ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กลายเป็น UNSEEN THAILAND ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับนักร้องสาวที่มีลีลาการเต้นและการร้องสะเด็ดสะเด่าอย่าง “นางสาวนงผณี มหาดไทย” หรือที่คนทั้งโลกและคนทั้งประเทศไทยรู้กันดีในชื่อของ “จ๊ะ คันหู” เมื่อสื่อชื่อดังในต่างประเทศอย่าง “ซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์” และ “ซีเอ็นเอ็นโก” พร้อมใจกันนำเสนอเรื่องราวอันแสนมหัศจรรย์ของเธอ
มหัศจรรย์ด้วยสุดยอดสถิติที่ไม่ธรรมดาเมื่อซีเอ็นเอ็นโกรายงานว่า “เพลงคันหู” ที่จ๊ะซึ่งปัจจุบันเป็นนักศึกษาการบริหารจัดการปี 2 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังเป็นผู้ร้องสามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาชมในยูทูบไปแล้วกว่า 16 ล้านครั้ง และมีผู้กด Like ในเฟซบุ๊กของจ๊ะนับแสนครั้ง กระทั่งสามารถกลบกระแสความแตกแยกทางการเมืองและการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนได้อย่างชะงักงัน
ขณะที่ซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์บอกว่าน้องจ๊ะเป็นนักร้องที่ร้อนแรงที่สุดของไทยในเวลานี้ โดยรูปของเธอปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ รายการโทรทัศน์หลายรายการเชิญเธอไปให้สัมภาษณ์ ขณะที่คิวการแสดงของเธอในปี 2012 ก็ถูกจองจนเต็มหมดแล้
ดังนั้น จงอย่าแปลกใจที่หลายคนพร้อมใจกันยกให้ปี 2554 เป็น “ปีคันหู” โดยที่ไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่แอะเดียว
สำหรับการที่สื่อชื่อดังก้องโลกทั้งสองสื่อรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับจ๊ะ คันหูนั้น ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดา เพราะทั้งสองสื่อล้วนอยู่ระดับแถวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีเอ็นเอ็นโกที่ถือเป็นสุดยอดเว็บไซต์ กิน ดื่ม เที่ยว แหล่งรวบรวมเรื่องราวและวัฒนธรรมทั่วโลกของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ซึ่งเชื่อว่า ชื่อของซีเอ็นเอ็นโกนั้นคนไทยคงรู้จักกันดีจากผลงานการจัดอันดับสุดยอด 50 เมนูอาหารของโลก เมื่อมัสมั่นของไทยคว้าที่ 1 ไปครอง ขณะที่ต้มยำกุ้งตามมาเป็นลำดับที่ 8 น้ำตกหมูลำดับที่ 19 และส้มตำอันดับที่ 46 จากการโหวตของคนทั่วโลก
เฉกเช่นเดียวกับเดอะซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์ที่เป็นหนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของแดนจิงโจ้ ประเทศออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ทั้งซีเอ็นเอ็นโกและซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์ระบุชัดเจนว่า นอกเหนือจากความดังของจ๊ะ เทอร์โบกับเพลงคันหูแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเพลงๆ นี้ก็คือการแสดงบนเวทีของน้องจ๊ะที่มักนุ่งน้อยห่มน้อยและแทนที่จะจำกัดไปที่ใบหู แต่มืออีกข้างหนึ่งกลับชี้ตรงมาที่อวัยวะที่เป็นของสงวน ซึ่งเหล่านักวิจารณ์บอกว่ามันเป็นท่าเต้นที่เหลือให้จินตนาการเพียงเล็กน้อย ขณะที่อีกด้านหนึ่งการแสดงของเธอก็ก่อความขุ่นเคืองแก่สังคมอนุรักษ์นิยมในประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธแห่งนี้และนำมาซึ่งการร้องทุกข์ไปยังกระทรวงวัฒนธรรม ที่เวลานี้กำลังพิจารณาประเด็นดังกล่าว
นอกจากนี้ พวกเขายังบอกอีกว่าระหว่างการร้องเพลงนั้นยังมีการออกเสียงที่ไม่เหมาะสมและเล่นสำนวนกำกวมออกไปในเชิงลามกด้วย
ทว่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำด่าทอเสียๆ หายๆ ก็ไม่อาจหยุดความดังของน้องจ๊ะและมิอาจตัดทอนเธอออกจากการปรากฏตัวต่อสาธารณชนได้ เพราะซิดนีย์มอนิงเฮรัลด์ยืนยันว่า เพลงนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในไทย โดยสามารถได้ยินทั้งในแท็กซี่ ร้านอาหาร รกตุ๊กตุ๊กหรือแม้แต่วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง
นอกจากนี้ สื่อดังกล่าวยังยกตัวอย่างต่อปรากฏการณ์จ๊ะ คันหูที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ข้อโต้เถียงลักษณะนี้คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นกับ ไอนุล ดาราติสต้า นักร้องสาวชาวอินโดนีเซีย เมื่อปี 2008 โดยเธอถูกต่อต้านจากท่าเต้นอันยั่วยวนอันก่อความโกรธกริ้วแก่ชาวมุสลิมอนุรักษ์นิยม จนมีเสียงเรียกร้องให้แบนการแสดงของเธอและนำมาซึ่งการออกกฎหมายต่อต้านการกระทำที่เข้าข่ายอนาจาร
