จากสถานการณ์อุทุกภัยที่เข้าขั้นวิกฤต ล่าสุดที่ศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ศปภ. ตลอดทั้งวันที่ 10 ต.ค.54 เป็นที่น่าสังเกตว่า อดีต กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 และอดีต กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 109 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง หลายคนที่เดินทางมายยังศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ศปภ. อาทินายภูมิธรรม เวชชยชัย น.ต.ศิธา ทิวารี นายวราเทพ รัตนากร นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด นายสุรนันท์น เวชชาชีวะ รวมทั้งนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตเลขานุการส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ อดีตผู้อำนวยการกองสลาก รวมถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้เดินทางมาที่ศปภ.ด้วยเช่นกัน
น.ต.ศิธา กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ของตนมาในมุมของการช่วยเหลือประชาชน และหาก 111 จะมีการพูดคุยกันเป็นทางการเพื่อการช่วยเหลือประชาชนก็เป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นไม่หวั่นหากใครจะมองว่าเป็นเรื่องการเมือง และอย่าว่าแต่ 111 ไทยรักไทยเลย แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าจะมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ด้านนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้มีการประสานกันมา 2-3 วันแล้ว ซึ่งทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็จะมาดูกันว่า ทั้งหมดทำอะไรได้บ้าง และจะมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน รวมถึงส.ส.ที่จะมีการลงพื้นที่ มาถึงเวลานี้เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันแล้ว ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง
แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลเผชิญกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ ทำให้กุนซือเดิมไทยรักไทยเกิดข้อสงสัยถึงการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นระบบ ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ซึ่งการระบายน้ำของแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะการระบายน้ำต่อจากนี้ควรมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่ที่ผ่านมากลับไม่มี ขณะเดียวกันรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไม่ได้รับบความร่วมมือจากข้าราชการอย่างเต็มที่ ปล่อยให้ปัญหาน้ำใหญ่เกินการแก้ไข การจัดระบบทำด้วยความยากลำบาก รวมถึงช่วงแรกไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ กทม.เท่าที่ควร
“ส่วนการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีวันนี้ยอมรับว่า ยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งอาจจะต้องมีการนำไปอบรมการทำงานกันใหม่ และให้รอดูเดือนมกราคมปีนี้ รับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯคนใหม่ เพราะพี่น้อง 2 คนนี้เป็นคนเก่ง”
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส.ภาค กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับ 23 ส.ส.กทม.ของพรรค มีมติ 4 ประการ คือ 1.ให้ส.ส.กทม.ของพรรคทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงว่าขณะนี้กทม.ได้ดำเนินการป้องกันเรื่องน้ำท่วมอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ริมน้ำเจ้าพระยา หรือริมคลอง ควรให้ข้อมูลน้ำขึ้น น้ำลง และปริมาณฝนไปแจ้งให้ประชาชนทราบ เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมและลดความตื่นตระหนก 2. ให้ส.ส. ประสานงานกับกทม. เพื่อนำเจ้าหน้าที่และเครื่องมือไปแก้ปัญหาในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 3. ให้ส.ส. เข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และเตรียมแผนกรณีมีเหตุจำเป็นที่ต้องเคลื่อนย้ายประชาชน หรือข้าวของที่อยู่ในชุมชนในพื้นที่เสี่ยง และ 4. ให้ส.ส.เป็นแกนกลางในการนำสิ่งของ เงินทองจากการบริจาคไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในจังหวัดต่าง ๆ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เปิดอำเภอคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี พร้อมกับประกาศจะสร้างจังหวัดคนเสื้อแดงว่า ขณะนี้ประเทศเกิดวิกฤตอุทกภัย และขณะนี้จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ได้พบสัญญาณที่ดีทุกคนมีความสามัคคีกันมากขึ้น และเมื่อได้พบกับคนเสื้อแดงเราก็ให้ความช่วยเหลือกัน ตนไม่แน่ใจว่านายจตุพรจะสร้างความแตกแยก และความขัดแย้งในประเทศให้มากไปถึงขนาดไหน ตอนนี้คนเสื้อแดงที่จ.อยุธยา รวมถึงคนเสื้อแดงจ.ปทุมธานี และนครสวรรค์ พบกับความลำบากอย่างมาก ทำไมนายจตุพรจึงไม่ไปดูแล กลับเดินทางไปจ.อุดรธานีสร้างความแตกแยกให้ลงลึกไปอีก
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนจะชอบ หรือไม่ชอบนายอภิสิทธิ์หรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จึงอยากฝากไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ให้ดูแลลิ่วล้อลูกน้องของตัวเอง อย่าให้สร้างความแตกแยกความขัดแย้ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันสวนทางกับคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ประกาศให้คนไทยรวมพลังแก้วิกฤต
“พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาล 1.แก้ปัญหาอย่างจริงจัง 2.รัฐบาลไม่ควรให้ลูกน้อง หรือลิ่วล้อออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้เกิดความขัดแย้ง 3.อย่าใช้ช่วงชุลมุนสร้างปัญหาเพิ่มเติม 4.หยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมที่กระทบต่อความมั่นคงชองชาติ ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหาวิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มที่” นายชวนนท์กล่าว.
