xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” วอนชาวกรุงอย่าตื่นอพยพ ชี้เสี่ยงสูง 13 เขต-สั่งทหารดูแลศูนย์พักพิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
ผู้บัญชาการทหารบกเตือนสติชาวกรุงอย่าตื่นตกใจ เพราะไม่ต้องอพยพออกหมด ชี้ 50 เขต กทม.เสี่ยงสูงแค่ 13 เขต สั่งทหารจัดกำลังดูแลศูนย์พักพิงต่างๆ แล้ว ด้านแม่ทัพภาค 1 เผยทำแผนไว้แล้ว เตรียมประกาศขั้นตอนอพยพเขตบางเขน ดอนเมือง หลักสี่ บางซื่อ ดุสิต วันนี้

วันที่ 24 ต.ค. เมื่อ เวลา 10.00 น.ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม. 2 รอ.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสธ.ทบ. พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.สุรศํกดิ์ บุญศิริ ผบ.พล.ม.2 รอ. และนายทหารระดับสูงของกองทัพบกได้ร่วมประชุมพร้อมฟังบรรยายสรุปแผนปฏิบัติ การการบินสำรวจสภาพพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อเตรียมแผนรับมือปัญหาอุทกภัย จากนั้นทางคณะได้ขึ้นเครื่องบินแบบแบล็คฮอล์ก เพื่อสำรวจเส้นทางน้ำในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เพื่อนำข้อมูลรายงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)

พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ กล่าวก่อนลงสำรวจพื้นที่ว่า เป็นการบินเพื่อสำรวจเป็นวงกลมของพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยเริ่มบินไปดูสันดรปากแม่น้ำท่าจีน แม่น้ำบางประกง พื้นที่บางใหญ่ บางบัวทอง คลองรังสิต และคลอง 6 เพื่อดูรอยต่อน้ำที่ทะลักเข้ามาว่า ได้แก้ปัญหามากน้อยแค่ไหน พร้อมดูน้ำจากคลองรังสิตที่จะเข้าคลอง หกวา และนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยในวันที่ 25 ต.ค.นี้ได้นัดกับ ผบ.ทบ.เพื่อใช้เรือมอเตอร์โบทเข้าไปตรวจเส้นทางของคลองที่สำคัญที่อาจเกิด ภาวะวิกฤติน้ำหนุน ซึ่งทุกวิกฤติที่อาจเกิดขึ้น กองทัพบกได้เตรียมการแก้ไขหมดแล้ว เช่น การอพยพประชาชนจากศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต โดยเตรียมจัดเรือหรือรถให้ผู้ประสบภัยย้ายไปที่ศูนย์อพยพกรมทหารม้าที่ 5 จ.สระบุรี ทั้งนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งให้แม่ทัพภาคที่ 1 เตรียมพื้นที่อพยพเป็นจุดในพื้นที่ กทม.เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายหากมีน้ำท่วม กทม. ซึ่งจะมีการแจ้งต่อสาธารณะในวันนี้ว่ามีจุดใดบ้าง ทั้งนี้ได้สั่งการให้กองหนุนและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเฝ้าระวังในพื้นที่สำคัญ คือ คลองหกวา โดยเราจะพยายามพยุงน้ำให้ได้ภายใน 7 วัน หากเลยถึงต้นเดือนพฤศจิกายนปัญหาส่วนกลางจะลดน้อยลง

พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ แถลงว่า ขณะนี้เราได้จัดชุดเสนารักษ์จากกรมแพทย์ทหารบก กรมพลาธิการทหารบกเพื่อสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่นำสิ่งของและยาเข้าไปแจกจ่าย รวมทั้งมีการเปลี่ยนแผนอนาคตให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ ทบ. โดยได้จัดคณะทำงานขึ้น และให้ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. วางโครงการบำบัดน้ำเสียให้กับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ ทบ. โดยใช้สารอีเอ็ม(สารจุลินทรีย์) ในพื้นที่ จ.ลพบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา ที่น้ำเริ่มแห้ง และมีน้ำเสีย ซึ่งกองทัพจะเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้เราต้องเตรียมการไว้ก่อน ถ้าไม่สามารถรักษาบางส่วนไว้ได้ก็จำเป็นต้องอพยพ การแก้ปัญหาได้ต้องดูแลวินาทีต่อวินาที ส่วนแผนอพยพได้มอบหมายให้ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบเตรียมพื้นที่รองรับผู้อพยพ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 1รับปากว่าพร้อม ส่วนจะมีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ แล้วแต่รัฐบาลพิจารณา เราเป็นทหารมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน เราทำเต็มที่ ส่วนกรณีที่ประชาชนต่อว่าด่ารัฐบาลที่ไม่ยอมประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้นั้น ของดพูดเรื่องนี้ เพราะอยู่ที่รัฐบาลจะพิจารณา ซึ่งทหารจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อให้ประชาชนพ้นจากความยากลำบากและเตรียม การในอนาคต ซึ่งอะไรที่อยู่ในหน้าที่ของเราเราทำได้ แต่ถ้าเกินอำนาจเราก็ไม่ทำ แม้จะลำบากแต่กองทัพจะอดทน ซึ่งตนไม่ได้ถามนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุใดจึงไม่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาเห็นความเหมาะ

รายงาน ข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สังการให้ทั้ง 4 กองทัพภาคส่งกองหนุนมาช่วยประชาชนในเขตพื้นที่ กทม.ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ซึ่งได้จัดกำลังมาจากกองทัพภาคที่ 2,3,4, จำนวน 40 กองร้อย โดยให้ขึ้นตรงรับคำสั่งการบังคับบัญชาจากแม่ทัพภาคที่ 1 ส่วนในพื้นที่เขตพระบรมมหาราชวัง วังสวนจิตรลดา วังสุโขทัย ได้มีการจัดตั้งกองอำนวยการร่วมโดยส่งทหารเข้าไปดูแลรอบพื้นที่เพื่อป้องกัน ไม่ให้น้ำท่วมเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า รมว.กลาโหมสั่งการให้กองทัพช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่องทั้งการป้องกันในหลาย พื้นที่ เพื่อไม่ให้น้ำส่วนใหญ่เข้ามาในพื้นที่ กทม. และให้ระบายน้ำให้ทันเวลา ซึ่งทหารจะเข้าไปดูแลในการอพยพ ตามกรอบแผนงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ กทม. เราก็จะไปบูรณาการแทนให้ และผู้ปฏิบัติจะเป็นแม่ทัพต่าง ๆ ที่ได้มอบหมาย ส่วนพื้นที่พนังกั้นน้ำรั่วไหลได้ส่งหน่วยกำลังเข้าไปดูแล ป้องกันคันกั้นน้ำ และอพยพประชาชนที่เดือดร้อนออกมา ส่วนเรื่องสถานที่พักพิง อย่าตื่นตระหนกเพราะคงไม่ทุกเขต เพราะกทม.มีอยู่ 50 เขต แต่มีเขตเสี่ยงภัย 27 เขต ที่เราวางแผนล่วงหน้าเพราะป้องกันความสับสนว่าเมื่อเกิดน้ำท่วมในบางพื้นที่ จะทำอย่างไรต่อไป โดยนำแผนของกทม.มาดูในรายละเอียดเพื่อเข้าไปช่วยเสริมงานในพื้นที่ อย่าคิดว่า จะต้องอพยพคนทั้ง กทม. มันไม่ไหว เพราะมีถึง 10 ล้านคนจะไปอยู่ที่ไหน

