xs
xsm
sm
md
lg

อีสานจม-เหนือเริ่มหนาว-เตือนใต้5จว.รับมือน้ำท่วมต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค - อีสานอ่วมหนัก "มหาสารคาม"ระดมย้ายจระเข้หนีน้ำชีหลังเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด "ขอนแก่น"ชง กกท.หารือเลื่อนแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 40 ส่วน "อยุธยา" พบศพจากน้ำท่วมวันเดียว 3 ศพรวด ขณะที่หลายจังหวัดภาคเหนือน้ำเริ่มลด เร่งระดมฟื้นฟูสภาพเมืองคึกคัก โดยอากาศหนาวเริ่มเข้ามาแทนที่ ศภช.เตือน 5 จังหวัดใต้เตรียมรับมือฝนถล่มช่วง 19-21 ต.ค.นี้

สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดทางภาคอีสานเริ่มเข้าสู่ภาวะวิกฤต โดยเฉพาะจังหวัดที่มีน้ำชีและน้ำมูลไหลผ่าน เช่นสถานการณ์น้ำที่ จ.กาฬสินธุ์ ยังวิกฤต แม่น้ำชียังคงเพิ่มระดับสูงขึ้น โดยสูงเกินระดับเก็บกักของฝายวังยางแล้วกว่า 4 เมตรแล้ว ทำให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ระดมกำลังทั้งเครื่องจักร กำลังแรงงานคนกว่า 2,000 คนเข้าป้องกันพนังทรุดและได้รับความเสียหายจากฤทธิ์แม่น้ำชี ที่อาจจะเจาะเซาะพนังจนพังเสียหายตลอดเวลาโดยขีดเส้นเฝ้าระวังพิเศษอีก 3 วัน

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่ได้เสียสละบ้านเรือนราษฎรของตนเองเพื่อปกป้องนาข้าวที่เป็นเม็ดเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งนาข้าวกว่า 300,000 ไร่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของชาวบ้านจังหวัด ก็ต้องให้ความสำคัญมากเพราะน้ำได้กินพื้นที่บ้านเรือนที่อยู่อาศัยไปแล้ว เหลือเพียงนาข้าวที่จะเป็นความหวังสุดท้าย และสถานการณ์ในตอนนี้ได้สละพนังลำชีตลอดแนวระยะทาง 21 กม.ซึ่งเป็นถนนลาดยางปิดกั้นการเดินทางตลอดทั้งสายเพื่อให้เครื่องจักรและเจ้าหน้าที่ดำเนินมาตรการเสริมคันดินและกระสอบทรายในช่วงระยะเวลา 3 วันนี้

**ระทึก!ย้ายจระเข้หนีน้ำชีทะลักท่วม

ที่ จ.มหาสารคาม นายสุทธินันท์ บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และทีมจับจระเข้ได้เร่งขนย้ายจระเข้ออกจากฟาร์มเลี้ยงทั้งหมด 80 ตัวของนายสุภาพ สีแก้วนิตย์ ราษฎรหมู่ 5 บ้านดอนน้อย ต.โพนงาม อ.โกสุมพิสัย หลังระดับน้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณฝนที่ตกสะสมในพื้นที่และน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ที่ระบายลงสู่ลำน้ำชี ส่งผลให้ต้องเร่งขนย้ายจระเข้ออกไปไว้ในที่ปลอดภัย

**มูล-ชีจมข้าวหอมฯสุรินทร์3หมื่นไร่

ที่ จ.สุรินทร์ นายยุทธนา วิริยะกิตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ จ.สุรินทร์ว่า ขณะนี้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับน้ำเหนือทั้งแม่น้ำมูล แม่น้ำชีไหลลงมาสมทบตามลำน้ำต่างๆ ต่อเนื่อง อีกทั้งอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางของ จ.สุรินทร์ ทั้ง 18 แห่งมีปริมาณน้ำมากกว่าความจุหมดแล้ว จึงต้องเร่งระบายน้ำออก ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ทั้งไร่นา บ้านเรือน ประชาชน และถนนสาธารณะต่างๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะน้ำได้ไหลเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรเป็นบริเวณกว้างเสียหายแล้วรวมกว่า 70,000 ไร่

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ระดับน้ำแม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 5-10 ซม.และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าเป็นห่วงอาจทำให้นาข้าวหอมมะลิใน อ.ท่าตูม ถูกน้ำท่วมทั้ง 8 ตำบลรวมกว่า 30,000 ไร่รวมทั้งถนน บ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำเอ่อท่วมอยู่แล้ว จะเพิ่มระดับและขยายวงกว้างมากขึ้น