แน่นอน สำหรับน้องจ๊ะย่อมรู้สึกดีใจกับกระแสความดังที่กระหึ่มโลกเป็นธรรมดา
“ดีใจค่ะ ดีใจกับคนที่ชอบเรา และเสียใจกับคนที่ไม่ชอบเราแล้วใช้คำพูดแรงๆ กับเรา แต่หลังจากเป็นที่รู้จัก ชีวิตก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะ มีคนรู้จักมากขึ้น ไปไหนมาไหนคนก็จะมาทัก มาขอถ่ายรูป งานคอนเสิร์ตการแสดงต่างๆ ก็เยอะขึ้น ส่วนมากที่เข้ามาก็ชอบ ปลื้ม เป็นเด็กพวกวัยรุ่น คนโตบ้างก็มี ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง ในเฟซบุ๊กมีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก ที่ด่าก็มี ด่าแรงๆ ก็มีชื่อแนนซี่ ส่วนแฟนเพจมีคนแฮกไปเรียบร้อยแล้ว เลวมาก ช่วยด่าแทนหนูหน่อยนะ คุณทำเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร”จ๊ะบอกเล่าความรู้สึกด้วยน้ำเสียงเหน่อๆ แบบสาวอ่างทองก่อนที่จะขึ้นเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตที่ร้านอาหารเวียงจันทร์ย่านรังสิตเมื่อค่ำคืนวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อถามว่า จ๊ะเข้ามาสู่แวดวงนี้อย่างไร
จ๊ะตอบว่า “ที่บ้านเป็นเลิเกค่ะ ร้องลิเกเล่นลิเกมาก่อน ก่อนมาอยู่วงเทอร์โบ หนูร้องวงอิเล็กโทนอยู่แล้ว ส่วนที่ร้องเพลงคันหู หนูก็เห็นว่าวงใหญ่ไม่มีใครเล่นเพลงคันหูเลย ก็เลยเสนอกับวงเทอร์โบให้เล่นเพราะมันเป็นแนวหนู แล้วก็ดัดแปลงทำนองและท่าเต้นให้เข้ากับเพลง เพราะเพลงนี้มันเป็นเพลงสองแง่สองง่ามอยู่แล้วนะพี่ ถามว่าจะร้องเพลงอีกนานไหม คงไม่นาน ไม่งั้นหนูคงไม่คิดเรียนหนังสือ หนูเบื่อด้วยวงการนี้ คนมันเข้าใจเราน้อย คนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเกิดมามีตังค์ก็ไม่ต้องมาทำหรอก ใช่เปล่าล่ะ ถ้ามีตังค์คงไม่ต้องมาเต้นหรอกค่ะ อยากมีธุรกิจส่วนตัวเพราะไม่อยากให้ใครมาเป็นเจ้านาย หนูชอบเป็นตัวของหนูเอง ไม่อยากให้มีใครมาสั่ง”
สำหรับความรัก จ๊ะยอมรับว่า มีหนุ่มๆ เข้ามาจีบเยอะขึ้น มีมาพูดคุยมาแซวเพิ่มมากขึ้น แต่ตัวเธอเองไม่ได้เออออห่อหมกด้วย
“แฟนไม่มีค่ะ แต่มีคุย หนูชอบผู้ชายสูง ตามใจเราเงี้ย อยากได้อะไรก็ได้แค่นี้แหละพี่ หน้ามาไงก็มาเถอะ ไม่ใช่แนวเสี่ยนะ ไม่ชอบคนแก่ ตรงไปไหมเนี่ย”
ขณะที่ “จิรภัทร คูหาพัฒนกุล” หรือ “ไผ่ เทอร์โบ” หัวหน้าวงเทอร์โบ เล่าให้ฟังว่า หลังจ๊ะเป็นที่กล่าวถึงในโลกออนไลน์ กระแสตอบรับทางด้านการแสดงดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา มีผู้ติดต่อให้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่โน่นที่นี่ทุกวัน โดยขณะนี้จ๊ะและวงเทอร์โบจะมีการแสดงวันละ 2 ที่เนื่องจากไม่สามารถรับงานได้มากเกินกว่านี้
“เยอะครับ อย่างเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม เรามีคอนเสิร์ตที่เชียงราย แสดงเสร็จก็ขึ้นเครื่องบินมาแสดงต่อที่นวนครและรังสิต จากนั้นก็ไปเล่นที่สุพรรณบุรี”
ไผ่บอกว่า ดึงตัวจ๊ะมาแสดงกับวงเมื่อประมาณ 2 ปีเศษ ส่วนเพลงคันหูนั้น จ๊ะเป็นคนเสนอเพลงนี้ขึ้นมา โดยมีการทำดนตรีและเปลี่ยนรูปแบบการร้องใหม่ให้โจ๊ะขึ้น เช่นเดียวกับท่าเต้นอันสยิวกิ้วที่จ๊ะเป็นคนออกแบบลีลาสะท้านต่อมกำหนัดด้วยตัวเอง
“ตอนที่ผมเอาคลิปลงยูทูบ ผมไม่คิดว่าจะดังขนาดนี้ เราแค่ต้องการทำการตลาดแค่นั้นเอง ถามว่ามีคนมาต่อว่าต่อขานไหม ก็มี ผมก็อธิบายให้เข้าใจ ที่เข้าใจก็มี ที่ไม่เข้าใจก็มี ผมก็เลยขอร้องคนที่ไม่เข้าใจว่า ขอความกรุณาให้เลิกเปิดดูก็แล้วกัน ขอให้ดูครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายและกรุณาอย่าเปิดอีก จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย”ไผ่เล่าอย่างอารมณ์ดี
แน่นอน นาทีนี้สำหรับน้องจ๊ะแล้ว เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า คงไม่มีใครหยุดความแรงของเธอได้ เพราะจ๊ะได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ชาวไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อู๊ย.....คันหู