น.ต.ศิธา กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ของตนมาในมุมของการช่วยเหลือประชาชน และหาก 111 จะมีการพูดคุยกันเป็นทางการเพื่อการช่วยเหลือประชาชนก็เป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นไม่หวั่นหากใครจะมองว่าเป็นเรื่องการเมือง และอย่าว่าแต่ 111 ไทยรักไทยเลย แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าจะมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ด้านนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้มีการประสานกันมา 2-3 วันแล้ว ซึ่งทั้งอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยและอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็จะมาดูกันว่า ทั้งหมดทำอะไรได้บ้าง และจะมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน รวมถึงส.ส.ที่จะมีการลงพื้นที่ มาถึงเวลานี้เป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันแล้ว ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง
แหล่งข่าวระดับสูง เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลเผชิญกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ ทำให้กุนซือเดิมไทยรักไทยเกิดข้อสงสัยถึงการแก้ไขปัญหาที่ไม่เป็นระบบ ปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อ ซึ่งการระบายน้ำของแต่ละจังหวัด โดยเฉพาะการระบายน้ำต่อจากนี้ควรมีการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่ที่ผ่านมากลับไม่มี ขณะเดียวกันรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไม่ได้รับบความร่วมมือจากข้าราชการอย่างเต็มที่ ปล่อยให้ปัญหาน้ำใหญ่เกินการแก้ไข การจัดระบบทำด้วยความยากลำบาก รวมถึงช่วงแรกไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ กทม.เท่าที่ควร
“ส่วนการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีวันนี้ยอมรับว่า ยังไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งอาจจะต้องมีการนำไปอบรมการทำงานกันใหม่ และให้รอดูเดือนมกราคมปีนี้ รับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นนายกฯคนใหม่ เพราะพี่น้อง 2 คนนี้เป็นคนเก่ง”
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธานส.ส.ภาค กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับ 23 ส.ส.กทม.ของพรรค มีมติ 4 ประการ คือ 1.ให้ส.ส.กทม.ของพรรคทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงว่าขณะนี้กทม.ได้ดำเนินการป้องกันเรื่องน้ำท่วมอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง ริมน้ำเจ้าพระยา หรือริมคลอง ควรให้ข้อมูลน้ำขึ้น น้ำลง และปริมาณฝนไปแจ้งให้ประชาชนทราบ เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมและลดความตื่นตระหนก 2. ให้ส.ส. ประสานงานกับกทม. เพื่อนำเจ้าหน้าที่และเครื่องมือไปแก้ปัญหาในบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 3. ให้ส.ส. เข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และเตรียมแผนกรณีมีเหตุจำเป็นที่ต้องเคลื่อนย้ายประชาชน หรือข้าวของที่อยู่ในชุมชนในพื้นที่เสี่ยง และ 4. ให้ส.ส.เป็นแกนกลางในการนำสิ่งของ เงินทองจากการบริจาคไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมในจังหวัดต่าง ๆ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เปิดอำเภอคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี พร้อมกับประกาศจะสร้างจังหวัดคนเสื้อแดงว่า ขณะนี้ประเทศเกิดวิกฤตอุทกภัย และขณะนี้จากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ได้พบสัญญาณที่ดีทุกคนมีความสามัคคีกันมากขึ้น และเมื่อได้พบกับคนเสื้อแดงเราก็ให้ความช่วยเหลือกัน ตนไม่แน่ใจว่านายจตุพรจะสร้างความแตกแยก และความขัดแย้งในประเทศให้มากไปถึงขนาดไหน ตอนนี้คนเสื้อแดงที่จ.อยุธยา รวมถึงคนเสื้อแดงจ.ปทุมธานี และนครสวรรค์ พบกับความลำบากอย่างมาก ทำไมนายจตุพรจึงไม่ไปดูแล กลับเดินทางไปจ.อุดรธานีสร้างความแตกแยกให้ลงลึกไปอีก
ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนจะชอบ หรือไม่ชอบนายอภิสิทธิ์หรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมเดินหน้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จึงอยากฝากไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ให้ดูแลลิ่วล้อลูกน้องของตัวเอง อย่าให้สร้างความแตกแยกความขัดแย้ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันสวนทางกับคำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ประกาศให้คนไทยรวมพลังแก้วิกฤต
“พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาล 1.แก้ปัญหาอย่างจริงจัง 2.รัฐบาลไม่ควรให้ลูกน้อง หรือลิ่วล้อออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริงทำให้เกิดความขัดแย้ง 3.อย่าใช้ช่วงชุลมุนสร้างปัญหาเพิ่มเติม 4.หยุดแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมที่กระทบต่อความมั่นคงชองชาติ ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะร่วมมือแก้ไขปัญหาวิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มที่” นายชวนนท์กล่าว.