**ขอนแก่นเล็งลดปล่อยน้ำเขื่อนอุบลรัตน์

ด้านนายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และคณะได้นำผ้าห่มแจกจ่ายผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวขอนแก่นที่ต้องอพยพไปอาศัยในเต็นท์บนถนนเลี่ยงเมือง เนื่องจากน้ำเข้าท่วมหมู่บ้านระดับสูงกว่า 2-3 เมตรและอากาศเริ่มหนาวเย็น โดยผู้ประสบภัยขอนแก่นกว่า 1,500 ครัวเรือนยังต้องอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งตั้งใน 4 โซนทั้งทางถนนเลี่ยงเมืองต.พระลับ ใกล้ลำน้ำชี ทางพื้นที่ท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ชุมชนติดลำน้ำพอง และทางหมู่บ้านท้ายห้วยพระคือ

ตลอดจนชุมชนเขตเทศบาลนครขอนแก่น บริเวณหมู่บ้านมิตรสัมพันธ์ และหมู่บ้านทุ่งเศรษฐี ถนนประชาสโมสร ซึ่งถือว่าปีนี้ชาวขอนแก่นได้รับผลกระทบบ้านเรือนถูกน้ำท่วมสูงหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมาเกือบเทียบเท่าปี 2521 ที่น้ำท่วมหนักที่สุดในขอนแก่น

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขอนแก่นคาดว่า จากมวลอากาศเย็นที่เข้าปกคลุมทำให้อากาศในขอนแก่นเริ่มหนาวเย็นแล้วนั้นจะทำให้ปริมาณฝนตกลดลง ซึ่งตนและทางเขื่อนอุบลรัตน์จะไปตรวจสอบพื้นที่ผลกระทบฝั่ง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภูว่า ผลกระทบจากน้ำเขื่อนล้นทะลักคันดินเริ่มลดระดับหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำที่กักเก็บขณะนี้สูงกว่าระดับคันดินที่รองรับน้ำในฝั่ง อ.โนนสัง

"หากสถานการณ์ทาง อ.โนนสัง คลี่คลายแล้วจะสามารถลดการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนได้ โดยขณะนี้เขื่อนอุบลรัตน์ระบายน้ำที่ระดับ 51 ลบ.ม.ก็จะค่อยๆ ลดปริมาณการระบายน้ำลง จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วขึ้น เชื่อว่าขอนแก่นจะพ้นวิกฤตไปได้เร็วกว่า 1 เดือนที่เคยคาดการณ์ไว้"

**ชงเรื่อง กกท.เลื่อนแข่งกีฬาแห่งชาติ

สำหรับประเด็นที่ จ.ขอนแก่นเป็นเจ้าภาพงานกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 40 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-10 ธ.ค.นี้ นายสมบัติ ยอมรับว่า ทางคณะกรรมการจัดงานของ จ.ขอนแก่น มีความเป็นห่วงประชาชนร่วมชาติทั้งในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและฟื้นฟูทั้งสภาพความเป็นอยู่และด้านจิตใจ

ดังนั้น ทางจังหวัดจึงได้ทำหนังสือเสนอไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.เพื่อหารือการเลื่อนการแข่งขันกีฬาแห่งชาติออกไปก่อน แต่ยังวิตกว่าหากเลื่อนการแข่งขันจากกำหนดเดิมปลายปีนี้ อาจส่งผลกระทบต่อกำหนดการ ของจังหวัดที่จะเป็นเจ้าภาพในปีถัดๆ ไป จึงต้องรอฟังการพิจารณาจากทาง กกท.เสียก่อน โดยหากไม่มีการเลื่อนกำหนดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งนี้ จ.ขอนแก่นก็พร้อมเป็นเจ้าภาพ 100%

**อยุธยาพบศพจากน้ำท่วมวันเดียว 3 ราย

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ แสงครุฑ พนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ได้รับแจ้งพบพศพนายสุดใจ ช่างศรี อายุ 32 ปีเสียชีวิตจากการจมน้ำโดยที่ข้อมือขวาของศพยังมีสายรัดชื่อผู้ป่วยขอโรงพยาบาลสนามติดอยู่ และที่มือซ้ายยังกำถุงยารักษาโรค

นางแต้ม ช่างศรี อายุ 56 ปี แม่ของผู้ตาย กล่าวว่า ลูกชายป่วยเป็นโรคหอบ ช่วงที่เกิดน้ำท่วมอาการของโรคก็กำเริบขึ้นมาอีก จนต้องไปขอยาที่โรงพยาบาลสนามที่เป็นศูนย์ในการดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้ ลูกชายหายตัวไป 2 วัน กระทั่งมาพบเป็นศพคาดว่าหลังจากไปหาแพทย์เพื่อรับยา และระหว่างกลับบ้านพักด้วยการเดินลุยน้ำ เพราะไม่มีเรือคงจะเป็นลมชักและจมน้ำ รายที่ 2 นางบุญช่วย สุนทรพันธ์ อายุ 70 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคชราและเมื่อถูกน้ำท่วมบ้าน ทำให้ไม่สะดวกในการใช้ชีวิตจนเกิดความเครียด และเสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก รายที่ 3 น.ส.เฉลียว จันทรสุคนธ์ อายุ 49 ปี เกิดอาการเครียดเนื่องจากบ้านพักถูกน้ำท่วมสูงและว่างงานเนื่องจากโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครถูกน้ำท่วมทั้งหมด เสียชีวิติอยู่ในบ้านพัก

