ASTVผู้จัดการรายวัน - กทม.เตือน 7 เขต รับมือน้ำท่วม ทั้งสายไหม บางเขน คลองสามวา หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง คันนายาว หากสถานการณ์แย่ลงจะแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง พร้อมเร่งเสริมคันกั้นน้ำคลองหกวา หลังสั่งอพยพชาวบ้านริมคลองหกวาแล้ว 200 ครัวเรือน พร้อมเตรียม 12 ศูนย์อพยพรองรับประชาชนเขตสายไหม ศปภ.เตือนหลายเขตใน 5 จังหวัด น้ำเพิ่มสูงขึ้น 30-100 ซ.ม. พร้อมสั่งห้ามกลับเข้าไปนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เนื่องจากน้ำสูง 3 เมตร
** กทม.เตือน 7 เขตรับมือ
วานนี้ (19 ต.ค.) เวลา 10.30 น. ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แถลงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า กทม.ได้รับแจ้งจาก ศปภ.ว่า จะมีน้ำปริมาณกว่า 1,200 ล้าน ลบ.ม. จากตอนบนเหนือพื้นที่ กทม. ไหลผ่านมายังทุ่งรังสิต ซึ่ง กทม.ประเมินสถานการณ์แล้วว่าทุ่งรังสิตสามารถรับน้ำได้เพียง 400 ล้าน ลบ.ม. อาจส่งผลกระทบต่อคันกั้นน้ำตะวันออก ทำให้น้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ และส่งผลกระทบต่อไปยังบางพื้นที่ของ กทม.จำนวน 7 เขต ได้แก่ สายไหม บางเขน คลองสามวา หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง และคันนายาว เพื่อความไม่ประมาทขอให้ประชาชนในพื้นที่ 7 เขตดังกล่าวเตรียมยกสิ่งของ รวมทั้งปลั๊กไฟขึ้นที่สูง และเตรียมศึกษาแผนอพยพของ กทม. ซึ่งแต่ละสำนักงานเขตได้เตรียมแผนในการอพยพและศูนย์อพยพเพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจากนี้ไปแต่ละสำนักงานเขตจะได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ของตนเองได้รับทราบรายละเอียดแผนอพยพดังกล่าว
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า การแจ้งเตือนครั้งนี้ ถือเป็นการเตือนครั้งแรกของ กทม. แม้จะยังไม่รุนแรงถึงขั้นอพยพ แต่ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ผ่านทาง www.bangkok.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกทม.จะประชุมประเมินสถานการณ์และแถลงข่าวให้แก่สื่อมวลชนเพื่อแจ้งประชาชนทราบทุก 3 ชม. ถึงแม้จะไม่มีความเปลี่ยนแปลงก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก และรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องจาก กทม.โดยตรง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กทม.ยังมีวิธีการบริหารจัดการน้ำ แต่หากคาดการณ์แล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น กทม.จะประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 13.30 น.ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณลัย 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และคณะผู้บริหารเดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับอาสาสมัครที่มาช่วยกันบรรจุกระสอบทรายเพื่อนำไปสร้างคันกั้นน้ำริมคลองหกวา พร้อมกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า จาก 3 ชั่วโมงที่แล้วระดับน้ำในคลอง 2 ได้เพิ่มสูงขึ้น 1 เซนติเมตร แต่ยังไม่เป็นปัญหา ทำให้ต้องเปิดประตูระบายน้ำที่คลอง 2 เป็น 50 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ากว้างมาก ถ้าเปิดมากกว่านี้อาจจะทำให้ประชาชนที่อยู่ในประตูระบายน้ำไม่ปลอดภัย สำหรับแนวคันกั้นน้ำคลองหกวาก็ได้เร่งเสริมความกว้างเป็น 3 แถว ซึ่งมีความจำเป็นต้องปิดถนน จึงได้ประสานไปที่สน.สายไหม และสำนักงานเขตให้ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนในพื้นที่ และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
