ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือบจ.ประสบปัญหาน้ำท่วม แย้ม อาจเป็นยกเว้นค่าฟีต่างๆ “บดินทร์” แจง วอลุ่มเทรดตลาดรวมยังไม่กระทบ ด้านบล.เอเซีย พลัส ชี้พิษน้ำท่วมกระทบกำไรบจ. และเศรษฐกิจ ล่าสุดปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
นายบดินทร์ อูนากูล รองผู้จัดการ สายงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมนั้นในส่วนของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหาย ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้ทางบริษัทจดทะเบียนมีการทำตัวเลขและแจ้งความเสียหายมาก่อน และตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการพิจารณา โดยทางช่วยเหลือนั้นก็จะเป็นการยกเว้นในส่วนของค่าธรรมเนียมต่างๆที่ตลท.มีการเรียกเก็บกับบจ.ส่วนเรื่องภาษีนิติบุคคลของบจ.นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของทางภาครัฐที่จะต้องพิจารณา
“สายงานบจ.ของตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีการติดตามข้อมูลอยู่ โดยคาดว่าตัวเลขความเสียหายของบจ.นั้นคงจะทราบผลได้ชัดเจนเมื่อตอนน้ำลดลงจากที่บจ.จะมีการประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น และส่งตัวเลขมาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณา หากความเสียหายดังกล่าวมีมูลค่าที่สูง ตอนนี้บจ.จะต้องมีการดูแลตัวเองเบื้องต้นไปก่อน และในช่วงเช้าทางผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลประชุมเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม ว่าตลท. สภาหอการค้า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยบจ.จะช่วยเหลือโดยการทำCSR อะไรได้บ้าง”นายบดินทร์ กล่าว
สำหรับผลกระทบในด้านมูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมนั้น ที่ผ่านมานั้นยังไม่พบว่า มูลค่าการซื้อขายลดลงจากสถานการณ์ในครั้งนี้ โดยปัจจัยในช่วงที่ผ่านมาวอลุ่มลดลงเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดต่อสอบถามไปยังโบรกเกอร์ ซึ่งมีบางโบรกเกอร์ได้รับผลกระทบจากสาขาในต่างจังหวัดถูกน้ำท่วม โดยนักลงทุนจะต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการดูแลพอร์ตการลงทุนของตัวเอง หากไม่สามารถที่จะเดินทางไปที่ห้องค้าของโบรกเกอร์ได้
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการที่จะช่วยเหลือสังคมจากที่เกิดภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือ ส่วนในด้านของบริษัทจดทะเบียนนั้น บจ.ที่ได้รับผลกระทบนั้นจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่มีผลต่อผลประกอบการของ บจ.ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อที่จะเผยแพร่ให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลอย่างเท่าเทีมกัน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASPออกบทวิเคราะห์ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลาง และกำลังเข้ามาสู่กรุงเทพฯในอีกไม่กี่วันข้างหน้า น่าจะกดดันต่อเศรษฐกิจ ของประเทศในไตรมาส4/54 ของปีนี้ และน่าจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมหนักเริ่มตั้งแต่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ จ.อยุธยา ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการสนับสนุน ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปโภคบริโภคเป็นต้น ทำให้โรงงานต้องหยุดผลิตชั่วคราว
ทั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และในที่สุดกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงการตัดสินใจซื้อหรือลงทุนของผู้บริโภค หรือผู้ลงทุนต้องล่าออกไป จึงคาดว่าอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงพาเศรษฐกิจในประเทศจะถูกกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่าวมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ นักวิเคามะห์ของ บล.เอเซีย พลัส ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เหลือ เท่าตลาด จากเดิมมากกว่าตลาด กลุ่มรถยนต์มากกว่าตลาด เหลือเท่าตลาด กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม น้อยกว่าตลาด จากเดิมท่ากับตลาด โดยสถานการณ์ปัจจุบันจึงเริ่มได้ลดน้ำหนักหุ้น กลุ่มบริโภคและโภคบริโภคในประเทศประเทศ โดยหันไปเพิ่มหุ้นที่เป็น โกลบอลเพลย์ มากขึ้น โดยเฉพาะ หุ้นที่ผลิตโรงกลั่นและ ปิโตรเคมีครบวงจร
