“ยิ่งลักษณ์” สั่งทุกกระทรวง ส่งรายละเอียดโครงการเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พร้อมกำชับ กระทรวงเกษตรฯ-วิทย์ เร่งระบายน้ำออกทะเล ฟาก “ปลอดประสพ” ปิ๊งไอเดียประชาอาสาร่วมกันดันน้ำ ปรับแผนเร่งระบายน้ำลงทะเลแบ่งเป็นกลุ่มจังหวัด ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างพื้นที่ ระดมเรือพันลำดันน้ำลงทะเล
วันนี้ (4 ต.ค.) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีปรารภก่อนการประชุม โดยได้พูดถึงโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมีพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ว่า ได้เตรียมงานทุกอย่างแล้ว ขอให้ทุกกระทรวงส่งรายละเอียดโครงการที่ทำอยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ไปยังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมการจัดพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือเรื่องราว เพื่อไปเขียนให้เป็นสารบบ ขอให้สำนักนายกรัฐมนตรีติดตามเรื่องราวอีกครั้งด้วย และแจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงการจัดรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ซึ่งมีไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นางฐิติมา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนที่ลงพื้นที่ 12 จังหวัด ที่ประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก และสถานการณ์น้ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงตลอด และได้ถามไถ่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ให้อธิบายเรื่องน้ำ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ ได้พูดถึงเรื่องเขื่อนต่างๆ ในที่ประชุม โดยรวมสถานการณ์เรื่องน้ำที่ จ.นครสวรรค์ ได้มีจำนวนน้ำเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเปรียบเสมือนน้ำที่ จ.นครสวรรค์ เหมือนมีเขื่อนอีกเขื่อน หากเราปิดที่ อ.บางโฉมศรี ได้ มวลน้ำทั้งหมดจะลงที่เจ้าพระยาได้ อย่างไรก็ตาม กทม.ไม่ควรประมาท จนถึงกลางเดือนนี้ ยังไม่น่าห่วง
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่ากระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้มีแนวคิดหลังจากที่ไปประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการพูดถึงเรื่องภัยพิบัติต่างๆ ได้มาเล่าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ฟังว่า ปกติประเทศไทยจะเจอพายุ 3 ลูกต่อปี แต่ปีนี้เจอแล้ว 5 ลูก และกำลังจะมารวมทั้งหมดจะเจอ 9 ลูก นายปลอดประสพ ได้พูดถึงการดันน้ำ และได้พูดถึงเรื่องการทำประชาอาสา คือ ให้เรือทุกลำในแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมกันดันน้ำ แต่ยังไม่มีชื่อชัดเจน โดยเบื้องต้นอาจใช้ชื่อว่า “ไทยแข็งแกร่งสามัคคี ร่วมกันดันน้ำ” รัฐบาลอาจจะช่วยสนับสนุนเรื่องน้ำมัน และสุดท้ายนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันระบายน้ำสู่ทะเลให้ได้ กระทรวงกลาโหม เร่งขุดลอกคูคลองมีเวลา 1 สัปดาห์ ที่ต้องทำให้ชัดเจน ให้ช่อง 11 ทำเบรกกิ้งนิวส์ทุกครึ่งชั่วโมง ขอความร่วมมือรมต.ลงพื้นที่แก้ปัญหา รวมทั้งการแจกถุงยังชีพขอให้กระจายไม่ให้กระจุก และจำนวนถุงยังชีพต้องประสานผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ตัวเลขชัดเจน เช่น ถุงยังชีพอาจน้อยกว่าจำนวนผู้เดือดร้อน
นายวิม รุ่งวัฒนะจินดา เลขานุการ น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 1 ชม.ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ แต่ขณะนี้เกิดปัญหา ว่า เร่งระบายน้ำในพื้นที่หนึ่งก็จะไปเกิดปัญหากับอีกพื้นที่หนึ่ง จึงได้กำหนดแผนระบายน้ำตามลุ่มน้ำ และเป็นกลุ่มจังหวัด 5 กลุ่ม เช่น ลุ่มน้ำยม ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำลพบุรี โดยแต่ละกลุ่ม ผวจ.จะเป็นผู้ดูแล และมีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ขณะที่กระทรวงมหาดไทย จะมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการลงไปดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และผลักดันน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด และในระหว่างวันที่ 6-12 ต.ค.นี้ เป็นช่วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลต่ำสุด ในรอบเดือนตุลาคม นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะออกคำสั่งไปยังศูนย์สนับสนุนการอำนวยการ และการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เร่งทำแผนปฏิบัติการในการเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลให้เร็วขึ้น
นายวิม กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะขอความร่วมมือจากภาคประชาชนให้นำเรือมาร่วมผลักดันน้ำ โดยคาดหมายว่า จะมีเรือมาร่วมครั้งนี้ถึง 1 พันลำ เพื่อเป็นการเร่งระบายน้ำให้ไหลลงทะเลโดยเร็วที่สุด เนื่องจากต่อจากนี้ไป หากมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นอีก เขื่อนจะไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ อย่างไรก็ตาม กรมชลประทาน ได้รายงานว่า ขณะนี้น้ำที่ไหลลงมาจากภาคเหนือ มีแนวโน้มที่จะไหลลงสู่ทุ่งมากกว่าไหลลงแม่น้ำ เนื่องจากตลอดแนวแม่น้ำมีคันกั้นน้ำอยู่ นอกจากนั้น จ.นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯ ได้รายงาน มาตรการความพร้อม รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นให้กับที่ประชุมได้รับทราบด้วย