ASTVผู้จัดการรายวัน - ธุรกิจรถเช่าอ่วม เจอวิกฤต 3 เด้งทั้ง น้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรม คาดลูกค้าอาจค้างชำระค่าเช่ากว่า 200-300 ล้านบาท ขณะที่นโยบายรถคันแรกผู้ประกอบการรถเช่าไม่ได้รับประโยชน์ ซ้ำร้ายรถที่ปลดระวางขายทอดตลาดราคาตกแน่ แถมโดนพิษเศรษฐกิจยุโรป ส่งผลลูกค้าต่างชาติบางตา เชื่อธุรกิจรถเช่าไทยทั้งระบบหดตัว5-10% เสียรายได้กว่าพันล้านบาท
นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ นายกสมาคมรถเช่าไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะมีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจรถเช่าไทยประมาณ 200-300 ล้านบาท เนื่องจากภายใน 6 เดือนแรกหลังเกิดเหตุยังอยู่ในสภาวะฟื้นฟู ซึ่งลูกค้าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการได้อย่างแน่นอน
“สำหรับลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรม มีสัดส่วนอย่างน้อยประมาณ 20-30% ของจำนวนฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในสมาคมฯ ซึ่งขณะนี้ภาพรวมความเสียหายยังไม่ชัดเจน มีเพียงค่าเช่าที่ต้องยืดระยะเวลาการชำระออกไป ส่วนรถของเราที่จมน้ำอยู่มีประมาณ 30 คัน แต่ยังมีอีกหลายรายที่ติดต่อไม่ได้”
นางแก้วใจ กล่าวว่า นโยบายการคืนภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์คันแรก สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท แม้ว่าจะมีผลดีหรือมีเงินหมุนเวียนในระบบอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น แต่ในแง่ลบมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรถเช่า เพราะรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถปิกอัพมีจำนวนกว่า 25-30% ของจำนวนรถเช่าในระบบทั้งหมด อีกทั้งผู้ประกอบการก็ไม่ได้รับสิทธิ์ รวมถึงเป็นการตัดราคารถมือสองที่เกี่ยวข้องในวงจรธุรกิจด้วย
“รัฐบาลประกาศนโยบายออกมา โดยยังหาข้อมูลไม่รอบด้าน ตอนแรกเราก็ตกใจ คิดว่าผลกระทบรถเช่าจะเป็นอย่างไร แต่ยังดีที่หยุดแค่ 1,500 ซีซี ไม่อย่างนั้นธุรกิจน่าจะโดนหนัก ยิ่งรถที่ปลดระวางประมาณ 7.5 หมื่นคันต่อปี ปกติเราจะนำไปขายให้กับลูกค้าเดิมที่เคยเช่าหรือเต็นท์รถ แต่ตอนนี้รถมือสองถูกกดราคาลงมาก ตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาทต่อคัน ตามส่วนต่างของการคืนภาษีรถคันแรก รวมมูลค่าที่เสียไปหลักพันล้านบาท อยากถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ใครจะมาช่วยเหลือ”
ปัจจุบันตลาดรถเช่าของประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2.0-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% จำนวนรถเช่าที่ให้บริการทั่วประเทศประมาณ 1.5 แสนคัน ประเมินเป็นมูลค่าสินทรัพย์ทางธุรกิจโดยรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท
นางแก้วใจ เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจรถเช่า โดยแหล่งของลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติและผู้ประกอบการภายในประเทศ คาดว่าปีนี้และปีหน้าลูกค้าชาวต่างชาติจะลดลง ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจหลายประเทศทางฝั่งยุโรปและอเมริกากำลังหดตัวอย่างรุนแรง ทั้งปัญหาอุทกภัยในช่วงนี้และผลกระทบนโยบายรถคันแรก ทำให้การเติบโตในธุรกิจรถเช่าในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น และขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลทั้งหมด เพื่อเข้าไปเจรจากับรัฐบาลในการหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ทางสมาคมรถเช่าไทยเตรียมจัดกิจกรรมแรลลี่การกุศล ครั้งที่ 7 ชิงถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เปิดรับจำนวน 60 คัน ค่าสมัครคันละ 7,000 บาท โดยเตรียมมอบเงินบริจาคส่วนหนึ่งให้กับผู้ประสบอุทกภัยด้วย
