นายกฯ ไปกรมชลประทาน ดูระดับน้ำ สั่งทหารพัฒนาเร่งขุดลอกคลองรังสิต จี้ “พระนาย” เข้มผู้ว่าฯ รับมือพายุลูกใหม่ เพิ่มคันกั้นน้ำ ย้ายชาวบ้านออกพื้นที่ จัดสาธารณูปโภคพื้นที่น้ำขัง รับหนักใจน้ำท่วมใหญ่ พายุซ้ำ เชื่อ ถ้าระบายน้ำทันก็คุมได้
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กรมชลประทาน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาพรวมทั่วประเทศ ร่วมกับ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำในภาพรวมอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งมีปริมาณน้ำมากกว่าปีที่แล้วเฉลี่ยร้อยละ 48 ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำ ปิง วัง ยม และ น่าน ที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 4,578 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่ 3,622 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อย่างไรก็ตาม ก่อนน้ำจะถึงเขื่อนเจ้าพระยา มีการผันน้ำเข้าคลองมะขามเฒ่า 41 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเกินความจุจากเดิมรับได้เพียง 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายชลิต กล่าวว่า สำหรับการระบายน้ำออกทางด้านตะวันตกของ กทม.จำเป็นต้องลดระดับลงเพราะจะทำให้น้ำในแม่น้ำน้อยไหลเข้าท่วมในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาบางส่วน ขณะที่แม่น้ำท่าจีน ใน จ.สุพรรณบุรี ที่ไหลผ่านประตูระบายน้ำพลเทพ ขณะนี้เกินความจุจึงจำเป็นต้องระบายน้ำที่ไหลเข้ามาออกทั้งหมด และจำเป็นต้องมีสั่งปิดคลอง สาขาทั้งหมดเพราะจะกระทบกับจังหวัดลพบุรี อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแม่น้ำท่าจีนมีการเสนอให้ดำเนินการเช่นเดียวกับคลองลัดโพธิ์ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากมีกลุ่มอนุรักษ์ท่าจีนออกมาคัดค้านเพราะเกรงจะกระทบต่อคุณภาพของส้มโอ สำหรับการดำเนินการซ่อมแซมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 40
นายชลิต กล่าวต่อว่า ส่วนทางด้านทิศตะวันออกจะผันไปยังคลองรังสิต ผ่านไปยังจังหวัดฉะเชิงเทราออกแม่น้ำบางประกง ซึ่งในภาพรวมได้ผันน้ำออกแล้ว 45.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และได้มีนำเครื่องสูบน้ำมาช่วยเร่งระบายน้ำเต็มพิกัดแล้ว ขณะเดียวกัน จะมีการประสานไปยังหน่วยบัญชาการทหารพัฒนามาช่วยขุดลอกคลองเพื่อเร่งระบายน้ำอีกทางหนึ่ง โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้อาจจะต้องลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์
ขณะที่ ระหว่างการหารือ นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ นายพระนาย สุวรรณรัตน์ รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเตรียมรับมือพายุลูกใหม่ที่จะเข้ามาในอีกไม่กี่วันโดยให้เพิ่มแนวคันกั้นน้ำ และเคลื่อนย้ายประชาชนไปที่ปลอดภัย และให้สอบถามความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมขังนาน เพื่อจัดหาสาธารณูปโภคให้เพียงพอ และดำเนินการทุกวิถีทางในการดำเนินการช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นเรือ หรือเฮลิคอปเตอร์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเข้ามาดูแลเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนประสานงานกันเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีระบบและรวดเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม หลังการหารือ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต และรู้สึกหนักใจกับสถานการณ์น้ำท่วม เนื่องจากจะมีพายุลูกใหม่เข้ามาในเขตประเทศไทยอีก แต่หากสามารถระบายน้ำได้ก็เชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะทุกฝ่ายทำงานอย่างเต็มที่
จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ.ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำที่อำเภออโยธยา และอำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมกันนี้ จะเยี่ยมประชาชนที่ศูนย์อพยพ ที่ตั้งอยู่ที่สนามกีฬากลางจังหวัด