"เพรียวพันธ์" ขอจัดทัพในนาม ผบ.ตร.

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ไปนั่งเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.นั้น นั่นย่อมแสดงว่า รัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมที่จะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ขึ้นมาแทน พล.ต.อ.วิเชียรแล้ว รอเพียงการ กำหนดเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. เพื่อเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งผบ.ตร.เท่านั้น ซึ่งแน่นอน ในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนที่ 8 เท่านั้น

เดิมที เชื่อว่าพลพรรคของพรรคเพื่อไทย ต้องการให้การแต่งตั้ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นไปอย่างสมบูรณ์ขาวสะอาด ปราศจากข้อขัดแย้งทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามนำมาโจมตี ซึ่งนั้นอาจหมายถึงความสั่นคลอนในเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะขึ้นไปเถลิงได้ ดังนั้น จึงต้องมีการรอเพื่อให้มีการโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งเลขาฯสมช.เสียก่อน แต่ด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัด คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ พล.ต.อ.วิเชียร ไปดำรงตำแหน่งรักษาราชการเลขาธิการ สมช.ก่อน เพื่อให้การขับเคลื่อนตำแหน่ง ผบ.ตร.สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเดิมที มีกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตีรีจะเรียกประชุม ก.ต.ช.เพื่อเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ไปเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว เพียงแต่ติดขัดด้วยสถานการณ์ที่ประเทศชาติ กำลังประสบอุทกภัยอย่างใหญ่หลวง ทำให้ยังไม่มีการเรียกประชุม ก.ต.ช.ในครั้งนั้น

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษา (สบ10) เลขานุการ ก.ต.ช.ระบุว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุม ก.ต.ช .ตามระเบียบนั้น ต้องนัดหมายล่วงหน้า 3 วัน ส่วนการเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ในขั้นตอนของ ก.ต.ช.นั้น การเสนอชื่อผู้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว และนายกรัฐมนตรีจะเสนอชื่อได้เพียง 1 ชื่อเท่านั้น เพื่อให้ ก.ต.ช.โหวตว่าจะเอาหรือไม่เอา โดย ก.ต.ช.คนอื่นไม่มีสิทธิ์เสนอชื่อผู้อื่นเข้ามาแข่งขัน และหาก ก.ต.ช.คนอื่นไม่เห็นด้วย ก็จะโหวตไม่เอา หลังจากนั้น เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีอีกว่า จะเสนอชื่อคนเก่าที่เคยเสนอไปอีกหรือไม่

อีกสาเหตุ ที่ไม่สามารถรอให้มีการโปรดเกล้าฯ ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช.ก่อนได้ อันเนื่องมาจาก การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ระดับรองผบ.ตร.ลงไปจนถึง สว.นั้น ไม่สามารถขอคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ให้ขยายระยะเวลาการแต่งตั้งออกไปได้อีกแล้ว เพราะได้ขอมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งผู้ที่จะดำเนินการเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจดังกล่าว จะต้องมีผบ.ตร.เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดทัพ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็อยากที่จะขึ้นมาเป็นผู้จัดทำโผจัดทัพด้วยตนเอง ดังนั้นเชื่อว่า ในวันศุกร์ที่ 21 ต.ค.ที่จะถึงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะต้องเรียกประชุมก.ต.ช.เพื่อเสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผบ.ตร.แน่นอน

ขณะที่การแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวในฤดูกาลนี้ จะมีตำแหน่งรองผบ.ตร.หรือเทียบเท่าว่างลงถึง 6 ตำแหน่ง ผู้ช่วยผบ.ตร.หรือเทียบเท่าอีก 9 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นบ่อเพชรบ่อทองของพรรครัฐบาล ที่มีนายตำรวจระดับสูงจะได้รับการแต่งตั้งมากมายถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พยายามจะผลักดันให้มีตำแหน่งรองผบก. เพิ่มให้ครบ 6 ตำแหน่งในแต่ละจังหวัด นัยว่า เพื่อให้มาดูเรื่องการปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะ และเมื่อตำแหน่งดังกล่าวถูกผลักดันสำเร็จ ตำแหน่งผกก.ก็จะว่างลงอีกเป็นร้อยเก้าอี้

ผู้ช่วยผบ.ตร.ขยับ ขึ้นเป็นรองผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ตามลำดับอาวุโส100 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ รองจตช.สบ9 พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ รองหน.นรป. (สบ9) และพล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงศ์ ผู้ช่วยผบ.ตร.

ระดับผบช. และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ที่เลื่อนขึ้น ผู้ช่วยผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า ตามลำดับอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ที่พร้อมจะขึ้น 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จตร. (สบ8)พล.ต.ท.บริหาร เสี่ยงอารมณ์ จตร.(สบ8 )พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ. พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม ผบช.สตส. พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.ภ. 6 พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ภ. 2 พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผบช.ตชด. พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช. กมค. พล.ต.ท.สมเดช ขาวขำ ผบช.สทส.

ระดับผบช.ที่จะมีการโยกย้ายและแต่งตั้ง ที่น่าจับตามอง อาทิ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. โดยคาดว่า พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ก.จะนั่งเก้าอี้แทน พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศตรู ผบช.ภ. 2 สามีแม่เลี้ยงติ๊ก คาดว่า พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผบช.ก. จะขยับมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ ส่วน พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ. 7 ที่ นายชวน หลีกภัย ให้ความไว้วางใจ จะมี พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส. เด็กสาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไปเสียบแทน โดยพล.ต.ต.หาญพลยังเป็นนายตำรวจที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นนายตำรวจที่ติดตามดูแลลูกชายและลูกสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งก่อนหน้านี้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์หนุนให้ขึ้นจากผบก.จว.สมุทรสาครมาขึ้นเป็นรองผบช.ปส. นั่งแทน พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผบช.ภ. 8 คนสนิท นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต รองนายกรัฐมนตรี มีพล.ต.ท.สัณฐาน ชยานนท์ ผบช. กมค. ที่เป็นหน้าเสื่อ ออกโรงตรวจสอบศพนิรนาม จ.ระยอง นั่งแทน

ส่วนงานด้านการข่าวนั้นคาดว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะเรียก พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร รองผบช.ภ.4 นายตำรวจที่มีความสนิทสนมกับพ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นคนจัดทีมอารักขาพ.ต.ท.ทักษิณสมัยเป็นนายกฯรัฐมนตรี ลูกหม้อสันติบาล มาเป็นผบช.ส.เพื่อดูแลงานด้านการข่าวให้กับพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แทน พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย

พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา จตร. สบ8 มือประสานงานต่างประเทศของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นเป็นผบช.ปส. แทน พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส. ที่จะเกษียณอายุราชการ ในส่วนของการดูแลพื้นที่ภาคเหนือนั้นซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยนั้นพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ น่าจะไว้วางใจ พล.ต.ต.สุเทพ เดชรักษา รองผบช.ก. อดีตผบก.จ.เชียงใหม่ เด็กพรรคเพื่อไทย และเดินเข้าออกสำนักงานพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นประจำ ไปเป็น ผบช.ภ.5

ในส่วนของตำรวจนครบาลนั้นยังไม่มีความชัดเจนว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะเอาใครไปนั่ง เป็นไปได้ทั้ง พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รองผบช.ก.หลานเขยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น.ที่มีความอาวุโส และมีกลิ่นอายของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แทน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ที่ได้รับการสนิทสนมจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีต นายกรัฐมนตรี

สำหรับพื้นที่รอบกรุงเทพมหานครกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 นั้นน่าจะให้วางใจให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการแทนผบช.ภ.1 ขึ้นรับตำแหน่ง ผบช.ภ.1 เพราะเป็นนายตำรวจที่สนิทสนมกับพรรคเพื่อไทย และนายเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะสามารถทำงานตามนโยบายของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น ตำแหน่งตั้งแต่ผบ.ตร. ไล่ลงมาถึงตำแหน่ง ผบก. รองผบก. ผกก. รองผกก. และสว. เป็นอันถูกพรรคเพื่อไทยกินรวบหมด ซึ่งแม้แต่ผู้ที่เป็นตำรวจเองก็เห็นชอบ เห็นด้วยกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แล้วในอนาคต อย่ามาพร่ำร้องว่าถูกนักการเมืองรังแกอีก ในเมื่อตังเองไม่ยอมช่วยกันโผล่ให้พ้นมาจากแดนสนธยาเอง !