วานนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในการประชุม ก่อนที่จะเข้าสู่วาระได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอฝากไปถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อย่าเพิ่งให้ลูกทีมกวนน้ำให้ขุ่นในขณะนี้เพราะประชาชนต้องการให้แก้ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกบางท่านในรัฐบาลพยายามจะแก้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม โดยอ้างว่ามีพ.ร.บ.ที่ออกโดย สนช. 177 ฉบับไม่ครบองค์ประชุม ทั้งที่มาตรฐานดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับตกไปเพราะองค์ประชุมไม่ครบ หากท่านจะรื้อกฎหมายดังกล่าวต้องดูว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร เพราะก่อนหน้านั้นในสมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ มีกฎหมายพิจารณาลักษณะนั้นทั้งสิ้น
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เหตุผลที่มีพ.ร.บ.กลาโหมเพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการโยกย้าย เพราะทหารมีหน้าที่พิทักษ์รักษาเอกราชและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งภายใน และภายนอก มีหน้าที่พิทักษ์รักษาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และสนับสนุนภารกิจสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องรักษาผลประโยชน์แห่งชาติและปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นเขาป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองที่เข้าไปยุ่ง
“การที่รัฐบาลใช้มติครม.ไม่มาตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการเตรียมที่จะออกพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษในโอกาส 84 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจะมีเล่ห์กลบางประการในการยกเว้นบางข้อ บางหมวด บางกลุ่ม เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายสำคัญอันเป็นการทำให้เกิดการยกเว้น และทำให้เกิดผลพลอยได้กับบุคคลบางคน ขณะนี้รมว.ยุติธรรมก็อ้างว่าคน 8 แปดหมื่นคนล้นคุกจะให้มีคนดีคืนสู่สังคม เหตุเช่นนี้ทั้งสองประการจะทำให้เกิดการกวนน้ำให้ขุ่นและทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ขอให้นายกฯกำชับคนของท่านว่าตอนนี้ต้องเอากำลังใจมาช่วยน้ำท่วมมากกว่าเรื่องอื่น ๆ” นายสมชาย กล่าว
**หวั่น พท.แก้ กม.กลาโหม ทำกองทัพพัง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงต้องการที่จะแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับพ.ร.บ.กลาโหมแต่อย่างใด แต่เห็นว่าการมี พ.ร.บ.กลาโหมฉบับนี้ จะทำให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารที่มีประสิทธิภาพ และความเป็นธรรม ปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง ต้องยอมรับว่าองค์กรใดที่ปล่อยให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองปัญหาก็จะเกิดขึ้น เห็นได้จากอดีตที่ผ่านมามีการแต่งตั้งเครือญาติหรือเพื่อนเข้ามาในกองทัพเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราไม่อยากเห็นภาพที่เปลี่ยนรัฐบาลในแต่ละครั้งก็จะมีการโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะองค์กรทหารที่มีหน้าที่ปกปักรักษาประเทศชาติต้องมาสั่นคลอน ข
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็มีการใช้ พ.ร.บ.กลาโหมฉบับนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งนี้การกระทำของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เหมือนกับต้องการที่จะรวบอำนาจของข้าราชการหรือไม่ สอดรับกับนักวิชาการบางกลุ่มบางสำนักเริ่มจะออกมีการมาแสดงความคิดเห็นการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ ตนก็อยากให้พี่น้องประชาชนคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงในการที่จะต้องการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ และถึงแม้เสียงของพรรคเพื่อไทยจะมีเกินกึ่งหนึ่งในสภาฯมากพอสมควรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้ทุกอย่างทุกอย่าง ทุกอย่างต้องคำนึงถึงระบบคุณธรรมและนิติธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ซึ่งเป็นบิดาของนายสกลธีและเป็นอดีตเลขาฯคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)มาก่อนมองเรื่องนี้อย่างไร นายสกลธีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ คมช. แต่เป็นสิ่งที่กองทัพโดยภาพรวมต้องการออกมาอยู่นอกเหนือจากการเมือง ซึ่งมีเฉพาะฝ่ายการเมืองที่เข้าไปยุ่งกับกองทัพและดึงให้กองทัพเข้ามายุ่งกับการเมือง เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.วินัย เป็นห่วงหรือปรารภเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ไม่ได้ปรารภอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่รู้สึกเป็นห่วง ซึ่งตนคิดว่า การที่หน่วยงานราชการแทรกแซงยากถือว่าเป็นผลดี รัฐบาลมาทำงานพอหมดวาระก็ต้องไปเพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้มีการมาวางคนของตัวเองและเปลี่ยนรัฐบาลก็มาเปลี่ยนคนอีก การแต่งตั้งโยกย้ายก็จะมีการปรับอย่างไม่สิ้นสุด และย้ายแบบไม่มีคุณธรรมตลอดเวลา ซึ่งทำให้องค์กรพังในที่สุด.
