วานนี้ (24 ต.ค.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เลขานุการ นายฐานิฐ เทียนทอง รมช.มหาดไทย แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมบริเวณศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.)วานนี้(23 ต.ค.)ว่า เป็นเรื่องธรรมชาติของนายยศวริศ คนเคยมีพฤติกรรมอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เราจะไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเขาไม่ได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ ยกตัวอย่างคำพูดที่นายยศวริศพูดเช่น “เรื่องของผม ผมจะเอาไปไหนก็สิทธิ์ของผม” ได้ยินแล้วตนรู้สึกแย่ เพราะฉะนั้นรัฐบาลหรือศปภ.ต้องวางระบบการรับของบริจาคหรือนำสิ่งของบริจาคออกไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมให้ดีมากกว่านี้ ไม่ใช่ใครอยากจะหยิบอะไรไปที่ไหนก็สามารถทำตามอำเภอใจตัวเองได้ ต้องมีการกระจายสิ่งของช่วยเหลือให้ทั่วถึง ไม่ใช่มือใครสาวได้สาวเอา
ขณะนี้ตนทราบมาว่ามีนักการเมืองได้ใช้อิทธิพลเข้าไปนำสิ่งของที่ถูกนำมาบริจาคยังศปภ.เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชนเฉพาะพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะประชาชนที่ประสบภัยต่างคาดหวังถึงการบริจาคสิ่งของอย่างทั่วถึง นอกจากนี้เมื่อมีการเปิดการประชุมสภาผู้แทนฯเมื่อไหร่ ตนจะสอบถามไปยังรัฐบาลถึงการใช้งบประมาณของศูนย์ศปภ.ในการจัดซื้อต่างๆจะเกิดความซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะขณะเดียวกันเงินส่วนหนึ่งก็ได้รับการบริจาคมาจากประชาชนด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ได้ว่าเป็นอย่างไร
ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย สส.กทม.เขตคลองสามวา พร้อมด้วย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขต บึงกุ่ม-คันนายาว และ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ สส.กทม.เขตหนองจอก และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ สส.กทม.เขตมีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า อยากเรียกร้องผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้แบบเป็นวาระแห่งชาติร่วมกับรัฐบาล โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ขอให้ท่านสั่งการมายังผู้ว่าฯ กทม. และลูกพรรคของท่านให้ระดมสมองช่วยประชาชนในช่วงภัยพิบัติระดับชาติ มากกว่าการใช้ปากพูดอย่างเดียว เพราะ กทม.วันนี้ไม่ใช่แดนสนธยาของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมาเล่นเกมการเมืองว่า พอน้ำแห้งน้ำไม่ท่วม กทม.ก็คุยเสียงดังบอกว่าเป็นผลงานของ กทม. พอน้ำท่วม กทม.ก็โบ้ยเสียงดังให้รัฐบาล
ข้อมูลของ กทม.ก็ประกาศแบบเหวี่ยงแหเอาแน่เอานอนไม่ได้ คิดแต่จะรักษาแต่ฐานเสียงของตัวเองหรือไม่ ส่วนเขตอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ทำแบบลวกๆ
ส่วนการใช้มืออาชีพที่ติดบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 นั้น ในส่วนตัวตนเห็นว่าเป็นเรื่องใจแคบสำหรับฝ่ายค้านที่จะวิจารณ์ เพราะวันนี้ประเทศต้องการคนที่มีความรู้ทุกทางมาช่วยกัน มันสมองเหล่านี้เคยผ่านประสบการณ์การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติขนาดใหญ่มา ขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดเล่นการเมืองบนความทุกข์ของชาวบ้าน ด้วยการป้ายสีให้คนอื่นเสียหาย โดยเฉพาะการเอาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นแพะรับบาป กรณีที่ กทม.ไม่ยอมช่วยระบายน้ำจากด้านเหนือผ่านคูคลองของ กทม.ที่มีจำนวนมาก
"คุณหญิงไม่เคยไปกล่าวหาผู้ว่าฯ กทม.แม้แต่น้อย ที่พูดถึง กทม.ก็พูดเเต่เพียงในหลักการว่า กทม.ต้องยอมให้ระบายน้ำผ่าน กทม. ซึ่งไม่ใช่คุณหญิงสุดารัตน์คนเดียวที่เห็นเช่นนี้ นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.เองก็เห็นเช่นเดียวกัน” นายจิรายุกล่าว
ตนขอเรียกร้องไปยัง พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ว่าฯ กทม.ดังนี้ 1.ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หยุดเล่นเกมการเมือง แล้วรวมใจกันช่วยชาวบ้านจะดีกว่า 2.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.ปลอดการเมือง เลิกอิงแอบพรรคประชาธิปัตย์ ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลด 3.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.สั่งการไปยัง ผอ.เขตที่อยู่ในแนวเสี่ยงให้ทำงานบูรณาการกับ ส.ส.พื้นที่ โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด 4.ขอให้ ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่อยู่ในแนวน้ำท่วมหยุดใช้ปากแก้ปัญหา และหันมาร่วมมือกับ ส.ส.ทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในแนวน้ำท่วม 5.ขอให้นายอภิสิทธิ์เดินทางกลับจากการพักผ่อนในต่างประเทศโดยเร็ว เพื่อร่วมแก้ไขปัญหากับรัฐบาล
ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตคันนายาว-บึงกุ่ม กล่าวว่า เพราะความกลัวเสียคะแนนแบบไม่มีหลักการ หาก กทม.บริหารอย่างมืออาชีพ ก็จะสามารถเป็นฮีโร่ให้คนทั้งชาติได้ เพราะเพียงแค่ท่านปล่อยน้ำผ่าน กทม.ในระดับที่เหมาะสม และเร่งสูบน้ำออกไปยังทะเลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน น้ำที่มาทางเหนือก็จะเบาบางและก็จะไม่เกิดปัญหาเหมือนวันนี้
หากตรวจสอบอุปกรณ์ของ กทม.หลายอย่างสามารถนำมาจัดการกับน้ำตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน ป่านนี้ก็คงไม่มีปัญหามากนัก เพราะดูจากข้อมูลแล้ว กทม.สามารถระดมรถดับเพลิงที่มีเครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำทั้งใหม่และเก่าที่สั่งซื้อมา หากนำมาช่วยกันเร่งสูงออกจาก กทม.ลงทะเล จะสูบได้ถึงชั่วโมงละ 40 ล้าน ลบ.ม. หากคิด 7 วัน เป็น 168 ชั่วโมง เดินเครื่องเต็มที่วันนี้น่าจะสูบน้ำออกทะเลไปแล้วถึงกว่า 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้านนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯได้มีหนังสือนัดประชุมสภาฯในวันที่ 26 -27 ต.ค.หลังจากต้องงดการประชุมสภาฯมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง โดยมั่นใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่กำลังเข้าในพื้นที่ กทม.เวลานี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการประชุม แต่อย่างก็ตามเว้นเสียแต่ว่าจะมีสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ นายสมศักดิ์จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพื่อสั่งงดประชุมต่อไป สำหรับมาตรการป้องกันน้ำท่วมภายในบริเวณรัฐสภาได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯพิจารณาแล้วว่าสมควรจะต้องดำเนินการอย่างไร ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายเอกสารราชการสำคัญ หรือ การวางแนวป้องกันน้ำด้วยกระสอบทราย ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ขณะที่ บรรยากาศภายในบริเวณรัฐสภาได้มีทหารจากกองทัพบกมาช่วยกันกรอกกระสอบทรายเพื่อวางแนวเป็นคันกั้นน้ำล้อมรอบอาคารัฐสภา 1 ขณะเดียวกัน ได้มี ส.ส.และข้าราชการจำนวนมากนำรถมาจอดเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะชั้น 2 ของลานจอดรถ
ขณะนี้ตนทราบมาว่ามีนักการเมืองได้ใช้อิทธิพลเข้าไปนำสิ่งของที่ถูกนำมาบริจาคยังศปภ.เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชนเฉพาะพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะประชาชนที่ประสบภัยต่างคาดหวังถึงการบริจาคสิ่งของอย่างทั่วถึง นอกจากนี้เมื่อมีการเปิดการประชุมสภาผู้แทนฯเมื่อไหร่ ตนจะสอบถามไปยังรัฐบาลถึงการใช้งบประมาณของศูนย์ศปภ.ในการจัดซื้อต่างๆจะเกิดความซ้ำซ้อนหรือไม่ เพราะขณะเดียวกันเงินส่วนหนึ่งก็ได้รับการบริจาคมาจากประชาชนด้วยเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ได้ว่าเป็นอย่างไร
ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย สส.กทม.เขตคลองสามวา พร้อมด้วย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขต บึงกุ่ม-คันนายาว และ นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ สส.กทม.เขตหนองจอก และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ สส.กทม.เขตมีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าว
นายจิรายุ กล่าวว่า อยากเรียกร้องผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้แบบเป็นวาระแห่งชาติร่วมกับรัฐบาล โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศที่ประเทศอังกฤษ แต่ก็ขอให้ท่านสั่งการมายังผู้ว่าฯ กทม. และลูกพรรคของท่านให้ระดมสมองช่วยประชาชนในช่วงภัยพิบัติระดับชาติ มากกว่าการใช้ปากพูดอย่างเดียว เพราะ กทม.วันนี้ไม่ใช่แดนสนธยาของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะมาเล่นเกมการเมืองว่า พอน้ำแห้งน้ำไม่ท่วม กทม.ก็คุยเสียงดังบอกว่าเป็นผลงานของ กทม. พอน้ำท่วม กทม.ก็โบ้ยเสียงดังให้รัฐบาล