ผู้เสียชีวิตทั้งหมดหน่วยกู้ภัยอยุธยาอยุธยารวมใจได้ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตเพื่อนำศพไปแช่เย็นก่อนการเคลื่อนย้ายไปทำพิธี เนื่องจากวัดต่างๆ ในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา ถูกน้ำท่วมทั้งหมด

**ปากน้ำโพน้ำลดเร่งทำความสะอาด

ที่ จ.นครสวรรค์ หลังจากวานนี้ระดับน้ำที่ท่วมในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์มีระดับลดลงกว่า 30 ซม.ทำให้บรรดาผู้ประกอบการร้านค้าในตัวเมืองนครสวรรค์ที่ต้องปิดร้านมานานกว่า 10 วัน เริ่มเข้าไปทำความสะอาดร้านค้ากันก่อนที่น้ำจะแห้งอย่างคึกคัก โดยบรรดาผู้ประกอบการต้องใช้น้ำที่เหลืออยู่ล้าง ขัด ร้านค้า นำเอาเศษดินออกจากร้านเพื่อประกอบกิจการใหม่ โดยทุกคนดีใจมากที่น้ำลดลงเร็วจากเดิมคาดการณ์ว่าน้ำน่าจะท่วมขังนานเป็นเดือน

นอกจากนี้ จากการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถอุดช่องว่างที่พังได้แล้ว และได้ระดมเครื่องสูบน้ำกว่า 30 เครื่องเร่งสูบน้ำออกจากทุกมุมเมือง ทำให้น้ำลดลงคาดว่าน้ำจะแห้งสู่ภาวะปกติได้ภายใน 10 วันข้างหน้านี้

ส่วนถนนสายเอเชีย ยังไม่เปิดใช้งาน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ต้องการที่จะซ่อมถนนให้เสร็จสมบูรณ์จะได้เปิดให้บริการถนนสายหลักทั้งหมด ช่วงนี้จึงเปิดให้รถวิ่งเฉพาะรถของทางราชการเท่านั้น ส่วนรถประชาชนทั่วไปคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ภายใน 2-3 วันนี้

**พิจิตรเร่งกู้ถนนเสียหายกว่า200จุด

นายทองคำ พฤกษะวัน รอง ผอ.แขวงการทางจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้ในหลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว และได้ส่งช่างเข้าทำการฟื้นฟูเส้นทางหลักที่ใช้เข้าสู่ตัวเมืองพิจิตร โดยเฉพาะทางหลวงหมายเลข 1276 ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 117 สี่แยกหนองหัวปลวก-วังจิก-พิจิตร ซึ่งสามารถใช้การได้เป็นปกติ แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มอีกทั้งน้ำยมยังไหลแรงและเชี่ยวกราก และพบว่าน้ำได้กัดเซาะคอสะพานที่บริเวณถนนดังกล่าวหลัก กม.ที่ 11 บ้านไผ่รอบจนคอสะพานเป็นหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งซ่อมแซมและยังพบอีกว่าในเขต จ.พิจิตร มีถนนพังเพราะเหตุน้ำท่วมเกือบ 200 จุด ซึ่งจะได้เร่งซ่อมแซมต่อไป

**ชร.เริ่มหนาวอุณหภูมิ20องศาฯ

สภาพอากาศใน จ.เชียงราย ถือว่าหนาวเย็นมาเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันแล้ว โดยทางสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเชียงราย รายงานการตรวจวัดอุณหภูมิต่ำสุดที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย 20 องศาฯ ลดลงจากวานนี้ที่วัด 21 องศาฯ โดยถือว่าขณะนี้ จ.เชียงรายได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว และจากนี้ไปสภาพอากาศใน จ.เชียงรายจะหนาวเย็นลงต่อเนื่อง

นายสมพล สุปการ หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า สภาพอากาศดังกล่าวเกิดจากมวลความกดอากาศสูงที่แผ่ปกคลุมมาจากทิศเหนือหรือจากประเทศจีนตามฤดูของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และช่วง 1-2 วันก่อนได้ปะทะกับมวลอากาศอุ่นในประเทศไทยจึงทำให้เกิดฝนตกลงมาเล็กน้อย หรือปลายฝนต้นหนาว

**เตือนใต้ฝนถล่ม19-21ตค.นี้

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ(ศภช.)แจ้งว่า ในวันที่ 19-21 ต.ค.นี้ มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะบริเวณ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง และ จ.สงขลา ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวัง และติดตามข้อมูลจากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงไอซีทีต่อไป

ส่วนสถานการณ์น้ำในภาคใต้โดยทั่วไปยังคงปกติ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยภาคใต้ฝั่งตะวันออกในระยะนี้ จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น ส่วน จ.นครศรีธรรมราช พบว่ามีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางและมีแนวโน้มที่ฝนจะตกเป็นเวลานาน ซึ่งอาจจะมีผลทำให้น้ำหลากและเอ่อล้นในลำห้วย ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกสถานการณ์และปริมาณน้ำฝนยังปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น