xs
xsm
sm
md
lg

ทหารป้องวัง “40กองร้อย” “บิ๊กตู่”ชี้ไม่วิกฤตขั้นอพยพคนกทม.10ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ทหารป้องวัง “40กองร้อย”กองทัพภาคที่ 1คุมชั้นใน “วังสวนจิตรฯ วังศุโขทัย วัดพระแก้ว” ตั้งกองอำนวยการร่วมป้องน้ำท่วม “ผบ.ทบ.”เปิดกรมทหารม้าที่5สระบุรี “ค่ายอดิศร” เป็นศูนย์รองรับแทนธรรมศาสตร์รังสิต เชื่อต้น พ.ย.น้ำลด ไม่วิกฤติขั้นอพยพคนกทม.10ล้านคน เตือนคนกรุงอย่าตระหนก คาดสู้น้ำได้1สัปดาห์ ลั่นยังไม่ถึงเวลารบ.ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน โวย!น้ำไม่ฟังกฏหมาย

เมื่อ เวลา 10.00 น. วานนี้ (24 ต.ค.)ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม. 2 รอ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา I,;”กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสธ.ทบ. พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.สุรศํกดิ์ บุญศิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. และนายทหารระดับสูงของกองทัพบกได้ร่วมประชุมพร้อมฟังบรรยายสรุปแผนปฏิบัติ การการบินสำรวจสภาพพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อเตรียมแผนรับมือปัญหาอุทกภัย จากนั้นทางคณะได้ขึ้นเครื่องบินแบบแบล็คฮอล์ก เพื่อสำรวจเส้นทางน้ำในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อนำข้อมูลรายงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)

พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ กล่าวก่อนลงสำรวจพื้นที่ว่า เป็นการบินเพื่อสำรวจเป็นวงกลมของพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยเริ่มบินไปดูสันดรปากแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางประกง พื้นที่บางใหญ่ บางบัวทอง คลองรังสิต และคลอง 6 เพื่อดูรอยต่อน้ำที่ทะลักเข้ามาว่า ได้แก้ปัญหามากน้อยแค่ไหน พร้อมดูน้ำจากคลองรังสิตที่จะเข้าคลอง หกวา และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยในวันที่ 25 ต.ค.นี้ได้นัดกับ ผบ.ทบ.เพื่อใช้เรือมอเตอร์โบทเข้าไปตรวจเส้นทางของคลองที่สำคัญที่อาจเกิด ภาวะวิกฤติน้ำหนุน ซึ่งทุกวิกฤติที่อาจเกิดขึ้น กองทัพบกได้เตรียมการแก้ไขหมดแล้ว เช่น การอพยพประชาชนจากศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต โดยเตรียมจัดเรือหรือรถให้ผู้ประสบภัยย้ายไปที่ศูนย์อพยพกรมทหารม้าที่ 5 จ.สระบุรี ทั้งนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งให้แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมพื้นที่อพยพเป็นจุดในพื้นที่ กทม.เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายหากมีน้ำท่วม กทม. ซึ่งจะมีการแจ้งต่อสาธารณะในวันนี้ว่ามีจุดใดบ้าง ทั้งนี้ได้สั่งการให้กองหนุนและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเฝ้าระวังในพื้นที่สำคัญ คือ คลองหกวา โดยเราจะพยายามพยุงน้ำให้ได้ภายใน 7 วัน หากเลยถึงต้นเดือนพฤศจิกายนปัญหาส่วนกลางจะลดน้อยลง

ขณะนี้เราได้จัดชุดเสนารักษ์จากกรมแพทย์ทหารบก กรมพลาธิการทหารบกเพื่อสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่นำสิ่งของและยาเข้าไปแจกจ่าย รวมทั้งมีการเปลี่ยนแผนอนาคตให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ ทบ. โดยได้จัดคณะทำงานขึ้น และให้ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. วางโครงการบำบัดน้ำเสียให้กับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ ทบ. โดยใช้สารอีเอ็ม(สารจุลินทรีย์) ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่น้ำเริ่มแห้ง และมีน้ำเสีย ซึ่งกองทัพจะเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เราต้องเตรียมการไว้ก่อน ถ้าไม่สามารถรักษาบางส่วนไว้ได้ก็จำเป็นต้องอพยพ การแก้ปัญหาได้ต้องดูแลวินาทีต่อวินาที ส่วนแผนอพยพได้มอบหมายให้ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบเตรียมพื้นที่รองรับผู้อพยพ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1รับปากว่าพร้อม

