เชียงราย - 2 รอง ผบ.ตร."พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา-พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต" ยกทีมลงพื้นที่เชียงราย ประชุมคลี่คลายคดีลูกเรือสินค้าจีนถูกสังหารหมู่กลางลำน้ำโขงที่เชียงราย 13 ศพ เผยคดีมีความคืบหน้าไปมาก เป็นที่พอใจของทางการจีน ย้ำต้องจับคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้
ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.(ปป.3)พร้อม พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วย ผบ.ตร.,พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร.ฯลฯ ร่วมกันประชุมคลี่คลายคดีฆาตกรรมกัปตันและลูกเรือชาวจีน บนเรือ 2 ลำ คือ เรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง Hua Ping และเรือขนกระเทียมและแอปเปิล Yu Xing 8 ของจีน จนมีผู้เสียชีวิต 13 ศพ เหตุเกิดวันที่ 5 ต.ค.54 เมื่อหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย พบเรือดังกล่าวแล่นเข้าฝั่งไทยบริเวณเขตหมู่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เมื่อเข้าตรวจพบคนเสียชีวิตแล้ว 1 ศพ ยาบ้าในกระสอบบนเรือจำนวน 920,000 เม็ด ต่อมาจึงค่อยๆ พบศพอื่นๆ
การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมลับไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วม ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงโดยมีการแบ่งสายงานให้นายตำรวจแต่ละนายได้เข้าดูแลคดีอย่างใกล้ชิด คือชุดสอบสวนให้ พล.ต.อ.ปานศิริ เป็นผู้ดูแลและชุดสืบสวนทาง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ จะดูแลด้วยตัวเอง
ขณะที่ชุดผู้เชี่ยวชาญซึ่งจะทำการตรวจสอบทั้งสถานที่เกิดเหตุ พิสูจน์หลักฐาน นิติวิทยาศาสตร์ ชันสูตรพลิกศพนั้นได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.จรัมพร ดูแล โดยมี พล.ต.ท.วุฒิ เป็นผู้ทำหน้าที่รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดเพื่อรายงานให้ ผบ.ตร.รับทราบทุกๆ 7 วันต่อไป จากนั้นคณะได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ เรือทั้งสองลำที่ยังคงเก็บไว้เป็นของกลางริมฝั่งแม่น้ำโขงหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน และหลักฐานอื่นๆ
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า คดีนี้ทางรัฐบาลจีนได้ประสานมายังรัฐบาลและตำรวจไทยโดยขอให้มีการ รวบรวมข้อมูลหลักฐาน และสืบสวนสอบสวนหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดในเขตประเทศไทยก็ขอให้นำมาลงโทษ ตามกฎหมาย ซึ่งจนถึงปัจจุบันทางตำรวจยืนยันว่าได้ดำเนินการจนคดีมีความคืบหน้าไป ระดับหนึ่งแล้ว จนมีความมั่นใจว่าจะสามารถนำไปสู่ผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้
กระนั้นก็ต้องขอเวลาในการทำงานอีกระยะหนึ่งก่อน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายเรื่อง ทำให้ทางตำรวจต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ก็ไม่รู้สึกหนักใจแต่ประการใดเพราะถือว่าเดินหน้ากันไปตามพยานและหลักฐาน ที่มีอยู่ และหากว่าผู้กระทำความผิดอยู่นอกเขตประเทศไทยเราก็ต้องรู้ข้อมูลและรวบรวม พยานหลักฐานต่างๆ เพื่อทำให้ทราบต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่าขณะนี้มีความคืบหน้าในหลายเรื่องทั้งเรื่องของการชันสูตรพลิกศพ การสอบพยาน และการตรวจหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการประสานกับทางการจีนแล้วก็พบว่าทางการจีนมีความพอใจและเข้าใจใน การทำงานของตำรวจเป็นอย่างดี
สำหรับอนาคตคาดว่าจะมีการจัดประชุมประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 4 ชาติ คือไทย พม่า สปป.ลาว และจีน โดยทางการจีนยินดีจะรับเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นลุ่มแม่น้ำโขงต่อไป
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับคดีปล้นและยิงเรือจีนทั้ง 2 ลำจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากดังกล่าวได้รับความสนใจจากทางการ จีนอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งคณะทำงานจากประเทศจีนนำโดยท่านกู เช่า ชวน รองอธิบดีกรมกงสุลและหัวหน้าศูนย์คุ้มครองชาวจีนโพ้นทะเล กระทรวงการต่างประเทศจีน ลงพื้นที่เพื่อร่วมกับทางการไทยในการคลี่คลายคดี
ขณะที่เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาก็ได้สั่งให้เรือสินค้าในแม่น้ำโขงทุกลำหยุดแล่นให้บริการขน ส่งสินค้า และเรียกเรือที่ตกค้างอยู่ที่ท่าเรือเชียงแสนกลับหมด จนทำให้การค้าชายแดนในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย พม่า สปป.ลาว และจีนตอนใต้ ได้รับผลกระทบอย่างไม่มีกำหนด และผู้ประกอบการค้าชายแดนต่างหันไปใช้ถนน R3A เชื่อม อ.เชียงของ ของไทยกับ สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ในการขนส่งสินค้าแทนแล้ว
ในส่วนการให้ข้อมูลภาพรวมของกองกำลังผาเมืองของไทย ซึ่งได้ส่งชุด นรข.เขตเชียงราย ร่วมกับตำรวจน้ำ ทหารพราน ฯลฯ เข้าควบคุมเรือในวันเกิดเหตุ ระบุว่าเรือทั้ง 2 ลำถูกกลุ่มติดอาวุธลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งคาดว่าอาจเป็นกลุ่มของนายหน่อคำที่มี พฤติกรรมปล้นเรือและเก็บค่าผ่านทางเข้าปล้นเรือจนมีผู้เสียชีวิตบนเรือดังกล่าว จากนั้นนำยาบ้าจำนวนดังกล่าวขนไปไว้บนเรือก่อนจะสังหารกัปตันและลูกเรือทั้ง หมดนอกเขตน่านน้ำไทย แต่เมื่อเรือเข้าสู่เขตไทยทางเจ้าหน้าที่ไทยสืบทราบทำให้กลุ่มคนดังกล่าวหลบ หนีจนเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมเรือดังกล่าว