00นาทีนี้ต้องสรุปกันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า การป้องกันรับมือกับปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถือว่า “ไร้มาตรฐาน” อย่างสิ้นเชิง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ เป็นลักษณะตามแก้ปัญหามากกว่าการเตรียมการรับมือปัญหา โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ออกมาในลักษณะ “การเมืองนำหน้า” มากกว่าความเป็นจริง ความเสียหายจึงเกิดขึ้นอย่างมหาศาล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งชาวบ้าน ยาจกไปจนมหาเศรษฐีข้ามชาติ ต่างเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
00นี่ไม่ใช่การตำหนิเกินจริง หรือเป็นการขัดแข้งขัดขา มือไม่พายเอาเท้าราน้ำแต่อย่างใด เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว น้ำที่ไหลทะลักลงมาจากทางเหนือตามรายทางเรื่อยมาตั้งแต่นครสวรรค์กว่าจะมาถึงพระนครศรีอยุธยา กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลานานนับเดือน หรือถ้าประเมินจากปริมาณน้ำฝนที่ตกตามพื้นที่เหนือเขื่อนใหญ่ๆ ทั้งหมดก็น่าจะเห็นสัญญาณล่วงหน้าว่า สมควรจะรับมืออย่างไร แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบ “การตลาด” มาหาเสียงแบบเดิมๆ ตั้งแต่ “บางระกำโมเดล” มาจนถึง “อุดรโมเดล” ซึ่งก็ล้มเหลวเพราะปริมาณมามากมหาศาลจนไม่อาจใช้วิธีแบบเดิมๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านอย่างย่อยยับ
00 ขณะเดียวกันบรรยากาศใน ศปภ. ที่ตั้งขึ้นมา ล่าสุดก็เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ต่างคนต่างใหญ่ ต่างคนต่าง “โชว์เหนือ” ไม่มีใครฟังใคร ผู้อำนวยการศูนย์ฯ อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็แทบไม่มีความหมาย ขณะที่ ปลอดประสพ สุรัสวดี ก็ออกไปในทาง “เพี้ยน” สร้างความแตกตื่นได้รายวัน ล่าสุดพยายามที่จะมาตีกิน “มามั่ว” กับการทำงานของ กทม. ภายใต้การนำของ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ากลัวว่า “จะโกยคะแนน” ไปคนเดียว เนื่องจากใกล้เลือกตั้งกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความ “กลวง” และความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจากการแก้ปัญหาในพื้นที่ตามต่างจังหวัด ทำให้เข้ามาแทรกแซงในกทม.ไม่ได้ เพราะ "ฝ่ายหลัง" ก็รู้ทัน ได้ตั้งการ์ดไว้อย่างเหนียวแน่น
00 ที่น่ารำคาญก็คือ เวลานี้ช่อง 11 กลายเป็นที่ซ่องสุมของพวก ส.ส.สอบตกของพรรคเพื่อไทย เสนอหน้าออกมาใช้เวลาฉกฉวยสถานการณ์น้ำท่วม มาหาเสียงกันจนวุ่นวาย แทนที่จะปล่อยให้เวลากับผู้เชี่ยวชาญเป็นคนแถลงข่าว รับผิดชอบข้อมูล แต่เห็นแต่หน้าขาวๆวอกๆ ของ “เจ้าแซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี งี้ หรือ ตัวโฆษกฯ ศปภ.ชื่อ “วิม” อะไรนั่น รวมไปถึง “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ล้วนแต่อ่อนหัดสิ้นดี บางครั้งเคยมีการเปรียบเทียบว่า คนโง่ต้องให้อยู่เฉยๆ เพราะ “โง่แล้วขยัน” แบบนี้ถ้าเป็นภาวะสงครามต้อง “กำจัดทิ้ง” สถานเดียว
00 สำหรับผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ ทุกแห่งที่ถูกน้ำท่วม ทั้งไทยและต่างประเทศคงจะ “หัวเสีย” กับการบริหาร และแก้ปัญหาของผู้นำไทยที่ “อ่อนหัด” ไม่ประสีประสาในการบริหารงาน ทั้งในยามปกติและฉุกเฉิน เพราะถ้าเรียกว่าอ่อนประสบการณ์ก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะเปรียบเทียบให้ตรงๆ ก็ต้องบอกว่า “ไม่รู้เรื่อง” อะไรสักอย่าง เพราะนี่คือ ของปลอม !!