ส่วนจะมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ แล้วแต่รัฐบาลพิจารณา เราเป็นทหารมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน เราทำเต็มที่ ส่วนกรณีที่ประชาชนต่อว่าด่ารัฐบาลที่ไม่ยอมประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้นั้น ของดพูดเรื่องนี้ เพราะอยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณา ซึ่งทหารจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนพ้นจากความยากลำบากและเตรียม การในอนาคต ซึ่งอะไรที่อยู่ในหน้าที่ของเราเราทำได้ แต่ถ้าเกินอำนาจเราก็ไม่ทำ แม้จะลำบากแต่กองทัพจะอดทน ซึ่งตนไม่ได้ถามนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุใดจึงไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาเห็นความเหมาะ

**ป้องวัง40กองร้อยภาค1คุมชั้นใน

รายงาน ข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สังการให้ทั้ง 4 กองทัพภาคส่งกองหนุนมาช่วยประชาชนในเขตพื้นที่ กทม.ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งได้จัดกำลังมาจากกองทัพภาคที่ 2,3,4, จำนวน 40 กองร้อย โดยให้ขึ้นตรงรับคำสั่งการบังคับบัญชาจากแม่ทัพภาคที่ 1 ส่วนในพื้นที่เขตพระบรมมหาราชวัง วังสวนจิตรลดา วังสุโขทัย ได้มีการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมโดยส่งทหารเข้าไปดูแลรอบพื้นที่เพื่อป้องกัน ไม่ให้น้ำท่วมเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน

** “บิ๊กตู่”โวย!น้ำไม่ฟังกฎหมายแล้ว

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รมว.กลาโหมสั่งการให้กองทัพช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่องเพื่อไม่ให้มวลน้ำส่วนใหญ่เข้ามาในพื้นที่ กทม. และให้ระบายน้ำให้ทันเวลา ซึ่งทหารจะเข้าไปดูแลในการอพยพ ตามกรอบแผนงานที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะที่ผู้ปฏิบัติจะเป็นแม่ทัพต่าง ๆ ที่ได้มอบหมาย ส่วนพื้นที่พนังกั้นน้ำรั่วไหลได้ส่งหน่วยกำลังเข้าไปดูแล ป้องกันคันกั้นน้ำ และอพยพประชาชนที่เดือดร้อนออกมา

“ขณะที่สถานที่พักพิง อย่าตื่นตระหนกเพราะคงไม่ทุกเขต เพราะกทม.มีอยู่ 50 เขต แต่มีเขตเสี่ยงภัย 27 เขต ที่เราวางแผนล่วงหน้าเพราะป้องกันความสับสนว่าเมื่อเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ จะทำอย่างไรต่อไป โดยนำแผนของกทม.มาดูในรายละเอียดเพื่อเข้าไปช่วยเสริมงานในพื้นที่ อย่าคิดว่า จะต้องอพยพคนทั้ง กทม. มันไม่ไหว เพราะมีถึง 10 ล้านคนจะไปอยู่ที่ไหน”

ส่วนจะต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น เท่าที่ รมว.กลาโหม พิจารณา ถือว่า ยังไม่มีความจำเป็น พ.ร.ก.มันจำเป็นในเรื่องกฎหมายที่จะต้องมีความขัดแย้งกันมาก ๆ และมีการใช้อาวุธ แต่นี่มันไม่ใช่ ตอนนี้เรามี ศปภ. ตามมาตรา 31 ของ พรบ.ป้องกันภัย เราสู้กับภัยพิบัติ และสู้กับน้ำ ไม่ได้สู้กับคน ไม่ได้สู้กับผุู้ร้าย หรือโจรที่ไหน ดังนั้นเราไม่ต้องการกฎหมายอะไรมาก เพราะน้ำไม่ฟังกฎหมายอยู่แล้ว ผมจะเอาอำนาจไปทำอะไร ตอนนี้เรามีกฎหมายตามมาตรา 50-51 เพราะเขียนไว้แล้วว่าถ้าไม่ทำก็มีความผิด ทหารก็สนับสนุนการทำงานให้ เราไม่ต้องการอำนาจอะไรมาก เพียงแต่ให้ทหารมีการหมุนเวียนพักผ่อนบ้าง ขอให้เห็นใจอย่านำผมไปขัดแย้งอะไรกับใครเลย ผมว่าพอแล้ว ไปเอากฎหมายมาบังคับใช้ให้น้ำเชื่อฟัง

