เอเอฟพี – หนึ่งเดือนหลังจากกลุ่มต่อต้านนายทุนไม่กี่ร้อยคนรวมตัวตั้งแคมป์ในนิวยอร์ก มาวันนี้ขบวนการยึดวอลล์สตรีทโด่งดังไปทั่วโลก และกลายเป็นที่สนใจชนิดแม้แต่ทำเนียบขาวยังไม่อาจมองข้าม ถึงแม้ยังไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายข้างหน้าอยู่ที่ใดก็ตาม
วันจันทร์ (17) ผู้ประท้วงที่อยู่ในแคมป์ที่มีการจัดการอย่างดีในบริเวณสวนสาธารณะซุคคอตติ ใกล้กับวอลล์สตรีท เริ่มเดือนที่ 2 ของการเคลื่อนไหว โดยมีแผนติดตามผลการประท้วงใหญ่ที่ครอบคลุมทั้วทั้งย่านไทม์สแควร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แคมป์ดังกล่าวไม่ได้มีแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับชุมชนที่พำนักกันกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งแต่ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจนถึงห้องสมุด โดยดาร์เรลล์ ปรินซ์ ผู้จัดการชุมนุมที่อยู่ในส่วนคณะกรรมการการเงิน เผยว่าขณะนี้มีเงินบริจาคในมือ 275,000 ดอลลาร์
จากเว็บไซต์ www.occupywallst.org เป้าหมายใหญ่ถัดไปอาจเป็นวันเสาร์นี้ (22) ในวาระ “วันประท้วงต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจแห่งชาติ”
ขบวนการนี้ส่งผลกระทบกว้างใหญ่ไพศาล จุดประกายการประท้วงในลักษณะคล้ายกันทั่วสหรัฐฯ และนานาประเทศ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ในยุโรป เพื่อเผยแพร่สาส์นเดียวกันคือ ความชิงชังที่มีต่อความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยเปอร์เซ็นต์เดียวกับคนจนอีก 99%
แม้จำนวนผู้ชุมนุมยังไม่มากมายนัก โดยการประท้วงใหญ่ที่สุดมีผู้เข้าร่วม 10,000-20,000 คน แต่ขบวนการนี้เริ่มเป็นที่สนใจของนักการเมืองอาวุโส เนื่องจากใกล้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันปลายปีหน้าเข้าไปทุกที
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นำทีมเดโมแครตอ้าแขนรับขบวนการยึดวอลล์สตรีทอย่างไม่อ้อมค้อม โดยทำเนียบขาวแถลงว่า การหาเสียงในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาและเวอร์จิเนียสัปดาห์นี้จะชูประเด็นความจำเป็นในการ "ทำให้มั่นใจว่าคนอเมริกัน 99% ได้รับการเอาใจใส่และตอบสนองเป็นอย่างดี” ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องส่วนหนึ่งของขบวนการ
เจย์ คาร์นีย์ โฆษกของโอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้นำสหรัฐฯ เข้าใจความไม่พอใจที่ผู้ประท้วงแสดงออกมา
ในทางกลับกัน ผู้สมัครชิงทำเนียบขาวจากรีพับลิกัน วิจารณ์ขบวนการยึดวอลล์สตรีทอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ มีการเปิดเผยว่า นักเขียนหลายร้อยคน ซึ่งรวมถึง ซัลมาน รัชดี ได้เขียนฎีกาออนไลน์ลงวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแสดงการสนับสนุนขบวนการนี้ทั้งที่สหรัฐฯ และทั่วโลก
นอกจากนั้น วันเสาร์ที่ผ่านมา มาร์ติน ลูเธอร์ คิงที่3 บุตรชายของนักต่อสู้ผิวสีชื่อดัง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าว ณ อนุสาวรีย์มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งทำพิธีเปิดหมาดๆ ว่า หากยังมีชีวิตอยู่ พ่อของตนคงเข้าร่วมขบวนการนี้แน่นอน
“เราอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์มาแล้วซึ่งเราควรทำ เราอุ้มวอลล์สตรีทแล้วเช่นกัน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องโอบอุ้มแรงงานอเมริกัน และนี่คือเป้าหมายของเรา"
คำถามขณะนี้คือ ขบวนการยึดวอลล์สตรีท หรือ OWS จะใช้พลังอำนาจที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศข้อเรียกร้องที่เฉพาะเจาะจงออกมาสักข้อ ทำให้ถูกเย้ยหยันจากนักวิจารณ์บางคน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ง่ายๆ ในการจัดหาเต็นท์สำหรับผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่ไม่พอใจเศรษฐกิจที่ชะงักงัน และโกรธแค้นที่ผู้นำธุรกิจและการเมืองตัดขาดจากชาวบ้านธรรมดา ดูเหมือนได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากอากาศหนาวเย็นเดินทางมาถึงนิวยอร์กอย่างรวดเร็ว
ทว่า นักเคลื่อนไหวปฏิเสธเรื่องนี้ พร้อมชี้ว่าได้ระบุวาระหลักของขบวนการอย่างละเอียดไว้ในเว็บไซต์
ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมได้แจกจ่ายใบปลิวปลุกเร้าผู้เข้าร่วมชุมนุมให้อดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงให้มากที่สุด รวมถึงเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด ดื่มเหล้า หรือใช้ถ้อยคำรุนแรง ตลอดทั้งจำกัดเวลาในการใช้เสียงดังเพื่อไม่ให้รบกวนผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น
