ปตท.สผ.ฟุ้งปีหน้าปริมาณการผลิตและขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 10% จากปีนี้อยู่ที่2.69แสนบาร์เรลต่อวัน โดยรับรู้การผลิตจากแหล่งมอนทาราที่ออสเตรเลีย บงกชใต้และเวียดนาม มองราคาน้ำมันดิบปีหน้าลดเหลือ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล จากปีนี้เฉลี่ยกว่า 100เหรียญสหรัฐมั่นใจสรุปหาผู้ร่วมทุนใหม่ในแปลงM 11 ปลายปีนี้ ยันถือหุ้นใหญ่อยู่40%
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 10%จากปีนี้ที่มีปริมาณการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 2.69 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากปีหน้ามีกำลังการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งใหม่เข้ามา อาทิแหล่งมอนทาร่าจากออสเตรเลีย คาดว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบในช่วงปลายไตรมาส1 ประมาณ3-4 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แหล่งปิโตรเลียมที่เวียดนาม 16-1 ที่ผลิตมาตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยผลิตอยู่ 3หมื่นบาร์เรลต่อวันและปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น4หมื่นบาร์เรลต่อวันและแหล่งบงกชใต้ในอ่าวไทยอีก 320ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันแหล่งออยด์แซนด์ในประเทศแคนาดา ที่คาดว่าจะมีกำลังบิทูเมน ผลิตเฉลี่ย 2 หมื่นบาร์เรลต่อวันในปีหน้าจากปลายปีนี้จะผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1.4-1.5หมื่นบาร์เรลต่อวัน เป็น2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน
นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีหน้าคาดว่าจะอ่อนตัวลงมาเหลือเฉลี่ย 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าปีนี้ที่มีราคาเฉลี่ยจะสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สืบเนื่องจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะปัญหาหนี้ในยุโรปและสหรัฐ
ในขณะที่กำลังผลิตจากประเทศลิเบียจะกลับมาผลิตได้เพิ่มขึ้นทำให้มีซัปพลายน้ำมันดิบป้อนตลาดมากขึ้น ส่วนจีนความต้องการใช้น้ำมันยังสูงอยู่แต่โตไม่มาก ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกปีหน้าคาดว่าจะโตเพียง1%กว่าจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกจะโต 2%
จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนเช่นนี้ทำให้ปตท.สผ.ยังไม่มีแผนระดมทุนเพิ่มเติมในระยะอันสั้นนี้รอจังหวะตลาดการเงินดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่อาจคาดเดาได้ ส่วนแผนการซื้อกิจการปิโตรเลียม(M&A)นั้นบริษัทฯก็มองเห็นเป็นโอกาส แต่ก็ต้องนำปัจจัยเศรษฐกิจโลกมาปรับด้วยซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่ได้
สำหรับความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนในแปลงปิโตรเลียมM11ที่สหภาพพม่านั้นขณะนี้มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุนในแปลงM11จำนวน3-4 ราย ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการได้ในปลายปีนี้ ทำให้บริษัทฯมีเงินเข้ามา โดยปตท.สผ.ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่40% พม่า25% ที่เหลือเป็นการจัดสรรหุ้นให้กับพันธมิตรใหม่
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯจะมีปริมาณการผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 10%จากปีนี้ที่มีปริมาณการขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 2.69 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากปีหน้ามีกำลังการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งใหม่เข้ามา อาทิแหล่งมอนทาร่าจากออสเตรเลีย คาดว่าจะมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบในช่วงปลายไตรมาส1 ประมาณ3-4 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แหล่งปิโตรเลียมที่เวียดนาม 16-1 ที่ผลิตมาตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยผลิตอยู่ 3หมื่นบาร์เรลต่อวันและปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น4หมื่นบาร์เรลต่อวันและแหล่งบงกชใต้ในอ่าวไทยอีก 320ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันแหล่งออยด์แซนด์ในประเทศแคนาดา ที่คาดว่าจะมีกำลังบิทูเมน ผลิตเฉลี่ย 2 หมื่นบาร์เรลต่อวันในปีหน้าจากปลายปีนี้จะผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1.4-1.5หมื่นบาร์เรลต่อวัน เป็น2 หมื่นบาร์เรลต่อวัน
นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีหน้าคาดว่าจะอ่อนตัวลงมาเหลือเฉลี่ย 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าปีนี้ที่มีราคาเฉลี่ยจะสูงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สืบเนื่องจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะปัญหาหนี้ในยุโรปและสหรัฐ
ในขณะที่กำลังผลิตจากประเทศลิเบียจะกลับมาผลิตได้เพิ่มขึ้นทำให้มีซัปพลายน้ำมันดิบป้อนตลาดมากขึ้น ส่วนจีนความต้องการใช้น้ำมันยังสูงอยู่แต่โตไม่มาก ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกปีหน้าคาดว่าจะโตเพียง1%กว่าจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกจะโต 2%
จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนเช่นนี้ทำให้ปตท.สผ.ยังไม่มีแผนระดมทุนเพิ่มเติมในระยะอันสั้นนี้รอจังหวะตลาดการเงินดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่อาจคาดเดาได้ ส่วนแผนการซื้อกิจการปิโตรเลียม(M&A)นั้นบริษัทฯก็มองเห็นเป็นโอกาส แต่ก็ต้องนำปัจจัยเศรษฐกิจโลกมาปรับด้วยซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่ได้
สำหรับความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนในแปลงปิโตรเลียมM11ที่สหภาพพม่านั้นขณะนี้มีนักลงทุนที่สนใจเข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมทุนในแปลงM11จำนวน3-4 ราย ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการพิจารณาคาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการได้ในปลายปีนี้ ทำให้บริษัทฯมีเงินเข้ามา โดยปตท.สผ.ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่40% พม่า25% ที่เหลือเป็นการจัดสรรหุ้นให้กับพันธมิตรใหม่