**มทภ.1 อพยพคนกรุงฯไปวัด-โรงเรียน

พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบทั้งหมด 26 จังหวัด และประสบภัยน้ำท่วม 13 จังหวัด และจังหวัดที่วิกฤตคือ จ.ชัยนาท จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี และ จ.สิงห์บุรี สถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้น เพราะบางจุดน้ำเริ่มลดลง แต่ส่วนใหญ่ประชาชนมักอยู่ในบ้านของตัวเอง จึงต้องส่งอาหารอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าบางจุดอาจไม่ทั่วถึงแต่พยายามทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด

ส่วนพื้นที่ที่น้ำเริ่มท่วมขังตามแนวถนนประมาณ 1 ฝ่ามือ มีปัญหาการสัญจรจึงได้สั่งการให้หน่วยแต่ละพื้นที่อำนวยความสะดวก ส่วนนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เราพยายามเข้าไปช่วยเหลือทุกจุด

“พื้นที่ กทม.นั้น ทหารจะเข้าไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาล อีกไม่เกินหนึ่งเดือน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ซึ่งทางกองทัพจัดทำแผนดูแลประชาชนไว้ทุกเขตแล้ว โดยจะจัดสถานที่พักพิงให้กับประชาชนในพื้นที่วัด และ โรงเรียนที่มีความสูง โดยไม่ได้ให้ตื่นตระหนก ส่วนพื้นที่ที่ไม่เป็นปัญหาถึงระดับที่จะต้องอพยพ แต่อาจจะเป็นปัญหาเรื่องการสัญจร ทั้งนี้ผบ.ทบ.ได้สั่งการหากกำลังที่มีอยู่ไม่เพียงพอก็ได้มีการจัดเตรียมกองหนุนเข้ามาช่วยเหลือจากกองทัพภาคที่ 2 ,3 และ 4 ทั้งนี้ปัญหาน้ำท่วมคงจะไม่กระทบทุกเขต”แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

**“ดอนเมือง-สายไหม-คลอง 1-2” ยังวิกฤติ

ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเส้นทางน้ำว่า ได้ตรวจดูในหลายพื้นที่ตั้งแต่แม่น้ำท่าจีนไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา พบการระบายน้ำเป็นปกติ ต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่งและน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็สูง จากนั้นได้บินสำรวจคลองลัดงิ้วลาย จ.นครปฐม รวมถึงการดูสภาพน้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ซึ่งบริเวณที่น่าห่วงคือมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะน้ำเหนือในพื้นที่ จ.ปทมุธานี และ จ.นนทบุรี โดยจะทำอย่างไรให้น้ำลดระดับ และไม่ให้เน่าเสีย

นอกจากนี้ยังดูในพื้นที่คลองรังสิต ที่มีปัญหา คือ คลอง 1 และคลอง 2 โดยเฉพาะมีปริมาณน้ำที่ประตูจุฬาลงกรณ์มีคันกั้นน้ำเอ่อล้น หรือบางพื้นที่น้ำก็เสมอกับคันกั้นน้ำ และน้ำที่เอ่อล้นก็จะไหลมายังเขตสายไหม และ เขตดอนเมือง

ส่วนในพื้นที่คลองรังสิตไปถึงคลอง 8 และคลองหกวา มีระดับน้ำกระจายไปบริเวณท่วมทุ่งนา และระดับน้ำค่อย ๆ กระจายไป และที่มีปัญหามากคือ คลอง 1 และคลอง 2 ซึ่งแก้ไม่ได้จนน้ำล้นเข้ามายังเขตสายไหม และเขตดอนเมือง ดังนั้นอยากให้ประชาชนนำสิ่งของขึ้นในที่สูง

นอกจากนี้ยังได้บินสำรวจในพื้นที่นิคมฯลาดกระบังตามที่รัฐบาลสั่งให้กระทรรวงกลาโหม ไปดูโดยจัดทหารช่าง และคนงานเพื่อก่อกระสอบทราย และทำคันกั้นน้ำให้แข็งแรง ขณะนี้ยังปลอดภัยอยู่ และจากนั้นยังได้มาดูที่คลองที่13 บริเวณด้านตะวันออก ของแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่า ยังมีปัญหาในพื้นที่จ.ปทุมธานี กับ นนทบุรี ส่วนตอนล่างยังไม่มีปัญหา ขณะที่ซีกขวาแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำเริ่มไหลไปสู่คลองรังสิต ขณะที่ส่วนหนึ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำบริเวณเขตสายไหมน้ำเข้ามา โดยให้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และ หน่วยบัญชาการป้อกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ไปดูแลให้ความปลอดภัย
กำลังโหลดความคิดเห็น