** เสริมคันกั้น 3.50 เมตร
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะเพิ่มความสูงคันกั้นน้ำอีก 1 เมตร ให้เป็น 3.50 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง นอกจากนี้ การยกระดับถนนที่ซอยสายไหม 85 ก็จะให้แล้วเสร็จภายในวันนี้เช่นกัน จากระดับน้ำในคลองหกวาที่สูงขึ้น ได้ขอให้ผู้อำนวยการเขตสายไหมทำความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำที่กทม.กำลังสร้างบริเวณริมคลองหกวาประมาณ 200 ครัวเรือนให้อพยพไปที่ศูนย์อพยพ คือ โรงเรียนฤทธิยะวรรรณลัย 2 และโรงเรียนสายไหม ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้กว่า 1,000 คน สำหรับประชาชนใน 7 เขตพื้นที่เสี่ยงที่ได้ประกาศไป ขอแนะนำให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง นำรถยนต์ไปจอดในที่ที่ปลอดภัย แต่ไม่ได้ประกาศให้อพยพ หากต้องมีการอพยพจะประกาศให้เตรียมตัวล่วงหน้าให้เร็วที่สุด
** ลั่นไม่ยอมให้จมน้ำ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับคลองระพีพัฒน์ ที่มีปัญหาตอนนี้ ยังอยู่ไกลจากพื้นที่กทม.มาก แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ประกาศเรียนให้ประชาชนทั้ง 7 เขต ทราบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่กทม.และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ประเมินว่า น่าจะมีปริมาณน้ำไหลลงสู่ทุ่งรังสิตประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ว่าสามารถรับได้ 400 ลูกบาศก์เมตร ส่วนภารกิจที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัยเชื่อว่าจะเสร็จภายใน 48 ชั่วโมง ถ้าน้ำจะมาจริงๆ จะแจ้งให้ให้อาสาสมัครทราบ จะมีแค่เจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้องอยู่เท่านั้น ถ้าเสี่ยงมากจริงๆ ก็จะเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ จะไม่ยอมให้ใครจมน้ำ ส่วนน้ำในคลองสายหลัก เช่น คลองรังสิต-ประยูรศักดิ์ คลองหกวา ที่มีปริมาณน้ำมาก อาจจะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพฯ กทม.ได้ประเมินตลอดเวลา น้ำที่ไหลมาทุ่งรังสิตก็จะมีการบริหารจัดการจากรัฐบาล เพราะมีระบบคลองมากมาย และมีการกระจายไปตามคลองต่างๆ
“ถุงกระดาษที่พบเมื่อวานนี้ ทีแรกนึกภาพว่ากระสอบทรายที่รัฐบาลให้มาต้องเป็นแบบของกทม. เมื่อเห็นเป็นถุงกระดาษผมก็ตกใจ คงต้องปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่ก็ไม่เป็นไร เราจะเก็บไว้สำรองก่อน อาจจะทำเป็นแนวที่ 3 เมื่อใดที่นำไปใช้ผมก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งต้องมั่นใจด้วยว่าถ้านำไปใช้แล้วต้องมีคุณภาพ และถ้ารัฐบาลมีภารกิจที่อื่น ไม่สามารถแบ่งความสนใจมาที่เราได้ เราก็ต้องช่วยตัวเอง” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
**น้ำเหนือถึงกทม.วันนี้
ที่โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า มวลน้ำที่จะเคลื่อนมาจากทางภาคเหนือ อาจมาถึงเร็วก่อนกำหนดที่คาดการณ์ไว้ โดยน้ำจากย่านนิคมอุตสาหกรรมนวนคร และน้ำที่ทะลักจากแนวกั้นคลองระพีพัฒน์ จะเคลื่อนเข้ามาที่ คลองรังสิตประยูรศักดิ์ในคืนวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคลอง 2 และคลองหกวาในวันที่ 21 ต.ค.นี้
ทั้งนี้ กทม.ต้องเร่งระดมกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1 และประชาชนที่มีจิตอาสาเข้ามาช่วยจำนวนมาก เพื่อบรรจุกระสอบนำไปเสริมแนวคันกั้นน้ำให้มีความสูงจาก 3 เมตรเป็น 3.5 เมตรกว้าง 3 กระสอบ ยาว 6 กม. ให้เสร็จทันวันที่ 20 ต.ค.นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม 1 วัน