นายบดินทร์ อูนากูล รองผู้จัดการ สายงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมนั้นในส่วนของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหาย ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแผนที่จะช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้ทางบริษัทจดทะเบียนมีการทำตัวเลขและแจ้งความเสียหายมาก่อน และตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการพิจารณา โดยทางช่วยเหลือนั้นก็จะเป็นการยกเว้นในส่วนของค่าธรรมเนียมต่างๆที่ตลท.มีการเรียกเก็บกับบจ.ส่วนเรื่องภาษีนิติบุคคลของบจ.นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของทางภาครัฐที่จะต้องพิจารณา
“สายงานบจ.ของตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีการติดตามข้อมูลอยู่ โดยคาดว่าตัวเลขความเสียหายของบจ.นั้นคงจะทราบผลได้ชัดเจนเมื่อตอนน้ำลดลงจากที่บจ.จะมีการประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น และส่งตัวเลขมาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อพิจารณา หากความเสียหายดังกล่าวมีมูลค่าที่สูง ตอนนี้บจ.จะต้องมีการดูแลตัวเองเบื้องต้นไปก่อน และในช่วงเช้าทางผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลประชุมเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม ว่าตลท. สภาหอการค้า สภาธุรกิจตลาดทุนไทยบจ.จะช่วยเหลือโดยการทำCSR อะไรได้บ้าง”นายบดินทร์ กล่าว
สำหรับผลกระทบในด้านมูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมนั้น ที่ผ่านมานั้นยังไม่พบว่า มูลค่าการซื้อขายลดลงจากสถานการณ์ในครั้งนี้ โดยปัจจัยในช่วงที่ผ่านมาวอลุ่มลดลงเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการติดต่อสอบถามไปยังโบรกเกอร์ ซึ่งมีบางโบรกเกอร์ได้รับผลกระทบจากสาขาในต่างจังหวัดถูกน้ำท่วม โดยนักลงทุนจะต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการดูแลพอร์ตการลงทุนของตัวเอง หากไม่สามารถที่จะเดินทางไปที่ห้องค้าของโบรกเกอร์ได้
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการที่จะช่วยเหลือสังคมจากที่เกิดภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือ ส่วนในด้านของบริษัทจดทะเบียนนั้น บจ.ที่ได้รับผลกระทบนั้นจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่มีผลต่อผลประกอบการของ บจ.ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อที่จะเผยแพร่ให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลอย่างเท่าเทีมกัน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASPออกบทวิเคราะห์ผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคกลาง และกำลังเข้ามาสู่กรุงเทพฯในอีกไม่กี่วันข้างหน้า น่าจะกดดันต่อเศรษฐกิจ ของประเทศในไตรมาส4/54 ของปีนี้ และน่าจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมหนักเริ่มตั้งแต่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ จ.อยุธยา ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการสนับสนุน ชิ้นส่วนยานยนต์ และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปโภคบริโภคเป็นต้น ทำให้โรงงานต้องหยุดผลิตชั่วคราว
ทั้งนี้น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ของอุตสาหกรรมรถยนต์ และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และในที่สุดกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงการตัดสินใจซื้อหรือลงทุนของผู้บริโภค หรือผู้ลงทุนต้องล่าออกไป จึงคาดว่าอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงพาเศรษฐกิจในประเทศจะถูกกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่าวมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ นักวิเคามะห์ของ บล.เอเซีย พลัส ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เหลือ เท่าตลาด จากเดิมมากกว่าตลาด กลุ่มรถยนต์มากกว่าตลาด เหลือเท่าตลาด กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม น้อยกว่าตลาด จากเดิมท่ากับตลาด โดยสถานการณ์ปัจจุบันจึงเริ่มได้ลดน้ำหนักหุ้น กลุ่มบริโภคและโภคบริโภคในประเทศประเทศ โดยหันไปเพิ่มหุ้นที่เป็น โกลบอลเพลย์ มากขึ้น โดยเฉพาะ หุ้นที่ผลิตโรงกลั่นและ ปิโตรเคมีครบวงจร