จบไปแล้วสำหรับงาน ANUGA 2011 หรืองานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี ที่เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 8-12 ต.ค.2554 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 31 และไทยเข้าร่วมงานเป็นครั้งที่ 19 มีทัพผู้ส่งออกไทยไปร่วมงานกว่า 160 ราย ทั้งเข้าร่วมงานโดยการสนับสนุนของกรมส่งเสริมการส่งออก และเดินทางไปร่วมงานเอง ซึ่งถือได้ว่ารูปแบบ สีสรร และการจัดบูธสินค้าของผู้ประกอบการไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลกที่ได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้
ปีนี้ ประเทศไทยมีนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายประสานพงศ์ วงศ์ใหญ่ และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เดินทางไปเยี่ยมชมงาน และร่วมเปิดคูหาไทย (Thai Pavilion)
นายศิริวัฒน์กล่าวว่า งาน ANUGA 2011 เป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก จัดขึ้นทุก 2 ปี เพื่อเจรจาธุรกิจการค้าเท่านั้น ปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 ซึ่งทางกรมส่งเสริมการส่งออกเข้าร่วมงานเป็นครั้งที่ 19 นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานกว่า 142 ราย และยังมีผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงานเองอีกเป็นจำนวนมาก
สินค้าสำคัญของไทยที่นำไปจัดแสดง ได้แก่ อาหารกระป๋อง ข้าว ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป อาหารทานเล่น และเครื่องดื่ม บนพื้นที่กว่า 1,520.50 ตารางเมตร โดยการจัดงานครั้งที่ผ่านมา หรือ ANUGA 2009 มียอดการสั่งซื้อทันที 1,208.80 ล้านบาท และมียอดการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 8,393.10 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการเข้าร่วมงานนี้เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งในการแสดงศักยภาพของสินค้าอาหารไทย และคาดว่าปีนี้ยอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น
“สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ผักและผลไม้กระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ซอส เครื่องปรุงอาหารสำเร็จรูป น้ำผลไม้ Organic Coffee อาหารแช่แข็ง ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสูง มีการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ผู้ซื้อให้การยอมรับ มั่นใจว่าสินค้าอาหารไทยจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี และแม้ว่าประเทศผู้ซื้อหลายๆ ประเทศทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าสินค้าอาหารไทยยังคงขายได้ เพราะคนยังต้องกินต้องใช้"นายศิริวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงสินค้าข้าวภายใต้แนวคิด “All about rice” เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวออแกนิกส์ เส้นก๋วยเตี๋ยว แครกเกอร์ ข้าวเกรียบ และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเข้าร่วมงานเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่เสียงของผู้ประกอบการไทยที่ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร ANUGA 2011 ในครั้งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้งานจะไม่คึกคักเหมือนกับการจัดงานในครั้งก่อนๆ เพราะว่ายุโรปกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าในส่วนของสินค้าอาหารจะไม่ลดลง เพราะอาหารเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับทุกคน จะลดไม่ได้ และเชื่อว่าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าอาหารไทย จะทำให้ยอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรปที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อซบเซา ปกติช่วงใกล้ๆ สิ้นปี การค้าขายจะคึกคักมาก แต่ปีนี้ชะลอตัว คงต้องให้เวลาอีกซักระยะถึงจะประเมินได้ แต่เชื่อว่าในส่วนของสินค้าอาหาร คงไม่กระทบมาก แต่เพื่อเป็นการป้องกัน ได้พยายามบุกตลาดอื่น เช่น จีน ตะวันออกกลาง อียิปต์ ลิเบีย ซึ่งทดแทนตลาดยุโรปได้พอสมควร
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ในส่วนของข้าวถุง ตอนนี้ผู้ซื้อต่างประเทศรู้แล้วว่า ข้าวไทยจะราคาสูงขึ้น ยิ่งรัฐบาลมีโครงการรับจำนำ และตอนนี้ยังมีปัญหาน้ำท่วม ก็เลยรีบซื้อ ประเมินได้ว่า ไทยน่าจะขายข้าวได้เพิ่มขึ้น และราคาดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า การที่ราคาสูงขึ้น ทำให้ตลาดไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่ก็ยังขายได้ เพราะไม่ว่าจะยังไง คนก็ต้องกิน