นอกจากนี้ ได้ให้สำนักงานเขตสายไหม แจ้งต่อประชาชนในพื้นที่ 200 ครัวเรือนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำเรียบคลองหกวา และ 1,200 ครัวเรือน ที่อยู่ริมน้ำคลอง 2 ให้เตรียมเคลื่อนย้ายไปศูนย์อพยพในเขตสายไหมทั้ง 12 แห่ง ขอย้ำว่ายังไม่เป็นการอพยพ
**ด้านตต.น้ำท่วมหลายจุด
สำหรับชุมชนนอกแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำสูง 10-20 เซนติเมตร ส่วนด้านตะวันตกของกรุงเทพมหานคร มีน้ำท่วมขัง 10-20 ซม. บริเวณถนนและชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ คลองบางกอกน้อย คลองภาษีเจริญ คลองทวีวัฒนา เนื่องจากมีการเร่งระบายน้ำจากจังหวัดนนทบุรี ออกสู่ทะเลประกอบกับมีฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้ ระดับน้ำในคลองวันนี้เอ่อล้นตลิ่งในบางจุด
** น้ำท่วม จรัญ 74/1 แต่กู้ได้ทัน
นางสาวสุรีย์ วัชนะประพันธ์ ผอ.เขตบางพลัด เปิดเผยว่า กำแพงบ้านของประชาชนที่อยู่ในแนวคันกั้นน้ำของ กทม. ภายใน ซอยจรัญสนิทวงศ์ 74/1 ได้พังลง ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมซอยดังกล่าว และไหลเข้าพื้นที่จราจรของถนนจรัญสนิทวงศ์ ทางเขตได้ส่งเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมกำแพงดังกล่าวแล้วและล่าสุดได้มีการซ่อมแซมเสร้จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จุดดังกล่าวนั้น ถือว่า เป็นจุดฟันหลอของแนวคันกั้นน้ำ กทม. ที่เหลืออยู่เนื่องจากเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ไม่ยอมให้ กทม. เข้าไปทำคันกั้นน้ำ จึงเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น
**น้ำท่วมท่าพระจันทร์-สนามหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงเที่ยงของวันเดียวกันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ไหลทะลักเข้าบ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์เนื่องจากกระสอบทรายที่กั้นเป็นคันกั้นน้ำไว้พังส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านบ้านเจ้าพระยามาท่วมขังที่บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยายาวต่อเนื่องไปจนถึงป้อมพระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ถึง 1 เลนจราจร เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ส่งผลให้เกิดจราจรติดขัด ต่อมาในช่วงบ่ายได้เกิดฝนตกหนักจนทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังครบทั้ง 2 เลนจราจร นอกจากนี้ ยังได้ส่งผลให้น้ำท่วมท่าพระจันทร์ ไล่มาจนถึงสนามหลวงด้วยเช่นกัน
**ศปภ.ขอระบายน้ำกทม.ชั้นใน
เมื่อเวลา 19.00 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทมฯ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงข้อเสนอของ ศปภ.ที่จะระบายน้ำเข้าคลองชั้นในเพื่อระบายน้ำลงสู่คลองแสนแสบ เพื่อบรรเทาพื้นที่ชั้นนอกของ กทม.ว่า ขณะนี้ได้พร่องน้ำในคลองประเวศ คลองพระโขนง รวมถึงคลองแสนแสบเตรียมรอรับไว้แล้ว แต่ กทม.ขอดูเป็นกรณีๆไป เพราะคงจะรับทั้งหมดไม่ไหว
** “หญิงหน่อย” ขอแจม
แหล่งข่าวใกล้ชิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังการประชุมสถานการณ์น้ำท่วมภายในโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 เขตสายไหม ระหว่างที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กำลังเตรียมตัวจะแถลงข่าวนั้น ปรากฏว่านางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว.สาธารณสุข นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วยนายการุณ โหสกุล ได้เดินเข้ามาภายในห้องประชุมโดยไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าแต่อย่างใด จากนั้นนางสุดารัตน์และนายอนุดิษฐ์ ได้เดินตรงเข้ามายัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพื่อร่วมหารือเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม โดยที่นายการุณได้เดินตามเข้ามาภายหลัง และพยายามแทรกข้าราชการ กทม.หลายคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุม เพื่อที่จะเข้าไปยืนใกล้ๆกับนางสุดารัตน์ ขณะเดียวกัน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในตำแหน่งที่เยื้องไปเล็กน้อย พยายามกันไม่ให้นายการุณเดินเข้ามาได้ เพราะมองว่าเป็นการเสียมารยาท
** “การุณ” ถูกเด็กปชป.ถีบ
แหล่งข่าวอ้างว่า ช่วงที่นายการุณยังยืนอยู่ด้านหลังม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และได้พูดขึ้นว่า “ใหญ่กว่านี้ กูก็ไม่กลัวหรอก” ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่านายการุณจะหมายถึงใคร แต่ผู้ว่าฯกทม.ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น จากนั้นเมื่อการประชุมสิ้นสุด และทุกคนกำลังทยอยเดินออกจากห้องประชุม นายการุณได้ใช้สะโพกดีดสะบัดมาด้านข้าง ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการจงใจทำใส่ น.ส.มัลลิกา จังหวะนั้นน.ส.มัลลิกามีอาการเซไปด้านหลังเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับล้ม จึงง้างเท้าขึ้น และถีบใส่นายการุณอย่างสุดแรง จนนายการุณถลาหลังแอ่นไปด้านหน้าไกลพอสมควร
แหล่งข่าวบอกว่า นายการุณ ได้พยายามหันหลังกลับมาเพื่อจะเอาเรื่องกับ น.ส.มัลลิกา แต่เห็นว่านางสุดารัตน์ และนายอนุดิษฐ์กำลังที่จะขึ้นรถกลับ จึงรีบตามกลับไป เหตุการณ์จึงสงบลงเท่านั้น
** "การุณ"ชี้ถ้าถีบจริงมีสวน
ส่วนนายการุณ กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ข่าวที่ตนถูกถีบนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนก็พยายามช่วยงานกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมกล่าวติดตลกว่า ถ้าใครกล้าถีบตน คงโดดถีบก้านคอก่อนแล้วพร้อมหัวเราะกับข่าวที่เกิดขึ้น
**เผย “เก่ง” ไร้มารยาท
น.ส.มัลลิกา ชี้แจงว่า ได้ติดตามคณะของผู้ว่าฯ กทม.ไปประชุมที่ ร.ร.ฤทธิยะวรรณาลัย 2 เพื่อระดมเรื่องการกรอกกระสอบทรายในเขตสายไหม ระหว่างนั้น คณะของคุณหญิงสุดารัตน์ น.อ.อนุดิษฐ์ และนายการุณก็เข้ามาในห้องประชุม จึงให้เกียรติเชิญคุณหญิงสุดารัตน์ กับ น.อ.อนุดิษฐ์ มานั่งข้างหน้า แต่นายการุณไม่มีที่นั่ง จึงพยายามมายืนเบียดอยู่ข้างหน้าตน ซึ่งได้นั่งอยู่และเอาก้นมาบังหน้า จึงได้เตือนว่า “คุณยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ (ผู้ว่าฯกทม.)” แต่นายการุณ สวนกลับมาว่า “ใหญ่กว่านี้ก็ไม่กลัว” โดยพูดถึง 3 ครั้ง ระหว่างที่พูดช่วงแรก ด้วยความที่ตนเป็นนักข่าวเก่า จึงรีบใช้โทรศัพท์อัดคลิปนายการุณไว้เป็นหลักฐานบันทึกได้ยินเสียงหมด
น.ส.มัลลิกา กล่าวว่า หลังจากเสร็จงานทุกคนกำลังเดินทางกลับ ปรากฎว่านายการุณพร้อมด้วยคนติดตามอีก 2-3 คนได้ยืนดักรอตนอยู่ข้างหน้า พอตนเดินออกไป นายการุณก็ใช้ตัวและก้นมากระแทก ขาเอียงมาทางด้านหน้าตนอย่างแรง จึงตอบโต้ด้วยการยกเท้าถีบเพื่อป้องกันตัว ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่รังแกตนก่อน
**“ศปภ.-ศูนย์ปลอดเตือนภัย” ทำใจ กทม.ฝั่งตะวันออกท่วมแน่
เวลาประมาณ 21.00 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ ระบุว่า
ประกาศศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ฉบับที่ 4 / 2554 เรื่องขอให้ประชาชนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ด้วยปรากฎว่าได้มีน้ำจำนวนมากได้ไหลผ่านทำนบชั่วคราวตามพนังกั้นน้ำคลองรพีพัฒน์แยกตก ได้ค่อยๆไหลท่วมทุ่งรังสิต ตั้งแต่คลอง 1 - 13 อย่างต่อเนื่อง จะมีผลทำให้น้ำในพื้นที่บริเวณโดยรอบและต่อเนื่องมีน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ตังแต่ 20 ต.ค. เป็นต้นไป มีความจำเป็นที่พี่น้องประชาชนต้องเตรียมการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว โดยเร่งด่วน
