ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ผู้คนพากันฮือฮาเมื่อเจ้าของร้านตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่นหัวใสรายหนึ่ง ใช้หญิงสาวแทนหุ่นโชว์เข้าตู้กระจกหน้าร้าน เรียกความสนใจจากผู้สัญจรผ่านไปมาได้ทุกวันในยามเย็น ผู้คนไปเบียดเสียดกันมุงดูหุ่นที่เคลื่อนไหวได้
สาวสวยในตู้กระจำทั้ง 3 คน สองคนเป็นนักศึกษา อีกคนหนึ่งยังเป็นนักเรียนชั้นมัธยมในกรุงฮานอย โชว์พิเศษนี้มีให้ชมเพียงวันละ 1 ชั่วโมง ระหว่างเวลา 19:00 ถึง 20:00 น.เท่านั้น ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋
สิ่งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากร้านแฟชั่นแห่งหนึ่งในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีใช้วิธีแบบเดียวกันนี้ส่งเสริมการขายบิกินี แต่นางเจิ่นเฮืองหลี (Tran Huong Ly) เจ้าของร้านเสื้อผ้าในฮานอย บอกว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่สิ่งที่เธอทำนี้คิดว่าเป็นหนทางเดียว ที่ทำให้ร้านของเธอต่างๆ จากร้านค้าอื่นๆ ในละแวก
สำหรับเจิ่นทูเฮือง (Tran Thu Huong) หุ่นที่มีชีวิตคนหนึ่ง เป็นนักศึกษาสาวชั้นปีที่ 1 ที่วิทยาลัยการท่องเที่ยวกรุงฮานอย เธอบอกกับเตื่อยแจ๋ว่า ทำงานแรกๆ ก็รู้สึกฝืนๆ เพราะคนไปมุงดูมากเหลือเกิน แต่หลายวันเข้าก็เริ่มชินชา
เฮืองบอกว่า ไปสมัครงานที่ร้านเพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าของร้านทำงานพาร์ตไทม์ แต่ถูกเสนองานนี้ ซึ่งรู้สึกดีเสียอีกเพราะได้สวมเสื้อผ้าชุดสวยๆ ทุกวัน เธอจึงยอมรับค่าจ้าง 49 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยทำงานวันละ 2 ชั่วโมง
แกว๊กมีงหั่ง (Quach Minh Hang) เป็น “หุ่นดิ้นได้” อีกคนหนึ่ง เดือนหน้าก็จะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว เธอบอกรู้สึกดีที่ได้ทำงานนอกเวลาในช่วงปิดภาคฤดูร้อน และสนใจงานเดินแบบแฟชั่นอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามมีงหั่งบอกว่า พอเปิดเทอมเดือนหน้า ก็คงจะไปเป็นหุ่นไม่ได้อีก เพราะจะต้องเรียนหนัก
หุ่นมีชีวิตทั้งสามคนสามารถพูดคุยกันได้ ใช้โทรศัพท์ได้ หรือ ดื่มน้ำชา กาแฟ อะไรก็ได้ภายในตู้กระจกหน้าร้าน แต่จะไม่ได้ยินเสียงผู้ชมข้างนอกพูดคุยกัน
ต้นเดือน ก.ค.ร้านแฟชั่นแห่งหนึ่งในเมืองมิลาน ซึ่งได้ชื่อเป็นศูนย์กลางแห่งแฟชั่นของโลก ทำให้ชาวเมืองพากันโกรธกริ้วที่นำสาวๆ เข้าตู้กระจกคล้ายๆ กันนี้ เพื่อโฆษณาชุดบิกินี ซึ่งทำให้กลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรีกับสหภาพแรงงานพากันประท้วง
ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ นายสเตฟาโน เบราลโด (Stefano Beraldo) เจ้าของร้านแฟชั่นในข่าวกล่าวว่า ได้เสนอโอกาสทำงานให้กับหญิงสาวทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และได้จ่ายค่าจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน
“พวกเธอต้องการมาทำงานกับเรา มากกว่าไปเตร็ดเตร่เสียเวลาเปล่าๆ บนท้องถนน” รอยเตอร์อ้างคำกล่าวของนายเบราลโด.