00 ไม่รู้จะทุกข์ซ้ำกรรมซัดกันไปถึงไหน เวลานี้ระดับน้ำที่หลากเข้าท่วมหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และกำลังทะลักเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่กลายเป็นว่าทุกข์เก่ายังอยู่ ทุกข์ใหม่ก็ซ้ำเติมเข้ามา นั่นคือ “ภัยหนาว” ที่โชยเข้ามาจนเริ่มเย็นวูบวาบแล้ว ลองคิดเอาก็แล้วกันว่า เมื่อเท้ายังแช่น้ำอยู่ แต่ท่อนบนต้องปะทะกับความหนาวเย็น มันจะทรมานแค่ไหน
00 ตามรายงานของกรมป้องกันภัยฝ่ายพลรือน(ปภ.) พบว่า มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมไม่น้อยกว่า 25 จังหวัด แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ระดับน้ำยังไม่นิ่ง ไม่ทรงตัว ขณะเดียวกันยังมีบางจังหวัดที่รับน้ำอยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็น นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ เชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็น่าจะวิกฤติแล้ว และยิ่งผู้บริหารทั้งผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้ำว่า “รับมือได้” ก็ขอให้ “คิดตรงกันข้าม” ไปเลย และถ้าใครบ้านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ริมคลอง ก็ให้ “รีบขนของ”หนีขึ้นที่สูงรอไว้เลย
00 แม้จะเข้าใจดีว่าเป็นความหวังดี ในช่วงวิกฤติ คิดอะไรไม่ออก นึกอะไรได้ก็พูดออกมา ขณะเดียวกันเมื่อมองเห็นแล้วมันอด “หดหู่ใจ” ไม่ได้ กับแนวความคิดอัน “ขี้เท่อ” ของ “เจ้าปลอด” ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ที่ระดมเรือของชาวบ้าน ราชการ มาติดเครื่องหมุนใบจักร เรียงต่อกันในลำน้ำ หวังจะเป็น “เรือดันน้ำ” ดูแล้วมัน “ก๊อกแก๊ก” พิกล แต่เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป แต่น่าจะคิดอะไรที่มันระดับชาติมากกว่านี้ ไม่ใช่มา“แบบบ้านๆ” จนดูตลกขบขัน
00 เห็นสภาพความเสียหาย “โกลาหล”ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน มันก็ชวนหดหู่ เพราะนั่นหมายความว่าความเสียหายได้เพิ่มทบทวี ขณะที่พื้นที่ท่วมขังเดิมมานานนับเดือนมันจะวิกฤติแค่ไหน ลองคิดดู ความหมายเวลานี้ไม่ต่างจากคำว่า “อยุธยาล่ม” แล้ว เฉพาะความเสียหายที่นิคมอุตสาหกรรม “สหรัตนนคร” แห่งเดียวนั้นมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก และกำลังลุ้นกันอยู่ว่าพื้นที่นิคมฯ ที่เหลืออื่นๆ เช่น โรจนะ นิคมฯไฮเทค จะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอด นาทีนั้นก็ไม่อยากนึกภาพแล้ว เพราะจะหมายถึงความเสียหายทั้งผู้ประกอบการ และคนงานต้องตกงาน ขาดรายได้อีกหลายหมื่นคน นาทีนี้ได้แต่เห็นใจ เอาใจช่วยเท่านั้น เพราะคงหวังพึ่งพารัฐบาลไม่ได้แล้ว
00 เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) เป็นวันแรกสำหรับโครงการรับจำนำข้าว อีกหนึ่ง “ประชานิยม” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องโดนใจชาวนานับล้านคน แต่อนิจจา มาเจอเรื่องน้ำท่วมหนักหนาสาหัส ทำให้ขาดอารมณ์ร่วมของชาวบ้าน ข่าวสารก็เลยไม่หวือหวา ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วหลายฝ่ายมั่นใจว่าต้อง “โกงกันมโหฬาร” แน่นอน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าเก่านั่นแหละ และสุดท้ายรัฐต้อง “ขาดทุนบักโกรก” ตามเคย
00 ที่สำคัญที่บอกว่ารับจำนำข้าวเปลือกเกวียนละ 15,000 บาทนั้น ต้องบอกเสียก่อนว่าต้องความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ นะพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงในภาวะฟ้าฝนแบบนี้ ส่วนใหญ่ความชื้นจะพุ่งไปถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ แทบทั้งสิ้น ราคาก็ลดลงมาฮวบฮาบ ก็บอกให้ทราบเสียแต่เนิ่นๆ เดี๋ยวจะเคือง “น้องปู” กันอีก
00 ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วสำหรับงานรำลึก “เหตุการณ์ 7 ตุลาฯ” ปีนี้ครบรอบ 3 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังมีพี่น้อง และแกนนำมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งเหมือนปีก่อนๆ และเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ความคิดและแนวทางของพันธมิตรฯ นั้นถือว่า “ตกผลึก” และเป็น “ผู้กำหนดทิศทาง” ให้บรรดาแกนนำได้เดินตาม ไม่ใช่แกนนำเป็นคนกำหนดชี้นำ นี่คือหลักการยิ่งใหญ่ ดังคำพูดของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" กล่าวเอาไว้ว่า "เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์" ว่าการกระทำของพันธมิตรฯ ทำถูกต้องหรือไม่ ทุกคนไม่มีวันย่อท้อ ขณะเดียวกันขอให้วีรชนผู้เสียสละทั้งหลายหลับให้สบายเถิด !!