ขอให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำ และที่น้ำท่วมขังซ้ำซากของจังหวัดต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอคลองหลวง อำเภอหนองเสือ อำเภอสามโคก และอำเภอลาดหลุมแก้ว ซึ่งจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร - 1 เมตร
2. จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วย อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอดอนตูม อำเภอกำแพงแสน และอำเภอพุทธมณฑล ซึ่งจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 30 - 50 ซม.
3.จังหวัดสมุทรสาคร ประกอบด้วย อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอบ้านแพร้ว อำเภอกระทุ่มแบน ซึ่งจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร
4.จังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วย อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอปากเก็ด อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางกรวย อำเภอไทรน้อย ซึ่งจะมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 50 เซนติเมตร - 1 เมตร
5.กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย เขตคลองสามวา เขตหนองจอก เขตมีนบุรี เขตคันนายาว เขตลาดกระบัง จะมีระดับน้ำประมาณ 1.00 - 1.20 เมตร หรือเพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อยสำหรับเขตที่ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ได้แก่เขตสายไหม และ เขตบางเขน
จึงขอให้พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ตามประกาศข้างต้น ย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง ให้เกินกว่าระดับน้ำ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว และเฝ้าติดตามประกาศของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องอพยพประชาชนในพื้นที่ใดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
หลังจากนั้นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ได้ออกประกาศเตือนฉบับที่ 5 / 2554 เรื่อง ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน และเจ้าของกิจการห้ามกลับเข้าไปในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เนื่องจากขณะนี้ในพื้นที่มีระดับน้ำท่วมสูง 3 เมตร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงขอให้ปฎิบัติตามดังนี้
1.ให้ประชาชน และเจ้าของกิจการคำนึงถึงความปลอดภัยไม่กลับเขาไปในพื้นที่ จนกว่าศปภ.จะเห็นว่าสถานการณ์ระดับน้ำกลับสู่สภาวะปกติ
2.อย่าห่วงทรัพย์สินคำนึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง ศปภ.จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล
3.หากมีความจำเป็นต้องเข้าพื้นที่ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นภาระการรักษาความปลอดภัย
4.ขอความร่วมมือปฎบัติตามประกาศดังกล่าว อย่างเคร่งครัด
*** กปน.ยันคุมคุณภาพน้ำประปาได้
ด้าน การประปานครหลวง (กปน.) รายงานว่า ขณะนี้ ได้มีน้ำจากคลองบางหลวงไหลลงสู่คลองประปาช่วงเหนือรังสิตบางพูนขึ้นไป เจ้าหน้าที่เร่งปิดจุดรั่ว คาดปริมาณน้ำที่รั่วลงคลองประปาไม่เกิน 5% ของปริมาณน้ำที่รับจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ กปน.ตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอดเวลา ยืนยันน้ำดิบได้มาตรฐานสำหรับผลิตน้ำประปา แต่อาจมีกลิ่นคลอรีนมากกว่าปกติ เนื่องจากน้ำมีการปนเปื้อนและท่วมขังเป็นเวลานาน แจงการเพิ่มคลอรีน ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้หมด