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมงาน ANUGA 2011 ครั้งนี้ นายศิริวัฒน์พร้อมคณะยังได้พบปะกับ Dr.Stephen Ruschen ผู้บริหารระดับสูงของห้าง METRO ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธาณรัฐเยอรมนี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในความร่วมมือส่งเสริมการขาย (In-store promotion) ระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต กับห้าง METRO ด้วย
การร่วมมือดังกล่าว เป็นกิจกรรมที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้ร่วมกับห้าง METRO จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 เน้นสินค้าอาหาร โดยที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายสินค้าไทยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 28 ปัจจุบันมีผู้รับผิดชอบ คือ นางสาวจตุพร วัฒนสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส กับนางสาวสุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งรูปแบบความร่วมมือในปีนี้ ได้เน้นอาหารกระป๋อง อาหารแห้ง เครื่องปรุงอาหารไทย ภายใต้แนวคิดอาหารไทยเพื่อสุขภาพ และคาดว่ายอดจำหน่ายตลอดทั้งปีนี้ จะสูงถึงประมาณ 5,000,000 ยูโร
ทางด้านนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การร่วมมือกับห้าง METRO ซึ่งเป็นห้างขายส่งชั้นนำของโลก มีสาขาทั้งสิ้น 703 สาขา ใน 30 ประเทศทั่วโลก เป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น โดยที่ผ่านมา ห้างมีการนำเข้าสินค้าจากไทยประมาณกว่า 170 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร ผักและผลไม้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กรมฯ กำลังจะผลักดันสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการส่งออก เช่น อาหารขบเคี้ยวที่ทำจากข้าวและข้าวสาลี เส้นสปาเกตตี้ทำจากข้าวไทย อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เครื่องปรุงอาหารสำเร็จรูปและซอสปรุงรสต่างๆ เครื่องดื่ม อาหารฮาลาล และ สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น เข้าสู่ห้าง และผลักดันให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าไทยและเพิ่มการสั่งซื้อสินค้าไทยต่อไป
ปีนี้ ประเทศไทยมีนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายประสานพงศ์ วงศ์ใหญ่ และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เดินทางไปเยี่ยมชมงาน และร่วมเปิดคูหาไทย (Thai Pavilion)
นายศิริวัฒน์กล่าวว่า งาน ANUGA 2011 เป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของโลก จัดขึ้นทุก 2 ปี เพื่อเจรจาธุรกิจการค้าเท่านั้น ปีนี้เป็นการจัดงานครั้งที่ 31 ซึ่งทางกรมส่งเสริมการส่งออกเข้าร่วมงานเป็นครั้งที่ 19 นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานกว่า 142 ราย และยังมีผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงานเองอีกเป็นจำนวนมาก
สินค้าสำคัญของไทยที่นำไปจัดแสดง ได้แก่ อาหารกระป๋อง ข้าว ผัก ผลไม้ อาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูป อาหารทานเล่น และเครื่องดื่ม บนพื้นที่กว่า 1,520.50 ตารางเมตร โดยการจัดงานครั้งที่ผ่านมา หรือ ANUGA 2009 มียอดการสั่งซื้อทันที 1,208.80 ล้านบาท และมียอดการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 8,393.10 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการเข้าร่วมงานนี้เป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งในการแสดงศักยภาพของสินค้าอาหารไทย และคาดว่าปีนี้ยอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น
“สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ผักและผลไม้กระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป ซอส เครื่องปรุงอาหารสำเร็จรูป น้ำผลไม้ Organic Coffee อาหารแช่แข็ง ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสูง มีการส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก ผู้ซื้อให้การยอมรับ มั่นใจว่าสินค้าอาหารไทยจะยังคงได้รับการตอบรับที่ดี และแม้ว่าประเทศผู้ซื้อหลายๆ ประเทศทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าสินค้าอาหารไทยยังคงขายได้ เพราะคนยังต้องกินต้องใช้"นายศิริวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแสดงสินค้าข้าวภายใต้แนวคิด “All about rice” เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวเพื่อสุขภาพ ข้าวออแกนิกส์ เส้นก๋วยเตี๋ยว แครกเกอร์ ข้าวเกรียบ และน้ำมันรำข้าว เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ที่มาเข้าร่วมงานเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน
ขณะที่เสียงของผู้ประกอบการไทยที่ได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร ANUGA 2011 ในครั้งนี้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้งานจะไม่คึกคักเหมือนกับการจัดงานในครั้งก่อนๆ เพราะว่ายุโรปกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลงไปบ้าง แต่เชื่อว่าในส่วนของสินค้าอาหารจะไม่ลดลง เพราะอาหารเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับทุกคน จะลดไม่ได้ และเชื่อว่าด้วยคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าอาหารไทย จะทำให้ยอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
นายอมรพันธุ์ อร่ามวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี แวลู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรปที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อซบเซา ปกติช่วงใกล้ๆ สิ้นปี การค้าขายจะคึกคักมาก แต่ปีนี้ชะลอตัว คงต้องให้เวลาอีกซักระยะถึงจะประเมินได้ แต่เชื่อว่าในส่วนของสินค้าอาหาร คงไม่กระทบมาก แต่เพื่อเป็นการป้องกัน ได้พยายามบุกตลาดอื่น เช่น จีน ตะวันออกกลาง อียิปต์ ลิเบีย ซึ่งทดแทนตลาดยุโรปได้พอสมควร
นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ในส่วนของข้าวถุง ตอนนี้ผู้ซื้อต่างประเทศรู้แล้วว่า ข้าวไทยจะราคาสูงขึ้น ยิ่งรัฐบาลมีโครงการรับจำนำ และตอนนี้ยังมีปัญหาน้ำท่วม ก็เลยรีบซื้อ ประเมินได้ว่า ไทยน่าจะขายข้าวได้เพิ่มขึ้น และราคาดีขึ้น แต่ก็ยอมรับว่า การที่ราคาสูงขึ้น ทำให้ตลาดไม่คึกคักเท่าที่ควร แต่ก็ยังขายได้ เพราะไม่ว่าจะยังไง คนก็ต้องกิน
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่เดินทางมาร่วมงาน ANUGA 2011 ครั้งนี้ นายศิริวัฒน์พร้อมคณะยังได้พบปะกับ Dr.Stephen Ruschen ผู้บริหารระดับสูงของห้าง METRO ณ เมืองโคโลญจน์ สหพันธ์สาธาณรัฐเยอรมนี เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในความร่วมมือส่งเสริมการขาย (In-store promotion) ระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต กับห้าง METRO ด้วย
การร่วมมือดังกล่าว เป็นกิจกรรมที่กรมส่งเสริมการส่งออกได้ร่วมกับห้าง METRO จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 เน้นสินค้าอาหาร โดยที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายสินค้าไทยเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 28 ปัจจุบันมีผู้รับผิดชอบ คือ นางสาวจตุพร วัฒนสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส กับนางสาวสุพัตรา แสวงศรี ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งรูปแบบความร่วมมือในปีนี้ ได้เน้นอาหารกระป๋อง อาหารแห้ง เครื่องปรุงอาหารไทย ภายใต้แนวคิดอาหารไทยเพื่อสุขภาพ และคาดว่ายอดจำหน่ายตลอดทั้งปีนี้ จะสูงถึงประมาณ 5,000,000 ยูโร
ทางด้านนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การร่วมมือกับห้าง METRO ซึ่งเป็นห้างขายส่งชั้นนำของโลก มีสาขาทั้งสิ้น 703 สาขา ใน 30 ประเทศทั่วโลก เป็นโอกาสดีที่จะผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น โดยที่ผ่านมา ห้างมีการนำเข้าสินค้าจากไทยประมาณกว่า 170 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร ผักและผลไม้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ กรมฯ กำลังจะผลักดันสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการส่งออก เช่น อาหารขบเคี้ยวที่ทำจากข้าวและข้าวสาลี เส้นสปาเกตตี้ทำจากข้าวไทย อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน เครื่องปรุงอาหารสำเร็จรูปและซอสปรุงรสต่างๆ เครื่องดื่ม อาหารฮาลาล และ สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น เข้าสู่ห้าง และผลักดันให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าไทยและเพิ่มการสั่งซื้อสินค้าไทยต่อไป