00 ได้เห็นภาพการอพยพแบบโกลาหลของพนักงานภายในนิคมฯนวนครนับหมื่นคนทะลักออกมาเหมือนมดปลวกหลังจากพนังกั้นน้ำบริเวณด้านเหนือได้พังลง ภาพที่พนักงานคนหนุ่มสาวหอบหิ้วสัมภาระเท่าที่พอจะหยิบฉวยได้ออกมา ได้สะท้อนให้เห็นภาวะวิกฤติและน่าตื่นตระหนกจริงๆ และจะน่าตื่นตระหนกไปกว่านั้นหากนึกถึงภาพในวันรุ่งขึ้นที่ชะตากรรมของคนงานเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนไป
00 หลังจากนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทยอยจมน้ำทีละแห่งๆจนครบหมดทั้ง 5 นิคมอุตสาหกรรม และล่าสุดตามรายงานบอกว่าที่นิคมฯนวนครมีอาการน่าเป็นห่วง ซึ่งแม้ว่าจะสามารถกู้วิกฤติได้ แต่ก็ต้องปิดทำงานโรงงานต้องหยุดเดินเครื่องทำให้พนักงานต้องขาดรายได้ และหากรวมทั้งหมดก็มีการประเมินกันคร่าวๆแล้วว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน นี่ยังไม่นับนิคมฯแห่งอื่นที่กำลังเสี่ยงภัย เช่น นิคมฯบางกระดี ที่เป็นเส้นทางน้ำเป็นเป้าหมายต่อไป
00 นี่ว่ากันเฉพาะแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น ยังไม่รวมแรงงานในภาคเกษตรที่ต้องขาดรายได้ไม่แพ้กัน จะมีผลต่อภาคสังคมในอนาคตอันใกล้นี้อย่างหนัก นอกจากปัญหาเรื่องตกงาน ขาดรายได้ จะเกิดข้าวยากหมากแพง ขโมยขโจรจะชุกชุมยิ่งกว่ายุง เห็นปัญหาสาหัสรออยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้ว แต่พอหันมาดูหน้าผู้นำ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและคณะรัฐมนตรี คนรอบข้างแล้วยิ่งใจแป้ว เพราะทั้งคำพูดคำจา ท่าทางวิชาความรู้สามารถปรามาสเอาไว้ได้เลยว่า “พึ่งพาไม่ได้” เลย ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ความเสียหายได้ขยายวงกว้างออกไปไม่สิ้นสุด
00 ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลก็จะไหลมาถึงเขตกรุงเทพฯ โดยเขตสายไหม ดอนเมือง ล่าสุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ได้แถลงให้ชาวบ้านรับทราบสถานการณ์ แม้ว่าจะไม่ได้บอกกันตรงๆ แต่จากน้ำเสียงก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามัน “ตึงเครียด”แบบห้าสิบ-ห้าสิบ เผลอถ้าน้ำทะลกเข้าดอนเมืองเราคงได้เห็นพวกขี้โม้ขี้แอ๊กแต่สมองฝ่อในศปภ.ทั้งหลายวิ่งกันโกลาหลกันบ้างละ โดยเฉพาะ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” อย่าสติแตกเสียก่อนก็แล้วกัน ดังนั้นภาพที่เกิดขึ้นลักษณะการไหลบ่าของน้ำจากท้องทุ่งกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองแล้ว ความเสียหายก็ยิ่งมีมาก หากวัดกันด้วยมูลค่าทรัพย์สิน
00 เห็นอาการแล้วจะต้องมีรายการกู้เงินจากต่างประเทศเข้ามาฟื้นฟูหลังน้ำลดเบื้องต้นไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท ซึ่งมีการส่งสัญญาณมาแล้วทั้ง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และ รองนายกฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ไม่ว่ากัน แต่ปัญหาก็คือมันจะมีการใช้อย่างคุ้มค่าหรือเปล่า จะเป็นลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาทำให้หมดศรัทธาไปแล้ว !!
00 หลังจากนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทยอยจมน้ำทีละแห่งๆจนครบหมดทั้ง 5 นิคมอุตสาหกรรม และล่าสุดตามรายงานบอกว่าที่นิคมฯนวนครมีอาการน่าเป็นห่วง ซึ่งแม้ว่าจะสามารถกู้วิกฤติได้ แต่ก็ต้องปิดทำงานโรงงานต้องหยุดเดินเครื่องทำให้พนักงานต้องขาดรายได้ และหากรวมทั้งหมดก็มีการประเมินกันคร่าวๆแล้วว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน นี่ยังไม่นับนิคมฯแห่งอื่นที่กำลังเสี่ยงภัย เช่น นิคมฯบางกระดี ที่เป็นเส้นทางน้ำเป็นเป้าหมายต่อไป
00 นี่ว่ากันเฉพาะแรงงานในภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น ยังไม่รวมแรงงานในภาคเกษตรที่ต้องขาดรายได้ไม่แพ้กัน จะมีผลต่อภาคสังคมในอนาคตอันใกล้นี้อย่างหนัก นอกจากปัญหาเรื่องตกงาน ขาดรายได้ จะเกิดข้าวยากหมากแพง ขโมยขโจรจะชุกชุมยิ่งกว่ายุง เห็นปัญหาสาหัสรออยู่ตรงหน้าแบบนี้แล้ว แต่พอหันมาดูหน้าผู้นำ อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและคณะรัฐมนตรี คนรอบข้างแล้วยิ่งใจแป้ว เพราะทั้งคำพูดคำจา ท่าทางวิชาความรู้สามารถปรามาสเอาไว้ได้เลยว่า “พึ่งพาไม่ได้” เลย ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ความเสียหายได้ขยายวงกว้างออกไปไม่สิ้นสุด
00 ภายในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลก็จะไหลมาถึงเขตกรุงเทพฯ โดยเขตสายไหม ดอนเมือง ล่าสุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ได้แถลงให้ชาวบ้านรับทราบสถานการณ์ แม้ว่าจะไม่ได้บอกกันตรงๆ แต่จากน้ำเสียงก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่ามัน “ตึงเครียด”แบบห้าสิบ-ห้าสิบ เผลอถ้าน้ำทะลกเข้าดอนเมืองเราคงได้เห็นพวกขี้โม้ขี้แอ๊กแต่สมองฝ่อในศปภ.ทั้งหลายวิ่งกันโกลาหลกันบ้างละ โดยเฉพาะ “ปลอดประสพ สุรัสวดี” อย่าสติแตกเสียก่อนก็แล้วกัน ดังนั้นภาพที่เกิดขึ้นลักษณะการไหลบ่าของน้ำจากท้องทุ่งกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองแล้ว ความเสียหายก็ยิ่งมีมาก หากวัดกันด้วยมูลค่าทรัพย์สิน
00 เห็นอาการแล้วจะต้องมีรายการกู้เงินจากต่างประเทศเข้ามาฟื้นฟูหลังน้ำลดเบื้องต้นไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท ซึ่งมีการส่งสัญญาณมาแล้วทั้ง นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และ รองนายกฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ไม่ว่ากัน แต่ปัญหาก็คือมันจะมีการใช้อย่างคุ้มค่าหรือเปล่า จะเป็นลักษณะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาทำให้หมดศรัทธาไปแล้ว !!