**วิปรัฐคาดถกพท.ก่อน เชื่อใช้เวลา 1ปี
เวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ที่ประชุมวิปฯไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของส.ส.ต่างๆ ซึ่งก็เห็นว่าพรบ.ฉบับนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ละหลายฝ่ายก็มีมุมมองแต่ละด้าน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีส.ส.นำประเด็นดังกล่าวเสนอในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 11 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การจะแก้พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม สำคัญคือจะต้องรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติดูว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร สมควรแก้ไขตรงไหน และหากรัฐมนตรีไม่เห็นควรให้แก้ไขก็ตอบสังคมยาก นอกจากนี้ หากส.ส.จะล่ารายชื่อเสนอต่อสภา ก็จะต้องมีร่างแก้ไขพรบ.เสียก่อน
“หากมีการแก้ไขจริงๆก็อาจต้องใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง แต่คาดว่าคงไม่เกิน1 ปี เสร็จทันการโยกย้ายครั้งหน้า นอกจากนี้ ส่วนตัวยังมองว่า พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนี้ ค่อนข้างแปลก ที่มีกฎหมายลักษณนี้อยู่แค่กระทรวงเดียว ซึ่งก็เป็นการอ้างในเรื่องของความมั่นคง และเป็นมุมมองที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่าย”นายอุดมเดช กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เหตุผลที่มีพ.ร.บ.กลาโหมเพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการโยกย้าย เพราะทหารมีหน้าที่พิทักษ์รักษาเอกราชและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งภายใน และภายนอก มีหน้าที่พิทักษ์รักษาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และสนับสนุนภารกิจสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องรักษาผลประโยชน์แห่งชาติและปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะฉะนั้นเขาป้องกันการแทรกแซงทางการเมืองที่เข้าไปยุ่ง
“การที่รัฐบาลใช้มติครม.ไม่มาตอบกระทู้ของนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการเตรียมที่จะออกพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษในโอกาส 84 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจะมีเล่ห์กลบางประการในการยกเว้นบางข้อ บางหมวด บางกลุ่ม เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายสำคัญอันเป็นการทำให้เกิดการยกเว้น และทำให้เกิดผลพลอยได้กับบุคคลบางคน ขณะนี้รมว.ยุติธรรมก็อ้างว่าคน 8 แปดหมื่นคนล้นคุกจะให้มีคนดีคืนสู่สังคม เหตุเช่นนี้ทั้งสองประการจะทำให้เกิดการกวนน้ำให้ขุ่นและทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ขอให้นายกฯกำชับคนของท่านว่าตอนนี้ต้องเอากำลังใจมาช่วยน้ำท่วมมากกว่าเรื่องอื่น ๆ” นายสมชาย กล่าว
**หวั่น พท.แก้ กม.กลาโหม ทำกองทัพพัง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงต้องการที่จะแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับพ.ร.บ.กลาโหมแต่อย่างใด แต่เห็นว่าการมี พ.ร.บ.กลาโหมฉบับนี้ จะทำให้มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารที่มีประสิทธิภาพ และความเป็นธรรม ปราศจากการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง ต้องยอมรับว่าองค์กรใดที่ปล่อยให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองปัญหาก็จะเกิดขึ้น เห็นได้จากอดีตที่ผ่านมามีการแต่งตั้งเครือญาติหรือเพื่อนเข้ามาในกองทัพเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราไม่อยากเห็นภาพที่เปลี่ยนรัฐบาลในแต่ละครั้งก็จะมีการโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะองค์กรทหารที่มีหน้าที่ปกปักรักษาประเทศชาติต้องมาสั่นคลอน ข
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ก็มีการใช้ พ.ร.บ.กลาโหมฉบับนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งนี้การกระทำของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้เหมือนกับต้องการที่จะรวบอำนาจของข้าราชการหรือไม่ สอดรับกับนักวิชาการบางกลุ่มบางสำนักเริ่มจะออกมีการมาแสดงความคิดเห็นการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ ตนก็อยากให้พี่น้องประชาชนคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงในการที่จะต้องการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้ และถึงแม้เสียงของพรรคเพื่อไทยจะมีเกินกึ่งหนึ่งในสภาฯมากพอสมควรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทยจะทำได้ทุกอย่างทุกอย่าง ทุกอย่างต้องคำนึงถึงระบบคุณธรรมและนิติธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ซึ่งเป็นบิดาของนายสกลธีและเป็นอดีตเลขาฯคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)มาก่อนมองเรื่องนี้อย่างไร นายสกลธีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ คมช. แต่เป็นสิ่งที่กองทัพโดยภาพรวมต้องการออกมาอยู่นอกเหนือจากการเมือง ซึ่งมีเฉพาะฝ่ายการเมืองที่เข้าไปยุ่งกับกองทัพและดึงให้กองทัพเข้ามายุ่งกับการเมือง เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.วินัย เป็นห่วงหรือปรารภเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ไม่ได้ปรารภอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่รู้สึกเป็นห่วง ซึ่งตนคิดว่า การที่หน่วยงานราชการแทรกแซงยากถือว่าเป็นผลดี รัฐบาลมาทำงานพอหมดวาระก็ต้องไปเพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้มีการมาวางคนของตัวเองและเปลี่ยนรัฐบาลก็มาเปลี่ยนคนอีก การแต่งตั้งโยกย้ายก็จะมีการปรับอย่างไม่สิ้นสุด และย้ายแบบไม่มีคุณธรรมตลอดเวลา ซึ่งทำให้องค์กรพังในที่สุด.
**วิปรัฐคาดถกพท.ก่อน เชื่อใช้เวลา 1ปี
เวลา 13.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ที่ประชุมวิปฯไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าว แต่ส่วนตัวได้ยินการวิพากษ์วิจารณ์ของส.ส.ต่างๆ ซึ่งก็เห็นว่าพรบ.ฉบับนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ละหลายฝ่ายก็มีมุมมองแต่ละด้าน ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีส.ส.นำประเด็นดังกล่าวเสนอในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในวันที่ 11 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม การจะแก้พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม สำคัญคือจะต้องรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติดูว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร สมควรแก้ไขตรงไหน และหากรัฐมนตรีไม่เห็นควรให้แก้ไขก็ตอบสังคมยาก นอกจากนี้ หากส.ส.จะล่ารายชื่อเสนอต่อสภา ก็จะต้องมีร่างแก้ไขพรบ.เสียก่อน
“หากมีการแก้ไขจริงๆก็อาจต้องใช้ระยะเวลาระยะหนึ่ง แต่คาดว่าคงไม่เกิน1 ปี เสร็จทันการโยกย้ายครั้งหน้า นอกจากนี้ ส่วนตัวยังมองว่า พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนี้ ค่อนข้างแปลก ที่มีกฎหมายลักษณนี้อยู่แค่กระทรวงเดียว ซึ่งก็เป็นการอ้างในเรื่องของความมั่นคง และเป็นมุมมองที่แตกต่างกันของแต่ละฝ่าย”นายอุดมเดช กล่าว
