xs
xsm
sm
md
lg

สป.แนะรัฐฯสร้างเขื่อน-ฝายจากยางพารา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -ประธานคณะเศรษฐกิจมหภาคฯ สภาที่ปรึกษา แนะภาครัฐแก้ปัญหาโดยเน้นให้ความสำคัญในการเยียวยาทางด้านจิตใจโดยการ “ให้อาชีพ” พร้อมแนะทางแก้ให้ภาครัฐ “สร้างเขื่อน ประตูและฝายจากยางพารา” แทนการใช้เขื่อนดินหรือเขื่อนคอนกรีต เพราะมีความทนทาน ยืดหยุ่นสูง แถมประหยัด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) เปิดเผยว่า จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปีนี้นับว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี ซึ่งได้คร่าชีวิตและสร้างความเสียหายแก่ราษฎรบ้านเรือนตลอดจนที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินเป็นมูลค่ามหาศาล การแก้ไขปัญหาขณะนี้นอกเหนือจากการนำเครื่องอุปโภค บริโภค และเงินที่ทุกภาคส่วนได้ระดมกำลังไปช่วยเหลือแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดอยากเสนอแนะรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาในด้านการเยียวยาทางด้านจิตใจ คือ การสร้างอาชีพเพื่อให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้มีงานทำภายหลังจากน้ำลด ซึ่งนอกจากเป็นการช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ และทำให้ช่วยคลายความเครียดให้แก่ประชาชนแล้ว ยังจะทำให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยมีรายได้และช่วยลดปัญหาด้านสังคม เช่น โจรผู้ร้าย อาชญากรรม ยาเสพติดและปัญหาอื่น ๆ ตามมาลงได้ นอกจากนี้ ยังจะก่อให้เกิดความมั่นคงในระยะยาว เนื่องจากจะเป็นอาชีพที่ติดตัวไปในอนาคตอีกด้วย

ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาคฯ สป. กล่าวต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลควรให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยได้มีการรวมกลุ่มอาจเป็นในรูปแบบ “วิสาหกิจชุมชน” โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนส่งนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญในอาชีพนั้นๆ มาทำการฝึกอบรม รวมทั้งขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนบริษัทฯ ห้างร้านต่าง ๆ ในการรับซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้ประสบอุทกภัย โดยจัดเป็นมุมตลาดขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่ได้ผลิตขึ้น

ทั้งนี้ ภาครัฐควรสนับสนุนในด้านเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสินค้า รวมทั้งให้สถาบันการเงิน เช่น สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรือธนาคารออมสิน ฯลฯ มาให้การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องเงินทุนหมุนเวียนโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำ โดยรัฐทำการอุดหนุนดอกเบี้ยให้

ในเบื้องต้นนี้รัฐบาลจะต้องเร่งศึกษา โดยการสำรวจพื้นที่ และศึกษาอาชีพต่าง ๆ ที่เป็นอาชีพที่ใกล้ตัวที่ประชาชนสามารถทำได้ในท้องถิ่น และควรมีการสร้างเครือข่ายอาชีพเพื่อที่จะได้มีผลิตภัณฑ์ในปริมาณมากพอที่จะสามารถจัดส่งออกจำหน่ายไปยังผู้ใช้ได้ โดยเบื้องต้นภายหลังน้ำลดอาชีพที่สามารถดำเนินการได้และมีวัสดุอยู่แล้ว คือ การทำอิฐบล็อกที่ทำมาจากทรายที่ใส่ถุงนำมาเป็นคันกั้นน้ำ , การทำผลิตภัณฑ์จักสานจากผักตบชวา เนื่องจากน้ำหลากจะมีผักตบชวาลอยมากับน้ำ, การตัดเย็บเสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์ยาหอม ยาดมจากพืชสมุนไพร เป็นต้น

นอกจากนี้ เนื่องจากประเทศไทยสามารถส่งยางพาราได้เป็นอันดับ 1 ของโลกสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างมหาศาล แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วกว่า 88 เปอร์เซ็นต์ประเทศไทยยังคงส่งออกในรูปวัตถุดิบ ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชนนำวัตถุดิบจากยางพารา มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่สามารถทำได้ในชุมชนเอง เช่น ซีนที่ใช้กับสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในบ้าน สำนักงานต่าง ๆ ขาโต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้จากยางพารา ฯลฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนได้อย่างกว้างขวาง และเป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุด ซึ่งในอนาคตสามารถพัฒนาการผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ต้องเข้ามาช่วยดูแลต่อไป

นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการเยียวยาทางด้านจิตใจแล้ว จากการที่ภาครัฐได้มีการวางแผนในการจัดการเรื่องน้ำโดยจะมีการวางแผนการสร้างเขื่อนคอนกรีตในพื้นที่ต่าง ๆ แทนเขื่อนดิน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นทางเลือกที่สำคัญหนึ่งในการแก้ปัญหาระยะยาว รัฐบาลควรใช้เขื่อนที่ทำจากยางพาราแทนเขื่อนดินหรือเขื่อนคอนกรีต เนื่องจากเขื่อนหรือฝายที่ทำจากยางพารานั้น มีคุณสมบัติพิเศษ ทั้งสามารถควบคุมอัตราการไหลของน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูงจึงช่วยป้องกันการซึมผ่านของน้ำและการกัดกร่อนของสารเคมีที่ติดมากับน้ำได้ดี สามารถปรับระดับความสูง-ต่ำ ตามความต้องการและตามปริมาณของระดับน้ำ มีอายุการใช้งานนานประมาณ 25 ปี และสามารถประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเขื่อนคอนกรีต

ปัจจุบันมีการใช้ที่ฝายยางจันทบุรี จ.จันทบุรี , ฝายจระเข้สามพัน อ.อู่ทอง และฝายป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และฝายอ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ผ่านมาประเทศจีนได้มีการใช้เขื่อนหรือฝายยางและประสบความสำเร็จมานานแล้ว

“ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจมหภาค การเงิน การคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมคณะจะได้มีการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลและความเป็นไปได้ในพื้นที่ เพื่อนำเสนอต่อครม.เร็ว ๆ นี้”
กำลังโหลดความคิดเห็น