นางแก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ นายกสมาคมรถเช่าไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะมีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจรถเช่าไทยประมาณ 200-300 ล้านบาท เนื่องจากภายใน 6 เดือนแรกหลังเกิดเหตุยังอยู่ในสภาวะฟื้นฟู ซึ่งลูกค้าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าให้กับผู้ประกอบการได้อย่างแน่นอน
“สำหรับลูกค้าในเขตนิคมอุตสาหกรรม มีสัดส่วนอย่างน้อยประมาณ 20-30% ของจำนวนฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ในสมาคมฯ ซึ่งขณะนี้ภาพรวมความเสียหายยังไม่ชัดเจน มีเพียงค่าเช่าที่ต้องยืดระยะเวลาการชำระออกไป ส่วนรถของเราที่จมน้ำอยู่มีประมาณ 30 คัน แต่ยังมีอีกหลายรายที่ติดต่อไม่ได้”
นางแก้วใจ กล่าวว่า นโยบายการคืนภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์คันแรก สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท แม้ว่าจะมีผลดีหรือมีเงินหมุนเวียนในระบบอุตสาหกรรมรถยนต์มากขึ้น แต่ในแง่ลบมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรถเช่า เพราะรถยนต์นั่งขนาดเล็กและรถปิกอัพมีจำนวนกว่า 25-30% ของจำนวนรถเช่าในระบบทั้งหมด อีกทั้งผู้ประกอบการก็ไม่ได้รับสิทธิ์ รวมถึงเป็นการตัดราคารถมือสองที่เกี่ยวข้องในวงจรธุรกิจด้วย
“รัฐบาลประกาศนโยบายออกมา โดยยังหาข้อมูลไม่รอบด้าน ตอนแรกเราก็ตกใจ คิดว่าผลกระทบรถเช่าจะเป็นอย่างไร แต่ยังดีที่หยุดแค่ 1,500 ซีซี ไม่อย่างนั้นธุรกิจน่าจะโดนหนัก ยิ่งรถที่ปลดระวางประมาณ 7.5 หมื่นคันต่อปี ปกติเราจะนำไปขายให้กับลูกค้าเดิมที่เคยเช่าหรือเต็นท์รถ แต่ตอนนี้รถมือสองถูกกดราคาลงมาก ตั้งแต่หลักหมื่นถึงแสนบาทต่อคัน ตามส่วนต่างของการคืนภาษีรถคันแรก รวมมูลค่าที่เสียไปหลักพันล้านบาท อยากถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ใครจะมาช่วยเหลือ”
ปัจจุบันตลาดรถเช่าของประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2.0-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15-20% จำนวนรถเช่าที่ให้บริการทั่วประเทศประมาณ 1.5 แสนคัน ประเมินเป็นมูลค่าสินทรัพย์ทางธุรกิจโดยรวมกว่า 1.5 แสนล้านบาท
นางแก้วใจ เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจรถเช่า โดยแหล่งของลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติและผู้ประกอบการภายในประเทศ คาดว่าปีนี้และปีหน้าลูกค้าชาวต่างชาติจะลดลง ผลมาจากภาวะเศรษฐกิจหลายประเทศทางฝั่งยุโรปและอเมริกากำลังหดตัวอย่างรุนแรง ทั้งปัญหาอุทกภัยในช่วงนี้และผลกระทบนโยบายรถคันแรก ทำให้การเติบโตในธุรกิจรถเช่าในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 10% เท่านั้น และขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูลทั้งหมด เพื่อเข้าไปเจรจากับรัฐบาลในการหาวิธีแก้ปัญหาต่อไป
ขณะเดียวกัน ในวันที่ 29-30 ตุลาคมนี้ ทางสมาคมรถเช่าไทยเตรียมจัดกิจกรรมแรลลี่การกุศล ครั้งที่ 7 ชิงถ้วยพระราชทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เปิดรับจำนวน 60 คัน ค่าสมัครคันละ 7,000 บาท โดยเตรียมมอบเงินบริจาคส่วนหนึ่งให้กับผู้ประสบอุทกภัยด้วย