ASTVผู้จัดการรายวัน - มาร์ค แนะ"ปู" ต้องบัญชาการแก้ปัญหาด้วยตนเอง เพื่อให้การบริหารจัดการทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนุน กทม.ประสานรัฐบาลร่วมแก้วิกฤติ “พท.” ขู่ประจานข้าราชการหน่วยงานรัฐเกียร์ว่าง เตรียมเสนอหักเงินเดือน 500 ส.ส.
วานนี้ (9 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ จ.อุบลราชธานี ถึงกรณีหลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะลุกลามเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ว่า เรื่องนี้ทาง กทม. กับรัฐบาลต้องประสานงานกันในเรื่องของการระบายน้ำ ส่วนแนวป้องกันต่างๆ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปดูที่ จ.ปทุมธานี ยอมรับว่าคงต้องทำงานกันหนัก ซึ่งที่ จ.ปทุมธานีก็มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนคิดว่ารัฐบาลน่าจะเร่งทำความชัดเจนในหลายพื้นที่ ทั้งปริมณฑล ทั้งภาคกลางตอนล่างว่าจะมีการจัดระบบ และสื่อสารในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอพยพคนอย่างไร เพราะเราจะเห็นว่าหลายหน่วยงานอาจจะมีการนำเสนอ เช่น มหาวิทยาลัย ในเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วอยากให้รัฐบาลมีศูนย์ในส่วนหน้าที่ประกาศได้เลยว่า ภัยได้เกิดขึ้นที่จุดไหนอย่างไร แล้วต้องอพยพไปอยู่ที่ไหน เพื่อให้การบริหารจัดการสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการให้สัมภาษณ์ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ระบุว่าประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาพลาดไป คิดว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบ ตนคิดว่าขณะนี้ต้องตั้งหลักว่าพยายามทำงานล้ำหน้าปัญหา แทนที่จะไล่ดูตามพื้นที่ที่เกิดปัญหาขึ้น ในพื้นที่ซึ่งปัญหายังไม่เกิดหรือกำลังต่อสู้ป้องกันกันอยู่มันก็มีแผนว่าถ้าเอาไม่อยู่จะต้องอพยพกันอย่างไร เมื่อถามว่าเวลานี้ถือว่าเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ถ้ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะประกาศบางพื้นที่ว่าเป็นพื้นที่ที่มีภาวะฉุกเฉินก็สามารถทำได้ ถ้าเห็นว่ามันจะมีประโยชน์ในการระดมหน่วยงานภาครัฐ และการสั่งการง่ายขึ้นก็น่าจะทำได้
“เรื่องนี้อาจจะต้องมีคนดูแลเต็มเวลา แต่สุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้บัญชาการและตัดสินใจได้ ถ้านายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเองคงจะคล่องตัวขึ้น ส่วนรัฐบาลยังบริหารจัดการน้อยเกินไปหรือไม่นั้น ตนคิดว่าระบบของการตัดสินใจดูแล วางแผนในภาพรวม และการทำระบบในส่วนหน้าที่จะดูแลพื้นที่ในเชิงการตัดสินใจ เกี่ยวกับการอพยพประชาชนหรือให้คำแนะนำประชาชนว่าวิธีไหนจะดีที่สุดในการช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงอยากให้เร่งทำให้มากขึ้น.”
**เรียกถก ครม.เงานัดพิเศษ
เมื่อเวลา 14.30 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้ เดินทางไปยังจ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม และกล่าวยืนยันการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนที่เดือดร้อน โดยได้ติดตามการชดเชยเยียวยาจากรัฐบาลอย่างไรก็ตามในวันที่ 10 ต.ค. ตนจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเงานัดพิเศษเพื่อหารือ พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์วิกฤตภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
**ปชป.ชู “มาร์ค” ลงพื้นที่ทุกวัน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงาปชป. แถลงกรณีพล.ต.อ.ประชา พรมนอก รมว.ยุติธรรม และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพาดพิงพรรคฝ่ายค้านให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วหันมาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่า ปชป.ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองตามที่ถูกกล่าวหา สมาชิกพรรคทุกคนได้ทุ่มเทสรรพกำลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และพรรคก็ได้รับการสนับสนุนบริจาคสิ่งของ มีอาสาสมัครมาช่วยเหลือพรรคเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกวัน และไม่เคยที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของรัฐบาลในทางเสียหาย ทั้งๆที่คนในฝ่ายรัฐบาลเองมายอมรับความจริงว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาด จนเกิดความเสียหายลุกลามจนไม่สามารถแก้ไขได้
**พท.แนะ ส.ส.ทำความเข้าใจชาวบ้าน
วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เรียกส.ส.กทม. ประชุมด่วนเพื่อหารือถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสพอุทกภัย ทั้งนี้ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ส.ส.ได้แยกย้ายกันลงพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ตามมาตรการของพรรคทันที
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. กล่าวว่า พื้นที่หลายจุดของกทม. ที่น้ำเริ่มขึ้นสูงแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตะวันออกที่เป็นที่รองรับน้ำ เนื่องจากมีประตูระบายน้ำหลายแห่ง จึงอยากเสนอไปยังกทม.ให้ใช้พื้นที่ทุ่งรังสิต ซึ่งเป็นทุ่งกว้างใหญ่ มีบ้านเรือนน้อย เป็นพื้นที่ชะลอน้ำก่อนจะมาถึงเขตชั้นในกทม.ให้คนกทม.โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านมีเวลาเตรียมตัว รับมือกับน้ำท่วม โดยเรื่องนี้กทม.ต้องไปคุยกับชาวบ้านพื้นที่ดังกล่าวว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากทำได้กทม.ต้องจัดเงินชดเชยให้อีกส่วน นอกจากเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลมอบให้ 5,000 บาท และถ้าผู้ประกอบการ ภาคเอกชน อยากมาสนับสนุนภารกิจ เสริมแนวป้องกันน้ำด้านกทม.ฝั่งตะวันออก ให้ติดต่อมายังตน ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-8526620
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กทม.และปริมณฑล อาจต้องประสบกับน้ำจาก 3 ส่วน 1. น้ำเหนือที่กำลังจะเข้ามา 2. น้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ และน้ำในท่าไม่ลง ก็จะเอ่อออกด้านข้าง 3. ดีเปรสชั่นจากฝนตกหนักมาอีก หากทั้ง 3 น้ำเจอกัน กทม.จะหนัก ซึ่งก็มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นหลังวันที่ 12 ต.ค. ในส่วนของพื้นที่เศรษฐกิจกทม.ชั้นใน เราต้องป้องกันเอาไว้ สร้างแนวป้องกันฝั่งตะวันออก ทำอย่างไรให้น้ำนอกคันกั้นน้ำ ไหลออกไปสู่คลองด่านให้มากที่สุด เพื่อดันออกนอกทะเล เช่นเดียวกับฝั่งนนทบุรี น้ำส่วนนี้ที่จะลงมาจากปทุมธานี ซึ่งตอนนี้มีแนวตลิ่งชัน จากคลองมหาสวัสดิ์เป็นแนวกั้น หากแนวนี้ทะลุน้ำจะเข้าสู่ฝั่งธนฯทั้งหมด อย่างไรก็ดีเข้าใจประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เมื่อแช่น้ำเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนจะมีแรงกดดัน และหากมีลูกยุให้รื้อกระสอบได้น้ำจะลดลง ซึ่งไม่ถูกกับหลักความจริง เพราะน้ำก็จะยังน้ำท่วมอยู่ดี
ทางพรรคมีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้แก่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ ซึ่งได้เตรียมการป้องกันโดยให้ ส.ส., ส.ก. และ ส.ข. ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำต่างๆ นอกจากนี้ ในวันอังคารที่ 11 ต.ค. จะมีการเสนอที่ประชุมพรรค ให้มีการหักเงินเดือน ส.ส. เพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย
***โบ้ยข้าราชการเกียร์ว่างน้ำท่วม
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานเข้าเกียร์ว่าง ไม่ให้ความช่วยเหลือประชาชน บางแห่งมีกระสอบทรายไปถึงแล้ว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปขน อ้างว่าเป็นวันหยุด ขอถามหน่วยงานแห่งดังกล่าวว่า เป็นแผนดิสเครดิตรัฐบาลในช่วงประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ อยากให้กลับตัวใหม่ เลิกพฤติกรรมเห็นแก่ตัว อย่ามองว่าเรื่องประชาชนเดือดร้อนเป็นเกมการเมือง ไม่อย่างนั้นจะนำหน่วยงานดังกล่าวมาประจานให้ประชาชนเห็นถึงความเห็นแก่ตัว
**เล็งหักเงิน ส.ส.เพื่อไทยช่วยน้ำท่วม
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า เตรียมเสนอต่อที่ประชุมส.ส.พรรควันที่ 11 ต.ค. และที่ประชุมสภาฯวันที่ 12 ต.ค.เกี่ยวกับการหักเงินเดือนส.ส.เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ขอเสนอให้ตั้งกระทรวงที่เกี่ยวกับน้ำมาดูแลแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยกระทรวงทรัพยากรน้ำ เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนวางแผนระยะยาว ให้เป็นโครงสร้างในการพัฒนาประเทศต่อไป
**รองปธ.เอาแน่หักเงินเดือนส.ส.ช่วย
สำหรับการประชุมวุฒิสภา วันที่10 ต.ค.นี้ ได้มีการบรรจุวาระการประชุมเพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาปัญหาอุทกภัย ซึ่งเสนอโดย นายเจตน์ ศิรธารนนท์ ส.ว.สรรหา เช่นเดียวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 12 ต.ค.ได้มี ส.ส.จากขอนแก่น หนองบัวลำภู ตรัง ลพบุรี หลายพรรคได้ยืนญัตติด่วนในหัวข้อที่ใกล้เคียงกันรวม 6 ญัตติ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเท่าผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาฯ ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ มีวาระพิจารณาเรื่องสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบันและมาตรการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยรวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น โดยได้เชิญอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอธิบดีกรมชลประทานมาชี้แจง
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภาพญัตติที่เสอนกันมาคงไม่ได้เป็นการสะท้อนภาพการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ล้มเหลวของรัฐบาล แต่เป็นเพราะว่า ส.ส.ในพื้นที่ต้องการสะท้อนปัญหา
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ เตรียมเสนอขอให้สภาฯ ออกเป็นมติที่ประชุมสภา เพื่อหักเงินเดือนขอ งส.ส. เป็นทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ตนเตรียมเสนอเช่นกันในวัน 12 ต.ค. นี้.
วานนี้ (9 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ จ.อุบลราชธานี ถึงกรณีหลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะลุกลามเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ว่า เรื่องนี้ทาง กทม. กับรัฐบาลต้องประสานงานกันในเรื่องของการระบายน้ำ ส่วนแนวป้องกันต่างๆ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปดูที่ จ.ปทุมธานี ยอมรับว่าคงต้องทำงานกันหนัก ซึ่งที่ จ.ปทุมธานีก็มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ตนคิดว่ารัฐบาลน่าจะเร่งทำความชัดเจนในหลายพื้นที่ ทั้งปริมณฑล ทั้งภาคกลางตอนล่างว่าจะมีการจัดระบบ และสื่อสารในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการอพยพคนอย่างไร เพราะเราจะเห็นว่าหลายหน่วยงานอาจจะมีการนำเสนอ เช่น มหาวิทยาลัย ในเรื่องนี้ แต่จริงๆ แล้วอยากให้รัฐบาลมีศูนย์ในส่วนหน้าที่ประกาศได้เลยว่า ภัยได้เกิดขึ้นที่จุดไหนอย่างไร แล้วต้องอพยพไปอยู่ที่ไหน เพื่อให้การบริหารจัดการสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการให้สัมภาษณ์ของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ระบุว่าประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาพลาดไป คิดว่าอาจจะมีส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบ ตนคิดว่าขณะนี้ต้องตั้งหลักว่าพยายามทำงานล้ำหน้าปัญหา แทนที่จะไล่ดูตามพื้นที่ที่เกิดปัญหาขึ้น ในพื้นที่ซึ่งปัญหายังไม่เกิดหรือกำลังต่อสู้ป้องกันกันอยู่มันก็มีแผนว่าถ้าเอาไม่อยู่จะต้องอพยพกันอย่างไร เมื่อถามว่าเวลานี้ถือว่าเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน ถ้ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะประกาศบางพื้นที่ว่าเป็นพื้นที่ที่มีภาวะฉุกเฉินก็สามารถทำได้ ถ้าเห็นว่ามันจะมีประโยชน์ในการระดมหน่วยงานภาครัฐ และการสั่งการง่ายขึ้นก็น่าจะทำได้
“เรื่องนี้อาจจะต้องมีคนดูแลเต็มเวลา แต่สุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้บัญชาการและตัดสินใจได้ ถ้านายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะบัญชาการเองคงจะคล่องตัวขึ้น ส่วนรัฐบาลยังบริหารจัดการน้อยเกินไปหรือไม่นั้น ตนคิดว่าระบบของการตัดสินใจดูแล วางแผนในภาพรวม และการทำระบบในส่วนหน้าที่จะดูแลพื้นที่ในเชิงการตัดสินใจ เกี่ยวกับการอพยพประชาชนหรือให้คำแนะนำประชาชนว่าวิธีไหนจะดีที่สุดในการช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงอยากให้เร่งทำให้มากขึ้น.”
**เรียกถก ครม.เงานัดพิเศษ
เมื่อเวลา 14.30 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้ เดินทางไปยังจ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม และกล่าวยืนยันการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนที่เดือดร้อน โดยได้ติดตามการชดเชยเยียวยาจากรัฐบาลอย่างไรก็ตามในวันที่ 10 ต.ค. ตนจะเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเงานัดพิเศษเพื่อหารือ พิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์วิกฤตภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
**ปชป.ชู “มาร์ค” ลงพื้นที่ทุกวัน
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงาปชป. แถลงกรณีพล.ต.อ.ประชา พรมนอก รมว.ยุติธรรม และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาพาดพิงพรรคฝ่ายค้านให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง แล้วหันมาช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่า ปชป.ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองตามที่ถูกกล่าวหา สมาชิกพรรคทุกคนได้ทุ่มเทสรรพกำลัง เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ และพรรคก็ได้รับการสนับสนุนบริจาคสิ่งของ มีอาสาสมัครมาช่วยเหลือพรรคเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ นายอภิสิทธิ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกวัน และไม่เคยที่จะวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิการทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของรัฐบาลในทางเสียหาย ทั้งๆที่คนในฝ่ายรัฐบาลเองมายอมรับความจริงว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิดพลาด จนเกิดความเสียหายลุกลามจนไม่สามารถแก้ไขได้
**พท.แนะ ส.ส.ทำความเข้าใจชาวบ้าน
วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้เรียกส.ส.กทม. ประชุมด่วนเพื่อหารือถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังประสพอุทกภัย ทั้งนี้ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ส.ส.ได้แยกย้ายกันลงพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน ตามมาตรการของพรรคทันที
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ในฐานะประธานภาคกทม. กล่าวว่า พื้นที่หลายจุดของกทม. ที่น้ำเริ่มขึ้นสูงแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตะวันออกที่เป็นที่รองรับน้ำ เนื่องจากมีประตูระบายน้ำหลายแห่ง จึงอยากเสนอไปยังกทม.ให้ใช้พื้นที่ทุ่งรังสิต ซึ่งเป็นทุ่งกว้างใหญ่ มีบ้านเรือนน้อย เป็นพื้นที่ชะลอน้ำก่อนจะมาถึงเขตชั้นในกทม.ให้คนกทม.โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านมีเวลาเตรียมตัว รับมือกับน้ำท่วม โดยเรื่องนี้กทม.ต้องไปคุยกับชาวบ้านพื้นที่ดังกล่าวว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากทำได้กทม.ต้องจัดเงินชดเชยให้อีกส่วน นอกจากเงินช่วยเหลือที่รัฐบาลมอบให้ 5,000 บาท และถ้าผู้ประกอบการ ภาคเอกชน อยากมาสนับสนุนภารกิจ เสริมแนวป้องกันน้ำด้านกทม.ฝั่งตะวันออก ให้ติดต่อมายังตน ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-8526620
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กทม.และปริมณฑล อาจต้องประสบกับน้ำจาก 3 ส่วน 1. น้ำเหนือที่กำลังจะเข้ามา 2. น้ำทะเลหนุนสูง ในช่วงวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ และน้ำในท่าไม่ลง ก็จะเอ่อออกด้านข้าง 3. ดีเปรสชั่นจากฝนตกหนักมาอีก หากทั้ง 3 น้ำเจอกัน กทม.จะหนัก ซึ่งก็มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นหลังวันที่ 12 ต.ค. ในส่วนของพื้นที่เศรษฐกิจกทม.ชั้นใน เราต้องป้องกันเอาไว้ สร้างแนวป้องกันฝั่งตะวันออก ทำอย่างไรให้น้ำนอกคันกั้นน้ำ ไหลออกไปสู่คลองด่านให้มากที่สุด เพื่อดันออกนอกทะเล เช่นเดียวกับฝั่งนนทบุรี น้ำส่วนนี้ที่จะลงมาจากปทุมธานี ซึ่งตอนนี้มีแนวตลิ่งชัน จากคลองมหาสวัสดิ์เป็นแนวกั้น หากแนวนี้ทะลุน้ำจะเข้าสู่ฝั่งธนฯทั้งหมด อย่างไรก็ดีเข้าใจประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ เมื่อแช่น้ำเป็นอาทิตย์ เป็นเดือนจะมีแรงกดดัน และหากมีลูกยุให้รื้อกระสอบได้น้ำจะลดลง ซึ่งไม่ถูกกับหลักความจริง เพราะน้ำก็จะยังน้ำท่วมอยู่ดี
ทางพรรคมีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้แก่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ ซึ่งได้เตรียมการป้องกันโดยให้ ส.ส., ส.ก. และ ส.ข. ลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำต่างๆ นอกจากนี้ ในวันอังคารที่ 11 ต.ค. จะมีการเสนอที่ประชุมพรรค ให้มีการหักเงินเดือน ส.ส. เพื่อนำไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย
***โบ้ยข้าราชการเกียร์ว่างน้ำท่วม
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานเข้าเกียร์ว่าง ไม่ให้ความช่วยเหลือประชาชน บางแห่งมีกระสอบทรายไปถึงแล้ว แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปขน อ้างว่าเป็นวันหยุด ขอถามหน่วยงานแห่งดังกล่าวว่า เป็นแผนดิสเครดิตรัฐบาลในช่วงประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ อยากให้กลับตัวใหม่ เลิกพฤติกรรมเห็นแก่ตัว อย่ามองว่าเรื่องประชาชนเดือดร้อนเป็นเกมการเมือง ไม่อย่างนั้นจะนำหน่วยงานดังกล่าวมาประจานให้ประชาชนเห็นถึงความเห็นแก่ตัว
**เล็งหักเงิน ส.ส.เพื่อไทยช่วยน้ำท่วม
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า เตรียมเสนอต่อที่ประชุมส.ส.พรรควันที่ 11 ต.ค. และที่ประชุมสภาฯวันที่ 12 ต.ค.เกี่ยวกับการหักเงินเดือนส.ส.เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ขอเสนอให้ตั้งกระทรวงที่เกี่ยวกับน้ำมาดูแลแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง โดยกระทรวงทรัพยากรน้ำ เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนวางแผนระยะยาว ให้เป็นโครงสร้างในการพัฒนาประเทศต่อไป
**รองปธ.เอาแน่หักเงินเดือนส.ส.ช่วย
สำหรับการประชุมวุฒิสภา วันที่10 ต.ค.นี้ ได้มีการบรรจุวาระการประชุมเพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาปัญหาอุทกภัย ซึ่งเสนอโดย นายเจตน์ ศิรธารนนท์ ส.ว.สรรหา เช่นเดียวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 12 ต.ค.ได้มี ส.ส.จากขอนแก่น หนองบัวลำภู ตรัง ลพบุรี หลายพรรคได้ยืนญัตติด่วนในหัวข้อที่ใกล้เคียงกันรวม 6 ญัตติ
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าในการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและบรรเท่าผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาฯ ในวันที่ 13 ต.ค.นี้ มีวาระพิจารณาเรื่องสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบันและมาตรการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยรวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น โดยได้เชิญอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และอธิบดีกรมชลประทานมาชี้แจง
นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภาพญัตติที่เสอนกันมาคงไม่ได้เป็นการสะท้อนภาพการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ล้มเหลวของรัฐบาล แต่เป็นเพราะว่า ส.ส.ในพื้นที่ต้องการสะท้อนปัญหา
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ เตรียมเสนอขอให้สภาฯ ออกเป็นมติที่ประชุมสภา เพื่อหักเงินเดือนขอ งส.ส. เป็นทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมนั้น ตนเตรียมเสนอเช่นกันในวัน 12 ต.ค. นี้.