากที่สุดไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ ชั้นใน คงยอมรับว่าภาพพจน์ประเทศไทยคงจะไม่เหลืออะไรเลย เนื่องจากจะเป็นการชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถจะบริหารจัดการได้ และกรุงเทพฯ คือ ศูนย์กลางเศรษฐกิจ หากน้ำท่วมการบริหารจะเป็นสูญญากาศทันที และระดับน้ำหากสูงมากและอยู่นานความเสียหายคงประเมินไม่ได้
“อย่าลืมว่าไทยศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพฯ ทุกอย่างทั้งสำนักงานใหญ่บริษัท การเงิน การธนาคาร การกระจายสินค้า หากน้ำท่วมต้องถามว่าระดับไหน นานเพียงใด ถ้าสูงและยังเป็นเดือนทุกอย่างก็จบ ประเทศอื่นๆ แม้ว่าจะท่วมหนักในบางรัฐ เช่น สหรัฐฯ แต่รัฐอื่นๆ ยังช่วยดูแลได้ แต่ไทยต่างจากประเทศเหล่านี้ทุกอย่างรวมอยู่ที่กรุงเทพฯ”นายธนิตกล่าว