00 ตามรายงานของกรมป้องกันภัยฝ่ายพลรือน(ปภ.) พบว่า มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมไม่น้อยกว่า 25 จังหวัด แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ระดับน้ำยังไม่นิ่ง ไม่ทรงตัว ขณะเดียวกันยังมีบางจังหวัดที่รับน้ำอยู่ด้านล่าง ไม่ว่าจะเป็น นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพฯ เชื่อว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็น่าจะวิกฤติแล้ว และยิ่งผู้บริหารทั้งผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้ำว่า “รับมือได้” ก็ขอให้ “คิดตรงกันข้าม” ไปเลย และถ้าใครบ้านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ริมคลอง ก็ให้ “รีบขนของ”หนีขึ้นที่สูงรอไว้เลย
00 แม้จะเข้าใจดีว่าเป็นความหวังดี ในช่วงวิกฤติ คิดอะไรไม่ออก นึกอะไรได้ก็พูดออกมา ขณะเดียวกันเมื่อมองเห็นแล้วมันอด “หดหู่ใจ” ไม่ได้ กับแนวความคิดอัน “ขี้เท่อ” ของ “เจ้าปลอด” ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ที่ระดมเรือของชาวบ้าน ราชการ มาติดเครื่องหมุนใบจักร เรียงต่อกันในลำน้ำ หวังจะเป็น “เรือดันน้ำ” ดูแล้วมัน “ก๊อกแก๊ก” พิกล แต่เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำไป แต่น่าจะคิดอะไรที่มันระดับชาติมากกว่านี้ ไม่ใช่มา“แบบบ้านๆ” จนดูตลกขบขัน
00 เห็นสภาพความเสียหาย “โกลาหล”ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่น้ำทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชั้นใน มันก็ชวนหดหู่ เพราะนั่นหมายความว่าความเสียหายได้เพิ่มทบทวี ขณะที่พื้นที่ท่วมขังเดิมมานานนับเดือนมันจะวิกฤติแค่ไหน ลองคิดดู ความหมายเวลานี้ไม่ต่างจากคำว่า “อยุธยาล่ม” แล้ว เฉพาะความเสียหายที่นิคมอุตสาหกรรม “สหรัตนนคร” แห่งเดียวนั้นมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก และกำลังลุ้นกันอยู่ว่าพื้นที่นิคมฯ ที่เหลืออื่นๆ เช่น โรจนะ นิคมฯไฮเทค จะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอด นาทีนั้นก็ไม่อยากนึกภาพแล้ว เพราะจะหมายถึงความเสียหายทั้งผู้ประกอบการ และคนงานต้องตกงาน ขาดรายได้อีกหลายหมื่นคน นาทีนี้ได้แต่เห็นใจ เอาใจช่วยเท่านั้น เพราะคงหวังพึ่งพารัฐบาลไม่ได้แล้ว
00 เมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) เป็นวันแรกสำหรับโครงการรับจำนำข้าว อีกหนึ่ง “ประชานิยม” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องโดนใจชาวนานับล้านคน แต่อนิจจา มาเจอเรื่องน้ำท่วมหนักหนาสาหัส ทำให้ขาดอารมณ์ร่วมของชาวบ้าน ข่าวสารก็เลยไม่หวือหวา ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วหลายฝ่ายมั่นใจว่าต้อง “โกงกันมโหฬาร” แน่นอน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าเก่านั่นแหละ และสุดท้ายรัฐต้อง “ขาดทุนบักโกรก” ตามเคย
00 ที่สำคัญที่บอกว่ารับจำนำข้าวเปลือกเกวียนละ 15,000 บาทนั้น ต้องบอกเสียก่อนว่าต้องความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ นะพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงในภาวะฟ้าฝนแบบนี้ ส่วนใหญ่ความชื้นจะพุ่งไปถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ แทบทั้งสิ้น ราคาก็ลดลงมาฮวบฮาบ ก็บอกให้ทราบเสียแต่เนิ่นๆ เดี๋ยวจะเคือง “น้องปู” กันอีก
00 ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วสำหรับงานรำลึก “เหตุการณ์ 7 ตุลาฯ” ปีนี้ครบรอบ 3 ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังมีพี่น้อง และแกนนำมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งเหมือนปีก่อนๆ และเชื่อว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป ความคิดและแนวทางของพันธมิตรฯ นั้นถือว่า “ตกผลึก” และเป็น “ผู้กำหนดทิศทาง” ให้บรรดาแกนนำได้เดินตาม ไม่ใช่แกนนำเป็นคนกำหนดชี้นำ นี่คือหลักการยิ่งใหญ่ ดังคำพูดของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" กล่าวเอาไว้ว่า "เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์" ว่าการกระทำของพันธมิตรฯ ทำถูกต้องหรือไม่ ทุกคนไม่มีวันย่อท้อ ขณะเดียวกันขอให้วีรชนผู้เสียสละทั้งหลายหลับให้สบายเถิด !!