00นี่ไม่ใช่การตำหนิเกินจริง หรือเป็นการขัดแข้งขัดขา มือไม่พายเอาเท้าราน้ำแต่อย่างใด เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว น้ำที่ไหลทะลักลงมาจากทางเหนือตามรายทางเรื่อยมาตั้งแต่นครสวรรค์กว่าจะมาถึงพระนครศรีอยุธยา กว่าจะมาถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลานานนับเดือน หรือถ้าประเมินจากปริมาณน้ำฝนที่ตกตามพื้นที่เหนือเขื่อนใหญ่ๆ ทั้งหมดก็น่าจะเห็นสัญญาณล่วงหน้าว่า สมควรจะรับมืออย่างไร แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบ “การตลาด” มาหาเสียงแบบเดิมๆ ตั้งแต่ “บางระกำโมเดล” มาจนถึง “อุดรโมเดล” ซึ่งก็ล้มเหลวเพราะปริมาณมามากมหาศาลจนไม่อาจใช้วิธีแบบเดิมๆ แต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านอย่างย่อยยับ
00 ขณะเดียวกันบรรยากาศใน ศปภ. ที่ตั้งขึ้นมา ล่าสุดก็เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน ต่างคนต่างใหญ่ ต่างคนต่าง “โชว์เหนือ” ไม่มีใครฟังใคร ผู้อำนวยการศูนย์ฯ อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ก็แทบไม่มีความหมาย ขณะที่ ปลอดประสพ สุรัสวดี ก็ออกไปในทาง “เพี้ยน” สร้างความแตกตื่นได้รายวัน ล่าสุดพยายามที่จะมาตีกิน “มามั่ว” กับการทำงานของ กทม. ภายใต้การนำของ ผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่ากลัวว่า “จะโกยคะแนน” ไปคนเดียว เนื่องจากใกล้เลือกตั้งกันอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความ “กลวง” และความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงจากการแก้ปัญหาในพื้นที่ตามต่างจังหวัด ทำให้เข้ามาแทรกแซงในกทม.ไม่ได้ เพราะ "ฝ่ายหลัง" ก็รู้ทัน ได้ตั้งการ์ดไว้อย่างเหนียวแน่น
00 ที่น่ารำคาญก็คือ เวลานี้ช่อง 11 กลายเป็นที่ซ่องสุมของพวก ส.ส.สอบตกของพรรคเพื่อไทย เสนอหน้าออกมาใช้เวลาฉกฉวยสถานการณ์น้ำท่วม มาหาเสียงกันจนวุ่นวาย แทนที่จะปล่อยให้เวลากับผู้เชี่ยวชาญเป็นคนแถลงข่าว รับผิดชอบข้อมูล แต่เห็นแต่หน้าขาวๆวอกๆ ของ “เจ้าแซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี งี้ หรือ ตัวโฆษกฯ ศปภ.ชื่อ “วิม” อะไรนั่น รวมไปถึง “เด็จพี่” พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ล้วนแต่อ่อนหัดสิ้นดี บางครั้งเคยมีการเปรียบเทียบว่า คนโง่ต้องให้อยู่เฉยๆ เพราะ “โง่แล้วขยัน” แบบนี้ถ้าเป็นภาวะสงครามต้อง “กำจัดทิ้ง” สถานเดียว
00 สำหรับผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ ทุกแห่งที่ถูกน้ำท่วม ทั้งไทยและต่างประเทศคงจะ “หัวเสีย” กับการบริหาร และแก้ปัญหาของผู้นำไทยที่ “อ่อนหัด” ไม่ประสีประสาในการบริหารงาน ทั้งในยามปกติและฉุกเฉิน เพราะถ้าเรียกว่าอ่อนประสบการณ์ก็ไม่ได้ เพราะถ้าจะเปรียบเทียบให้ตรงๆ ก็ต้องบอกว่า “ไม่รู้เรื่อง” อะไรสักอย่าง เพราะนี่คือ ของปลอม !!
