xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ประครองโรงกลั่น 9เดือนกำไรใกล้ปีก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "ประเสริฐ" ชี้ กำไรสุทธิกลุ่มปตท.งวด 9 เดือนปี 54 ใกล้เคียงกำไรทั้งปีก่อน พร้อมประคองธุรกิจโรงกลั่น-ปิโตรเคมีไม่ให้ขาดทุนจากราคาน้ำมันลดลง ปรับลดราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากก่อนหน้า100-110 เหรียญสหรัฐ แจง ราคาหุ้นกลุ่มบริษัทปรับตัวลดลงเป็นโอกาสนักลงทุนเข้าซื้อ ด้านตลท. แจ้งแนวทางการปรับปรุงรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 และ SET100 กรณีการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และ PTTCH
 

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส3/54 ยัคาดว่าจะเติบโตไม่เท่ากับ2 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่ยังถือว่าพอใจอยู่ ส่งผลให้ บริษัทคาดกำไรสุทธิของกลุ่มปตท.งวด9 เดือนจะใกล้เคียงกับกำไรสุทธิทั้งปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 80,000 ล้านบาท เนื่องจาก ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 68,000 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการในไตรมาส4/54 จะต้องมีการประคองให้ธุรกิจ 2 ธุรกิจไม่ขาดทุน คือ โรงกลั่นและ ปิโตรเคมี โดยการลงทุนในน้ำมันดิบล่วงหน้า ในต่างประเทศ เพื่อทำให้บริษัทไม่ขาดทุนจากราคาน้ำมันที่ผันผวน
ทั้งนี้หากธุรกิจ 2 ส่วนนั้นไม่ขาดทุน ก็จะส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทปตท.มีการเติบโตที่ดีกว่าปีกิ่น เพราะ ปตท และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ฯลฯ มีกำไรที่ดี อยู่

โดยส่วนส่วนตัวมองว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากก่อนหน้านี้ที่มองเฉลี่ยอยู่ที่ 110-100 เหรียญสหรับต่อบาร์เรล เนื่องจาก จากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี จากการที่การแก้ปัญหาหนี้ของทางยุโรปยังไม่ชัดเจน จึงมีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวลดลง

“ในไตรมาส4/54 จะต้องมีการประคองไม่ให้ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีขาดทุนจากราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวลดลง โดยการล็อคต้นทุน ซึ่งทางกลุ่มก็ได้มีการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ เกี่ยวกับน้ำมันเพื่อทำให้บริษัทไม่ขาดทุนจากราคาน้ำมันที่ผันผวน หากทำได้ก็จะทำให้กำไรสุทธิทั้งปีไม่ต่ำกว่าปีก่อน เพราะ จะมีกำไรจากปตท.สผ.และปตท.เข้ามา ”

นายประเสริฐ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบปีหน้าคาดว่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากวิกฤตหนี้ยุโรป ยังไม่ดีขึ้นและเลวร้ายกว่าที่คิดก็จะมีผลทำให้ราคาน้ำมับดิบอาจจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ ซึ่งทางกลุ่มบริษัทก็จะต้องมีแผนการดำเนินงานที่ดีเพื่อทำให้กลุ่มปตท.ยังมีผลประกอบการที่ ดีแม้จะมีกำไรสุทธิทั้งกลุ่มจะต่ำกว่าปี 2554

ทั้งนี้สถานการณ์ธุรกิจพลังงานในปีนี้ไม่ดีนั้น ส่วนตัวมองว่าจากที่กลุ่มของบริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนซื้อกิจการ จากที่ราคาจะมีการปรับตัวลดลง โดยทางกลุ่มสนใจที่จะเข้าไปซื้อกิจการเกี่ยวกับการสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน
ส่วนราคาหุ้นของกลุ่มปตท.มีการปรับตัวลดลงมานั้น ถือว่าเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ยังไม่เข้าไปลงทุน โดยนักลงทุนจะต้องเลือกลงทุนในหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกระเงินสดที่สูง มีเงินปันผล ผลประกอบการมีการเติบโตที่ดี จึงเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนและถือยาวไปได้ถึงปีหน้า

สำหรับ การที่ตนหมดวาระในการดำรงตำแหน่งในบริษัทปตท.นั้นเป็นช่วงที่ตนเองต้องการพักผ่อนจากที่ทำงานมา 30 ปี แล้ว แต่ตนยังเป็นกรรมการในบริษัท ปตท.สผ.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC

***ตลท. แจ้งปรับปรุงรายชื่อคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 กรณีการควบรวมPTTAR - PTTCH
 

ตามที่ บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) และบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) อยู่ระหว่างดำเนินการควบรวมกิจการโดยมีผลให้เกิดเป็นบริษัทใหม่ คือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ซึ่งจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไปนั้น

โดยที่ PTTAR และ PTTCH เป็นหลักทรัพย์ในดัชนี SET50 และ SET100 และตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีในปัจจุบัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะนำหุ้นสามัญของบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบกิจการ คือ PTTGC เข้ารวมคำนวณในดัชนี ณ วันที่มีการจดทะเบียนรับหลักทรัพย์ดังกล่าว และเป็นวันที่หลักทรัพย์ PTTAR และ PTTCH ซึ่งควบรวมกิจการทั้งสองสิ้นสภาพการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์สำรอง (Replacement) จำนวน 1 หลักทรัพย์ของดัชนี SET50 และ SET100 เข้ารวมคำนวณในดัชนี
กำลังโหลดความคิดเห็น