xs
xsm
sm
md
lg

เดือดร้อนทั้งลูก ..ทุนนิยมโลกวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์

http://twitter.com/indexthai2
indexthai2@yahoo.com

Real trade หมายถึงกิจกรรมและธุรกรรมภาคการผลิตจริง ทั้งทางภาคอุตสาหกรรม กสิกรรม สัตวบาล การท่องเที่ยว การพาณิชย์ การขนส่ง มีทุน มีที่ดิน มีที่ทำการ มีแรงงาน เรียกอีกอย่างว่าเป็นการลงทุนทางตรง ทำให้เกิดผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ (Products added) จริงต่อระบบ

Paper trade หมายถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายกระดาษ เช่น ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน การซื้อขายตราสารทุน พันธบัตร หุ้นกู้ อนุพันธ์ (Futures) ในรูปแบบต่างๆ เรียกอีกอย่างว่าเป็นการลงทุนทางอ้อม เป็นธุรกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ (No products added) จริงต่อระบบ “เป็นการใช้เงินต่อเงิน” ไม่ต่างอะไรกับการ เล่นไพ่ หวยบนดิน-ใต้ดิน สลากกินแบ่ง สลากออมสิน พนันบอล การพนันทุกชนิด ฯลฯ เอารัดเอาเปรียบระบบ เป็นอบายมุข

อบายมุขคือทางแห่งความเสื่อม

ส่วนแบ่งธุรกรรมโลกในอดีตเป็น Real trade 100% Paper trade 0% ต่อมา Paper trade มีการพัฒนาในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ Real trade มีส่วนแบ่ง 45% ส่วน Paper trade เพิ่มขึ้นมาเป็น 55% นับวันส่วนแบ่งธุรกรรม Paper trade จะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ดูแล้วไม่น่าจะผิดจริง เช่น ทองคำมีการใช้จริง 10% (Real trade) แต่มีการซื้อขาย “ราคา” ทองคำ 90% (Paper trade) แต่ผู้คนในระบบมักจะพูดถึงปัญหาของ Real trade แต่ไม่พูดถึงปัญหาของ Paper trade ที่เสื่อมโลกลงทุกวัน

บิล เกตส์ สตีฟ จ๊อบส์ เป็น Real trade ผลิตภัณฑ์ของเขาเป็นประโยชน์ต่อระบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ จอร์จ โซรอส เป็น Paper trade ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ใดๆ ต่อระบบ ทักษิณเป็น Paper trade http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000028649 http://t.co/T8Vmwgr

Futures เป็นธุรกรรมใช้เงินต่อเงิน โดยการเอา “ตัวเลข” ของดัชนีหุ้น ราคาหุ้น ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน ฯลฯ มาเป็น “ราคาอ้างอิง” เพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งทำได้ง่าย เช่น สามารถเอา “ตัวเลข” DJIA หรือ NIKKEI225 มาซื้อขายก็ได้ โดยไม่มีตัวสินค้า ไม่ต้องมีที่ดิน ไม่ต้องมีโรงงาน ไม่ต้องมีคนงาน ไม่ต้องมีสำนักงาน ไม่ต้องมีพนักงาน มีตลาดหลักทรัพย์และโบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางซื้อขายตัวเลข ใช้เงินประกัน 10 บาท สามารถซื้อขายตัวเลขได้ 100 บาท ทำให้มีกำไร-ขาดทุนมากกว่าการซื้อขายหุ้นตามธรรมดา 10 เท่า ราคาขึ้นก็มีกำไร ราคาตกก็มีกำไร หาได้ที่ไหนในโลกนี้ นอกจากที่ตลาดหุ้นที่เดียว มีการบังคับขายตัวเลขด้วย

ตลาดหลักทรัพย์ได้ค่าธรรมเนียมและโบรกเกอร์ได้ค่านายหน้า รัฐได้ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ไม่เกิดผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์ใดๆ ต่อระบบ ไม่ต่างอะไรกับลอตเตอรี่ หวยบนดิน-ใต้ดิน หรือการพนันทั้งหลาย แต่เมื่อตลาดหุ้นพังทลาย เศรษฐกิจของทั้งระบบก็พังทลายตามมา

การพนันส่วนบุคคล ทำให้บุคคลหมดตัว แต่ไม่เลวร้ายเท่ากับการพนันแห่งชาติหรือแห่งโลก ทำให้ชาติและโลกสิ้นเนื้อประดาตัว“ตลาดหุ้นไทย” ทำให้ค่าเงินบาทเสียหาย สภาพคล่องเสียหาย ทำให้เอกชนล้มละลาย เกิดหนี้เสีย ทำให้คนตกงาน และทำให้ไทยเข้าไอเอมเอฟมาแล้วถึง 2 ครั้ง

เปรียบเทียบในโลกนี้มี 100 คน หากคนทั้ง 100 คน มีสัมมาปฏิบัติ ทำนาทำไร่ ดำรงชีวิตด้วยปัจจัยสี่ คนทั้ง 100 นี้ไม่มีทางที่จะอดตาย อาหารการกินสมบูรณ์ (Real trade) ตรงกันข้าม หากคนทั้ง 100 คนนี้ อยู่ด้วยมิจฉาปฏิบัติ เช่น เล่นการพนันกันแต่อย่างเดียว คนทั้ง 100 คนนี้จะต้องอดตาย เพราะไม่มีข้าวกิน (Paper trade) แต่ในความเป็นจริง คนสัมมาปฏิบัติมี 99% แต่คนมิจฉาปฏิบัติมีในระบบ 1% คน 1% นี้เอารัดเอาเปรียบคนส่วนใหญ่หรือเอารัดเอาเปรียบระบบ มีมิจฉาธุรกิจต่างๆ รวมทั้งสร้างตลาดหุ้นมาเอารัดเอาเปรียบระบบ ทำให้ระบบเกิดวิกฤตรอบแล้วรอบเล่า คน 1% มั่งคั่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์ 75%ทั่วโลก และเป็นเจ้าของมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำให้คน 99%ตกงาน ยากจนลงเรื่อยๆ

ตุลาคม 2554 คนอเมริกันพากันมาชุมนุมที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เรียกชื่อ Occupy Wall Street การชุมนุมลามไปถึง 951 เมืองใน 82 ประเทศทั่วโลก มีข้อความประท้วงหลายอย่าง เช่น WE ARE THE 99% ป้ายส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจต่อตลาดหุ้น ยกตัวอย่างเช่น NO BULLS, NO BEARS ONLY PIGS, No more Wall Street White House, Stop trading our futures, Castrate the bull, https://plus.google.com/u/0/?hl=th&tab=wX#110876288977009301354/posts CAPITALISM IS CRISIS.

แท้จริงโลกจะไปตำหนิบรรดา Paper trade ที่ทำการปั่นเศรษฐกิจโลกไม่ได้ แต่เพราะเราสร้างตลาดหุ้นมาให้เขาเล่นต่างหาก ยิ่งมีการพัฒนาตลาดทุนเท่าใด ยิ่งทำให้บรรดา Paper trade กระดิกเท้ามั่งคั่งง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่หากมีการยุติตลาดหุ้น บรรดา Paper trade จะต้องฝ่อตาย ความอยู่ดีมีสุขและความสมดุลทางเศรษฐกิจจะกลับคืนมาสู่ระบบหรือคน 99% ของโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น