“ผม ไม่อยากใช้คำว่าวิกฤติในพื้นที่ กทม. แต่ใช้คำว่าน้ำท่วมมาตามลำดับ จะเห็นว่าเราแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ในพื้นที่น้ำเหนือลงมาถึง จ.พระนครศรีอยุธยา มันจะไล่มาตามลำดับ คำว่าวิกฤติมันวิกฤติตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ เพราะน้ำก้อนเดียวกันมาถึงที่ กทม. แต่เราอยู่ได้คือการแก้ไขปัญหาร่วมกัน และพูดจาเข้าใจกัน เราควรเจือจางกัน คิดว่าถ้าให้ดีคือจะทำอย่างไรให้ระบายน้ำให้เร็วที่สุดก็จะต้องผ่าน กทม.บ้างบางส่วน บางส่วนก็ไปตะวันตก และ ตะวันออก ถ้าจะไม่ท่วมเลยคงไม่ได้ เพราะน้ำเยอะมาก ส่วนจะต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่นั้น เท่าที่ รมว.กลาโหม พิจารณา ถือว่า ยังไม่มีความจำเป็น พ.ร.ก.มันจำเป็นในเรื่องกฎหมายที่จะต้องมีความขัดแย้งกันมาก ๆ และมีการใช้อาวุธ แต่นี่มันไม่ใช่ ตอนนี้เรามี ศปภ. ตามมาตรา 31 ของ พรบ.ป้องกันภัย เราสู้กับภัยพิบัติ และสู้กับน้ำ ไม่ได้สู้กับคน ไม่ได้สู้กับผู้ร้าย หรือโจรที่ไหน ดังนั้นเราไม่ต้องการกฎหมายอะไรมาก เพราะน้ำไม่ฟังกฎหมายอยู่แล้ว ผมจะเอาอำนาจไปทำอะไร ตอนนี้เรามีกฎหมายตามมาตรา 50-51 เพราะเขียนไว้แล้วว่าถ้าไม่ทำก็มีความผิด ทหารก็สนับสนุนการทำงานให้ เราไม่ต้องการอำนาจอะไรมาก เพียงแต่ให้ทหารมีการหมุนเวียนพักผ่อนบ้าง ขอให้เห็นใจอย่านำผมไปขัดแย้งอะไรกับใครเลย ผมว่าพอแล้ว ไปเอากฎหมายมาบังคับใช้ให้น้ำเชื่อฟัง” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

ทาง ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบทั้งหมด 26 จังหวัด และประสบภัยน้ำท่วม 13 จังหวัด และจังหวัดที่วิกฤตคือ จ.ชัยนาท จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี และ จ.สิงห์บุรี สถานการณ์ขณะนี้เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว เพราะบางจุดน้ำเริ่มลดลง แต่ส่วนใหญ่ประชาชนมักอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง เราจึงต้องส่งอาหารอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าบางจุดอาจไม่ทั่วถึงแต่พยายามทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่ สุด ส่วนพื้นที่ที่น้ำเริ่มท่วมขังตามแนวถนนประมาณ 1 ฝ่ามือ รถยนต์ก็เริ่มติดแล้วจึงได้สั่งการให้หน่วยแต่ละพื้นที่อำนวยความสะดวกการ จราจร และซ่อมรถยนต์ที่เกิดปัญหา ส่วนนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เราพยายามเข้าไปช่วยเหลือทุกจุด ทหารพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งหากนิคมอุตสาหกรรมนั้นๆ เตรียมการไว้ดีก็อยู่ได้ ที่ผ่านมานิคมฯเตรียมการอย่างดีแต่เนื่องจากระดับน้ำ และภัยธรรมชาติร้ายแรง เมื่อเกิดเหตุแล้วทำให้เกิดความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจพอสมควร

“ส่วน พื้นที่ กทม.นั้น รัฐบาลจะเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาร่วมกับกทม. และกรมชลประทาน ส่วนทหารจะเข้าไปแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาล อีกไม่เกินหนึ่งเดือน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ซึ่งทางกองทัพจัดทำแผนดูแลประชาชนไว้ทุกเขตแล้ว โดยจะจัดสถานที่พักพิงให้กับประชาชนในพื้นที่วัด และ โรงเรียนที่มีความสูง โดยไม่ได้ให้ตื่นตระหนก ซึ่งเราจะดำเนินการแจ้งให้ประชาชนรับทราบ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำท่วมในระยะเวลาอันใกล้นี้ ส่วนพื้นที่ที่ไม่เป็นปัญหาถึงระดับที่จะต้องอพยพ แต่อาจจะเป็นปัญหาเรื่องการสัญจร แต่ในพื้นที่ที่น้ำสูงมากแล้วมีผลกระทบต่อการอยู่อาศัยและประชาชนต้องการออก จากพื้นที่ เราก็จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ก็จะไปช่วยเหลือ ทั้งนี้ผบ.ทบ.ได้สั่งการหากกำลังที่มีอยู่ไม่เพียงพอก็ได้มีการจัดเตรียมกอง หนุนเข้ามาช่วยเหลือจากกองทัพภาคที่ 2 ,3 และ 4 ทั้งนี้ปัญหาน้ำท่วมคงจะไม่กระทบทุกเขตอาจจะมีเขตที่มีปัญหามาก ปัญหาน้อย และ ไม่มีเลยก็มี ทั้งนี้จะร่วมกับกทม.แก้ไขปัญหาในพื้นที่กทม.ให้ดีที่สุด”แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

ต่อ มาเวลา 12.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารก ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจเส้นทางน้ำว่า ได้นำคณะตรวจดูในหลายพื้นที่ตั้งแต่แม่น้ำท่าจีนไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีการระบายน้ำเป็นปกติ และน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็สูง คงจะต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นได้บินขึ้นไปที่คลองลัดงิ้วลาย จ.นครปฐม รวมถึงการดูสภาพน้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ซึ่งบริเวณที่น่าห่วงคือมีน้ำท่วมขังอยู่แล้ว โดยเฉพาะน้ำเหนือในพื้นที่ จ.ปทมุธานี และ จ.นนทบุรี โดยจะทำอย่างไรให้น้ำลดระดับ และไม่ให้เน่าเสีย นอกจากนี้ยังดูในพื้นที่คลองรังสิต ที่มีปัญหา คือ คลอง 1 และคลอง 2 โดยเฉพาะมีปริมาณน้ำที่ประตูจุฬาลงกรณ์มีคันกั้นน้ำเอ่อล้น หรือบางพื้นที่น้ำก็เสมอกับคันกั้นน้ำ และน้ำที่เอ่อล้นก็จะไหลมายังเขตสายไหม และ เขตดอนเมือง โดยจะเป็นเขตแรกที่จะโดนน้ำท่วม ส่วนในพื้นที่คลองรังสิตไปถึงคลอง 8 และคลองหกวา มีระดับน้ำกระจายไปบริเวณท่วมทุ่งนา และระดับน้ำค่อย ๆ กระจายไป และที่มีปัญหามากคือ คลอง 1 และคลอง 2 ซึ่งแก้ไม่ได้จนน้ำล้นเข้ามายังเขตสายไหม และเขตดอนเมือง ดังนั้นอยากให้ประชาชนนำสิ่งของขึ้นในที่สูง เพื่อเตรียมการรับมือกับน้ำท่วม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้บินสำรวจในพื้นที่นิคมฯลาดกระบังตามที่รัฐบาลสั่งให้กระ ทรรวงกลาโหม ไปดูแล โดยจัดทหารช่าง และคนงานเพื่อก่อกระสอบทราบ และทำคันกั้นน้ำให้แข็งแรง ซึ่งขณะนี้ยังปลอดภัยอยู่ และจากนั้นยังได้มาดูที่คลองที่13 บริเวณด้านตะวันออก ของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งพบว่า ยังมีปัญหาในพื้นที่จ.ปทุมธานี กับ นนบุรี ส่วนตอนล่างยังไม่มีปัญหา ขณะที่ซีกขวาแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำเริ่มไหลไปสู่คลองรังสิต ขณะที่ส่วนหนึ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำบริเวณเขตสายไหมน้ำเข้ามา โดยให้กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และ หน่วยบัญชาการป้อกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ไปดูแลให้มีความปลอดภัย ซึ่งเราทำเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยตามนโนบายของ นายกรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น