กทม.แจงแผนรับมือวิกฤติน้ำท่วม มั่นใจกรุงเทพฯไม่ท่วมทุกเขต เล็งประกาศพื้นที่อพยพ-เฝ้าระวังเพิ่ม 3-5 วันนี้ ชี้ กรุงเทพฯ ท่วมแน่ แต่ยังประเมินผลกระทบไม่ได้ ขึ้นกับรัฐบาลจะปล่อยน้ำเข้าทางไหน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (27 ต.ค.) เวลา 13.50 น.ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เขตปทุมวัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงสถานการณ์และแผนรองรับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วมกรุงเทพฯ ร่วมกับตัวแทนภาคอุตสาหกรรม หอการค้าไทย หอการค้าต่างประเทศ จำนวน 55 องค์กร อาทิ นายกสมาคมโรงแรมไทย นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ นายกสมาคมธนาคารไทย นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย กว่า 500 คน ภายหลังที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้มีคำสั่งเลขที่ 22/2554 ลงวันที่ 24 ต.ค.54 มอบหมายภารกิจให้กทม. เป็นผู้รับผิดชอบหลักพื้นที่เศรษฐกิจ และสถานที่สำคัญภาคเอกชนในการป้องกันน้ำท่วม
ม.ร.ว.สุุขมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.อยากแจ้งถึงสถานการณ์น้ำทั่วไป ซึ่ง กทม.จะตอบข้อสงสัยใหัดีที่สุด ขณะเดียวกัน กทม.อยากเปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในฐานะมีส่วนสำคัญให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้า และอยากหารือกับเอกชนว่าอนาคตจะร่วมมือกันได้อย่างไรภายหลังปัญหาน้ำท่วมผ่านไปแล้ว เพื่อให้กรุงเทพฯเดินหน้าต่อไปได้
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้น้ำมีปริมาณน้ำจำนวนมาก ซึ่ง ศปภ.ประเมินว่า จะมีถึง 1 หมื่นถึง 1.6 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่มวลน้ำเหล่านี้ไม่ได้มาหล่นทัพกรุงเทพฯทั้งหมด แต่คำถามว่าน้ำที่อยู่เหนือกรุงเทพฯจะมีเท่าไหร่ ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เพราะมวลน้ำที่อยู่เหนือกรุงเทพฯมีมากจริงๆ แต่ไม่ใช่ทุกหยด ทุกลูกบาศก์เมตรจะมาถึงกรุงเทพฯ เพราะน้ำบางส่วนจะเข้าคู คลอง แม่น้ำต่างๆ กว่าจะถึงกรุงเทพฯ คาดว่า ปริมาณจะลดลง แต่กทม.จะประเมินได้อีกครั้งเมื่อมวลน้ำมาถึง
อย่างไรก็ตาม กรุงเทพฯคงน้ำท่วมแน่ๆ ส่วนจะครอบคลุมพื้นที่ไหน ยังยากที่จะพูดด้วยเหตุผล ขึ้นอยู่กับการบริหารของรัฐบาลจะให้น้ำส่วนใหญ่ไปที่ไหน แต่ไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจผันน้ำอย่างไร กทม.ก็ยอมรับ นอกจากนี้ที่ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้ เพราะกทม.ยังมีระบบป้องกันน้ำท่วมตั้งแต่ปี 2526 ซึ่งเป็นระบบที่ดีที่สุดตั้งแต่มีมา โดยในกรุงเทพฯสามารถระบายได้ 1,600 ลูกบาศกเมตรต่อวินาที หรือ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แบ่งเป็นฝั่งพระนครระบายได้ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนฝั่งธนบุรีระบายได้ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.ยังมีแนวป้องกันน้ำตามพระราชดำริยาว 35.2 กิโลเมตร เพื่อป้องกันน้ำจากกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกเข้ากรุงเทพฯชัั้นใน และยังมีคลองในกรุงเทพฯชั้นใน เพื่อป้องกันน้ำท่วมในฤดูฝน โดยจะพร่องน้ำในคลองเพื่อรองรับฝนที่จะตก นอกจากนี้ กทม.ยังมีสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำ มีแก้มลิง อุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำ แต่ระบบเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ เช่นแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วมรับได้ 2.50 เมตร. แต่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นใน 2-3 วันนี้ เพราะระดับน้ำเจ้าพระยาอาจสูงกว่า 2.50 เมตรได้
"จุดอ่อนที่สำคัญที่สุด คือ ด่านในการป้องกันน้ำท่วมไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะยังมีพื้นที่ที่ต.หลักหก จ.ปุทธานี ที่ถนนพหลโยธิน ตัดคลองรังสิต จ.ปทุมธานี ที่คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม ซึ่ง กทม.ไม่ได้เข้าไปดูแลได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง กทม.ไม่สามารถควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำของกรมชลประทาน เพราะไม่มีอำนาจ ซึ่งผมไม่ได้แก้ตัว แต่กำลังพูดถึงความเป็นจริง ดังนั้น กทม.กับรัฐบาลต้องจับเข่าคุยกันเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม.” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า อาจจะมีคำถามเกี่ยวกับระบบของ กทม.ว่า กทม.เปิดประตูน้ำหรือไม่ หรือเหตุใดคลองบางแห่งจึงมีปริมาณน้ำแห้ง ตนก็บอกว่าใช่ เพราะปีนี้ฝนตกมาก กทม.จึงใช้คลองในการพร่องน้ำป้องกันน้ำท่วมขัง ทำให้ในช่วงฤดูฝนจะใช้ประตูระบายน้ำควบคุมระดับน้ำในคลอง แต่ กทม.ได้เปิดทั้งหมดแต่ไม่สามารถเปิดกว้างได้ทั้งหมด เพราะคนกรุงเทพฯจะเดือดร้อน โดยการเปิดประตูระบายน้ำต้องพิจารณาว่าปลายน้ำจะได้รับผลกระทบหรือไม่ เช่นหากเปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาปลายน้ำจะท่วมแน่นอน ซึ่ง ศปภ.ก็เข้าใจประเด็นนี้ เพียงแต่ว่าข่าวออกไปกทม.ไม่เปิดประตูน้ำ หรือขัดคำสั่งรัฐบาล ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ช่วง 3-5 วันจากนี้อาจจะมีการประกาศให้บางเขตเป็นเฝ้าระวัง หรือประกาศบางเขตเป็นพื้นที่อพยพเพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเขตไหน เพราะต้องประเมินสถานการณ์ทุกระยะ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่รัฐบาลได้ประเมินว่ากรุงเทพฯจะท่วมทุกเขต แต่กทม.ยอมรับการประเมินนี่ไม่ได้ เพราะ กทม.จะจำกัดพื้นที่การท่วมน้อยที่สุด แต่ขออย่าเพิ่งถอดใจว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ แต่หากถ้าท่วมระดับความรุนแรงจะไม่เท่ากัน และที่บางฝ่ายบอกจะอพยพกันทั้งเมือง ตนเห็นว่าจะไม่เกิดขึ้น เพราะการข่าวของ กทม.ไม่ได้ด้อยกว่าหน่วยงานใด