วันจันทร์ (17) ผู้ประท้วงที่อยู่ในแคมป์ที่มีการจัดการอย่างดีในบริเวณสวนสาธารณะซุคคอตติ ใกล้กับวอลล์สตรีท เริ่มเดือนที่ 2 ของการเคลื่อนไหว โดยมีแผนติดตามผลการประท้วงใหญ่ที่ครอบคลุมทั้วทั้งย่านไทม์สแควร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แคมป์ดังกล่าวไม่ได้มีแค่สิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับชุมชนที่พำนักกันกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ตั้งแต่ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจนถึงห้องสมุด โดยดาร์เรลล์ ปรินซ์ ผู้จัดการชุมนุมที่อยู่ในส่วนคณะกรรมการการเงิน เผยว่าขณะนี้มีเงินบริจาคในมือ 275,000 ดอลลาร์
จากเว็บไซต์ www.occupywallst.org เป้าหมายใหญ่ถัดไปอาจเป็นวันเสาร์นี้ (22) ในวาระ “วันประท้วงต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจแห่งชาติ”
ขบวนการนี้ส่งผลกระทบกว้างใหญ่ไพศาล จุดประกายการประท้วงในลักษณะคล้ายกันทั่วสหรัฐฯ และนานาประเทศ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ในยุโรป เพื่อเผยแพร่สาส์นเดียวกันคือ ความชิงชังที่มีต่อความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจระหว่างคนรวยเปอร์เซ็นต์เดียวกับคนจนอีก 99%
แม้จำนวนผู้ชุมนุมยังไม่มากมายนัก โดยการประท้วงใหญ่ที่สุดมีผู้เข้าร่วม 10,000-20,000 คน แต่ขบวนการนี้เริ่มเป็นที่สนใจของนักการเมืองอาวุโส เนื่องจากใกล้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกันปลายปีหน้าเข้าไปทุกที
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา นำทีมเดโมแครตอ้าแขนรับขบวนการยึดวอลล์สตรีทอย่างไม่อ้อมค้อม โดยทำเนียบขาวแถลงว่า การหาเสียงในมลรัฐนอร์ทแคโรไลนาและเวอร์จิเนียสัปดาห์นี้จะชูประเด็นความจำเป็นในการ "ทำให้มั่นใจว่าคนอเมริกัน 99% ได้รับการเอาใจใส่และตอบสนองเป็นอย่างดี” ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องส่วนหนึ่งของขบวนการ
เจย์ คาร์นีย์ โฆษกของโอบามากล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้นำสหรัฐฯ เข้าใจความไม่พอใจที่ผู้ประท้วงแสดงออกมา
ในทางกลับกัน ผู้สมัครชิงทำเนียบขาวจากรีพับลิกัน วิจารณ์ขบวนการยึดวอลล์สตรีทอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ มีการเปิดเผยว่า นักเขียนหลายร้อยคน ซึ่งรวมถึง ซัลมาน รัชดี ได้เขียนฎีกาออนไลน์ลงวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อแสดงการสนับสนุนขบวนการนี้ทั้งที่สหรัฐฯ และทั่วโลก
นอกจากนั้น วันเสาร์ที่ผ่านมา มาร์ติน ลูเธอร์ คิงที่3 บุตรชายของนักต่อสู้ผิวสีชื่อดัง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ กล่าว ณ อนุสาวรีย์มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งทำพิธีเปิดหมาดๆ ว่า หากยังมีชีวิตอยู่ พ่อของตนคงเข้าร่วมขบวนการนี้แน่นอน
“เราอุ้มอุตสาหกรรมรถยนต์มาแล้วซึ่งเราควรทำ เราอุ้มวอลล์สตรีทแล้วเช่นกัน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องโอบอุ้มแรงงานอเมริกัน และนี่คือเป้าหมายของเรา"
คำถามขณะนี้คือ ขบวนการยึดวอลล์สตรีท หรือ OWS จะใช้พลังอำนาจที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างไร เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศข้อเรียกร้องที่เฉพาะเจาะจงออกมาสักข้อ ทำให้ถูกเย้ยหยันจากนักวิจารณ์บางคน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ง่ายๆ ในการจัดหาเต็นท์สำหรับผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่ไม่พอใจเศรษฐกิจที่ชะงักงัน และโกรธแค้นที่ผู้นำธุรกิจและการเมืองตัดขาดจากชาวบ้านธรรมดา ดูเหมือนได้ผลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากอากาศหนาวเย็นเดินทางมาถึงนิวยอร์กอย่างรวดเร็ว
ทว่า นักเคลื่อนไหวปฏิเสธเรื่องนี้ พร้อมชี้ว่าได้ระบุวาระหลักของขบวนการอย่างละเอียดไว้ในเว็บไซต์
ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมได้แจกจ่ายใบปลิวปลุกเร้าผู้เข้าร่วมชุมนุมให้อดทนอดกลั้นต่อความรุนแรงให้มากที่สุด รวมถึงเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด ดื่มเหล้า หรือใช้ถ้อยคำรุนแรง ตลอดทั้งจำกัดเวลาในการใช้เสียงดังเพื่อไม่ให้รบกวนผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น