ข้อมูลของ กทม.ก็ประกาศแบบเหวี่ยงแหเอาแน่เอานอนไม่ได้ คิดแต่จะรักษาแต่ฐานเสียงของตัวเองหรือไม่ ส่วนเขตอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ทำแบบลวกๆ
ส่วนการใช้มืออาชีพที่ติดบ้านเลขที่ 111 หรือ 109 นั้น ในส่วนตัวตนเห็นว่าเป็นเรื่องใจแคบสำหรับฝ่ายค้านที่จะวิจารณ์ เพราะวันนี้ประเทศต้องการคนที่มีความรู้ทุกทางมาช่วยกัน มันสมองเหล่านี้เคยผ่านประสบการณ์การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติขนาดใหญ่มา ขอให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดเล่นการเมืองบนความทุกข์ของชาวบ้าน ด้วยการป้ายสีให้คนอื่นเสียหาย โดยเฉพาะการเอาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มาเป็นแพะรับบาป กรณีที่ กทม.ไม่ยอมช่วยระบายน้ำจากด้านเหนือผ่านคูคลองของ กทม.ที่มีจำนวนมาก
"คุณหญิงไม่เคยไปกล่าวหาผู้ว่าฯ กทม.แม้แต่น้อย ที่พูดถึง กทม.ก็พูดเเต่เพียงในหลักการว่า กทม.ต้องยอมให้ระบายน้ำผ่าน กทม. ซึ่งไม่ใช่คุณหญิงสุดารัตน์คนเดียวที่เห็นเช่นนี้ นายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม.เองก็เห็นเช่นเดียวกัน” นายจิรายุกล่าว
ตนขอเรียกร้องไปยัง พรรคประชาธิปัตย์ และผู้ว่าฯ กทม.ดังนี้ 1.ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ หยุดเล่นเกมการเมือง แล้วรวมใจกันช่วยชาวบ้านจะดีกว่า 2.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.ปลอดการเมือง เลิกอิงแอบพรรคประชาธิปัตย์ ชั่วคราวจนกว่าน้ำจะลด 3.ขอให้ผู้ว่าฯ กทม.สั่งการไปยัง ผอ.เขตที่อยู่ในแนวเสี่ยงให้ทำงานบูรณาการกับ ส.ส.พื้นที่ โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด 4.ขอให้ ส.ส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่อยู่ในแนวน้ำท่วมหยุดใช้ปากแก้ปัญหา และหันมาร่วมมือกับ ส.ส.ทุกพรรคการเมืองที่อยู่ในแนวน้ำท่วม 5.ขอให้นายอภิสิทธิ์เดินทางกลับจากการพักผ่อนในต่างประเทศโดยเร็ว เพื่อร่วมแก้ไขปัญหากับรัฐบาล
ด้านนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขตคันนายาว-บึงกุ่ม กล่าวว่า เพราะความกลัวเสียคะแนนแบบไม่มีหลักการ หาก กทม.บริหารอย่างมืออาชีพ ก็จะสามารถเป็นฮีโร่ให้คนทั้งชาติได้ เพราะเพียงแค่ท่านปล่อยน้ำผ่าน กทม.ในระดับที่เหมาะสม และเร่งสูบน้ำออกไปยังทะเลตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน น้ำที่มาทางเหนือก็จะเบาบางและก็จะไม่เกิดปัญหาเหมือนวันนี้
หากตรวจสอบอุปกรณ์ของ กทม.หลายอย่างสามารถนำมาจัดการกับน้ำตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน ป่านนี้ก็คงไม่มีปัญหามากนัก เพราะดูจากข้อมูลแล้ว กทม.สามารถระดมรถดับเพลิงที่มีเครื่องสูบน้ำ รถสูบน้ำทั้งใหม่และเก่าที่สั่งซื้อมา หากนำมาช่วยกันเร่งสูงออกจาก กทม.ลงทะเล จะสูบได้ถึงชั่วโมงละ 40 ล้าน ลบ.ม. หากคิด 7 วัน เป็น 168 ชั่วโมง เดินเครื่องเต็มที่วันนี้น่าจะสูบน้ำออกทะเลไปแล้วถึงกว่า 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้านนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯได้มีหนังสือนัดประชุมสภาฯในวันที่ 26 -27 ต.ค.หลังจากต้องงดการประชุมสภาฯมาก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง โดยมั่นใจว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่กำลังเข้าในพื้นที่ กทม.เวลานี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการประชุม แต่อย่างก็ตามเว้นเสียแต่ว่าจะมีสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ นายสมศักดิ์จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพื่อสั่งงดประชุมต่อไป สำหรับมาตรการป้องกันน้ำท่วมภายในบริเวณรัฐสภาได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯพิจารณาแล้วว่าสมควรจะต้องดำเนินการอย่างไร ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายเอกสารราชการสำคัญ หรือ การวางแนวป้องกันน้ำด้วยกระสอบทราย ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ขณะที่ บรรยากาศภายในบริเวณรัฐสภาได้มีทหารจากกองทัพบกมาช่วยกันกรอกกระสอบทรายเพื่อวางแนวเป็นคันกั้นน้ำล้อมรอบอาคารัฐสภา 1 ขณะเดียวกัน ได้มี ส.ส.และข้าราชการจำนวนมากนำรถมาจอดเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะชั้น 2 ของลานจอดรถ