ASTVผู้จัดการายวัน-คปภ.เผยทุนประกันภัยน้ำท่วม 7 นิคมอุตสาหกรรมรวมกว่า 4 แสนล้านบาท เบื้องต้นประเมินความเสียหายแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่วนความเสียหายจริงต้องรอสรุปหลังน้ำลดเท่านั้น พร้อมเร่งเดินหน้าดูแลเรื่องสินไหมเป็นอันดับแรก ยันภาคอุตสาหกรรมประกันมั่นคงสามารถให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายได้แน่นอน
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลการทำประกันภัยของนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงภัยในเบื้องต้นคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ความเสียหายทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการท่วมขังของน้ำหลังจากนี้ โดยนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนเงินเอาประกันภัยรวมทั้งสิ้น 410,177 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพียงร้อยละ 2.66 ของจำนวนเงินเอาประกันภัยการประกันภัยทรัพย์สินของทั้งธุรกิจเท่านั้น
สำหรับ บริษัทที่รับประกันภัยในนิคมอุตสาหกรรมสูงสุด 2 ลำดับแรก ได้แก่ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด และบริษัท สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนโยบายการชดใช้ความเสียหายด้วยความรวดเร็วและยังคงดูแลกลุ่มลูกค้าดังกล่าวต่อไป
"นิคม 7 แห่งที่ประสบเหตุเช่น นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรม Hi-Tech นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี่ และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายเพื่อเตรียมการชดใช้ภายหลังน้ำลด"นางจันทรากล่าว
นางจันทรา กล่าวอีกว่า ทางคปภ.และภาคธุรกิจประกันภัยได้เตรียมการดำเนินงาน และระบบงานที่สำคัญต่างๆ เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินจากผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยมีการสำรองข้อมูลของผู้เอาประกันภัย และกำหนดระยะเวลาการกลับมาดำเนินการตามปกติของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใน 12 — 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นดูแลด้านระบบสินไหมทดแทนเป็นลำดับแรกเพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ คปภ.ได้ติดตามการประเมินความเสียหายและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัย รวมถึงเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมีความมั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมประกันภัยสามารถเข้ามาช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากได้มีเตรียมการรองรับรวมถึงมีการสำรองเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เบื้องต้น คปภ.ในส่วนภูมิภาคและภาคธุรกิจประกันภัย รายงานเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ปทุมธานี และนนทบุรี มีจำนวนทั้งสิ้น 179 สาขา แบ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต 90 สาขา และบริษัทประกันวินาศภัย 89 สาขา โดยปิดทำการชั่วคราวไปเพียง 16 สาขา เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง โดยสาขาบริษัทส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลการทำประกันภัยของนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่เสี่ยงภัยในเบื้องต้นคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ความเสียหายทั้งหมดยังขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการท่วมขังของน้ำหลังจากนี้ โดยนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนเงินเอาประกันภัยรวมทั้งสิ้น 410,177 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าเพียงร้อยละ 2.66 ของจำนวนเงินเอาประกันภัยการประกันภัยทรัพย์สินของทั้งธุรกิจเท่านั้น
สำหรับ บริษัทที่รับประกันภัยในนิคมอุตสาหกรรมสูงสุด 2 ลำดับแรก ได้แก่ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด และบริษัท สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนโยบายการชดใช้ความเสียหายด้วยความรวดเร็วและยังคงดูแลกลุ่มลูกค้าดังกล่าวต่อไป
"นิคม 7 แห่งที่ประสบเหตุเช่น นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรม Hi-Tech นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมบางกระดี่ และนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายเพื่อเตรียมการชดใช้ภายหลังน้ำลด"นางจันทรากล่าว
นางจันทรา กล่าวอีกว่า ทางคปภ.และภาคธุรกิจประกันภัยได้เตรียมการดำเนินงาน และระบบงานที่สำคัญต่างๆ เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินจากผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยมีการสำรองข้อมูลของผู้เอาประกันภัย และกำหนดระยะเวลาการกลับมาดำเนินการตามปกติของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใน 12 — 24 ชั่วโมง โดยจะเน้นดูแลด้านระบบสินไหมทดแทนเป็นลำดับแรกเพื่อให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ คปภ.ได้ติดตามการประเมินความเสียหายและชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันภัย รวมถึงเร่งรัดให้การช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมีความมั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมประกันภัยสามารถเข้ามาช่วยเหลือและบรรเทาความเสียหายในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากได้มีเตรียมการรองรับรวมถึงมีการสำรองเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าสินไหมทดแทนในส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เบื้องต้น คปภ.ในส่วนภูมิภาคและภาคธุรกิจประกันภัย รายงานเกี่ยวกับบริษัทประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ปทุมธานี และนนทบุรี มีจำนวนทั้งสิ้น 179 สาขา แบ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต 90 สาขา และบริษัทประกันวินาศภัย 89 สาขา โดยปิดทำการชั่วคราวไปเพียง 16 สาขา เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง โดยสาขาบริษัทส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการประชาชนตามปกติ
