ASTVผู้จัดการรายวัน-มูลค่าขายชอร์ตเดือน ก.ย 1.8 หมื่นล้านบาท ทำสถิตสูงสุดของปี-ตั้งแต่เปิดทำธุรกรรมหุน ยอด9 เดือน54 เกือบ 7 หมื่นล้านบาท สูงกว่าทั้งปีก่อนและตั้งแต่เปิดทำธุรกรรม ด้านตลท.ชี้จากภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนสูงนักลงทุนขายชอร์ตเพื่อบริหารพอร์ต ขณะโบรกเกอร์ให้บริการเอสบีแอลมากขึ้น แต่วอลุ่มไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์รวม
จากการรวบรวมข้อมูลการการขายชอร์ต เดือนกันยายนสูงสุดของปีนี้และสูงสุดตั้งแต่เปิดทำธุรกรรม อยู่ที่ 18,500.31 ล้านบาท ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีการขายชอร์ตมากสุด10 อันดับแรก 1.บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTCH มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 2,136.71 ล้านบาท 2.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK มีมูลค่าขายชอร์ต 1,418.06 ล้านบาท 3.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT มีมูลค่าขายชอร์ต 1,410.11 ล้านบาท 4.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 1,297.83 ล้านบาท
5. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL มีมูลค่าขายชอร์ต 1,246.89 ล้านบาท 6.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีมูลค่าขายชอร์ต 1,175.45 ล้านบาท 7.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL มีมูลค่าขายชอร์ตจำนวน 1,092.93 ล้านบาท 8.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)หรือ BANPU มีมูลค่าขายชอร์ต 1,077.45 ล้านบาท 9.ปตท. สำรวจ
และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP มีมูลค่า 932.13 ล้านบาท 10.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 829.74 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าขายชอร์ต 9 เดือนปี 2554 อยู่ที่ 69,932.92 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่มีมูลค่า52,604.75 ล้านบาท และสูงที่สุดตั้งแต่เปิดให้ทำธุรกรรมดังกล่าว โดยหุ้นที่ถูกนำมาขายชอร์ตมากสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL มีมูลค่าขายชอร์ต 6,834.30 ล้านบาท 2.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT มีมูลค่าขายชอร์ต 6,045.56
ล้านบาท 3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK มีมูลค่าขายชอร์ต 5,949.57 ล้านบาท
4.บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTCH มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 5,637.86 ล้านบาท 5.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 4,315.82 ล้านบาท 6.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL มีมูลค่าขายชอร์ตจำนวน 4,035.72 ล้านบาท 7.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)หรือ BANPU มีมูลค่าขายชอร์ต 3,971.31 ล้านบาท
8.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP มีมูลค่า 3,793.54 ล้านบาท 9.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 3,467.62 ล้านบาท 10.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีมูลค่าขายชอร์ต 2,877.45 ล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้น นักลงทุนจะบริหารพอร์ตการลงทุนนั้นมีไม่กี่วิธี คือ การชอร์ตฟิวเจอร์ส การชอร์ตหุ้นรายตัว (ซิงเกอร์สต๊อกฟิวเจอร์) และการยืมหุ้นมาขายชอร์ต (ชอร์ตเซล) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่มูลค่าการขายชอร์ตในเดือนกันยายนนี้มูลค่าสูงสุดตั้งแต่เปิดให้มีการทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นเพราะ ภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้มีความผันผวน และ โบรกเกอร์ต่างๆมีการให้บริการการยืมและให้ยืมหุ้น(SBL)เพื่อนำชอร์ตเซลมากขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเพิ่มรายได้ให้กับโบรกเกอร์
ทั้งนี้ทำให้ยอดการชอร์ตเซล9 เดือนปี 2554มีมูลค่า 69,932.92 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปีของปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่52,604.75 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้มูลค่าขายชอร์ตในเดือนนี้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดของปีนี้นั้นแต่ถือว่ามูลค่าขายชอร์ตนั้นไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงผิดปกติ จากที่มูลค่าขายชอร์ตเดือนก.ย.นั้นมีเพียง 18,500ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมของเดือนกันยายนนี้
"ปริมาณธุรกรรมการขายชอร์ตในทุกปีก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนใช้ในการบริการพอร์ตจากภาวะตลาดหุ้นผันผวนและโบรกเกอร์ต่างๆหันมาให้บริการมากขึ้น จึงทำมูลค่าชอร์ตเซลในเดือนก.ย. และยอด9เดือนปี54 ทำนิวไฮด์ แต่มูลค่าดังกล่าวถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์รวมของทั้งตลาด "นายภากร กล่าว
จากการรวบรวมข้อมูลการการขายชอร์ต เดือนกันยายนสูงสุดของปีนี้และสูงสุดตั้งแต่เปิดทำธุรกรรม อยู่ที่ 18,500.31 ล้านบาท ซึ่งหลักทรัพย์ที่มีการขายชอร์ตมากสุด10 อันดับแรก 1.บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTCH มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 2,136.71 ล้านบาท 2.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK มีมูลค่าขายชอร์ต 1,418.06 ล้านบาท 3.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT มีมูลค่าขายชอร์ต 1,410.11 ล้านบาท 4.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 1,297.83 ล้านบาท
5. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL มีมูลค่าขายชอร์ต 1,246.89 ล้านบาท 6.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีมูลค่าขายชอร์ต 1,175.45 ล้านบาท 7.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL มีมูลค่าขายชอร์ตจำนวน 1,092.93 ล้านบาท 8.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)หรือ BANPU มีมูลค่าขายชอร์ต 1,077.45 ล้านบาท 9.ปตท. สำรวจ
และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP มีมูลค่า 932.13 ล้านบาท 10.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 829.74 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าขายชอร์ต 9 เดือนปี 2554 อยู่ที่ 69,932.92 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่มีมูลค่า52,604.75 ล้านบาท และสูงที่สุดตั้งแต่เปิดให้ทำธุรกรรมดังกล่าว โดยหุ้นที่ถูกนำมาขายชอร์ตมากสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL มีมูลค่าขายชอร์ต 6,834.30 ล้านบาท 2.บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT มีมูลค่าขายชอร์ต 6,045.56
ล้านบาท 3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK มีมูลค่าขายชอร์ต 5,949.57 ล้านบาท
4.บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)หรือ PTTCH มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 5,637.86 ล้านบาท 5.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 4,315.82 ล้านบาท 6.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL มีมูลค่าขายชอร์ตจำนวน 4,035.72 ล้านบาท 7.บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)หรือ BANPU มีมูลค่าขายชอร์ต 3,971.31 ล้านบาท
8.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP มีมูลค่า 3,793.54 ล้านบาท 9.ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)หรือ SCB มีมูลค่าขายชอร์ต จำนวน 3,467.62 ล้านบาท 10.บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีมูลค่าขายชอร์ต 2,877.45 ล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนนั้น นักลงทุนจะบริหารพอร์ตการลงทุนนั้นมีไม่กี่วิธี คือ การชอร์ตฟิวเจอร์ส การชอร์ตหุ้นรายตัว (ซิงเกอร์สต๊อกฟิวเจอร์) และการยืมหุ้นมาขายชอร์ต (ชอร์ตเซล) ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่มูลค่าการขายชอร์ตในเดือนกันยายนนี้มูลค่าสูงสุดตั้งแต่เปิดให้มีการทำธุรกรรมดังกล่าว เป็นเพราะ ภาวะตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้มีความผันผวน และ โบรกเกอร์ต่างๆมีการให้บริการการยืมและให้ยืมหุ้น(SBL)เพื่อนำชอร์ตเซลมากขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเพิ่มรายได้ให้กับโบรกเกอร์
ทั้งนี้ทำให้ยอดการชอร์ตเซล9 เดือนปี 2554มีมูลค่า 69,932.92 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าทั้งปีของปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่52,604.75 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้มูลค่าขายชอร์ตในเดือนนี้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดของปีนี้นั้นแต่ถือว่ามูลค่าขายชอร์ตนั้นไม่ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงผิดปกติ จากที่มูลค่าขายชอร์ตเดือนก.ย.นั้นมีเพียง 18,500ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวมของเดือนกันยายนนี้
"ปริมาณธุรกรรมการขายชอร์ตในทุกปีก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากนักลงทุนใช้ในการบริการพอร์ตจากภาวะตลาดหุ้นผันผวนและโบรกเกอร์ต่างๆหันมาให้บริการมากขึ้น จึงทำมูลค่าชอร์ตเซลในเดือนก.ย. และยอด9เดือนปี54 ทำนิวไฮด์ แต่มูลค่าดังกล่าวถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์รวมของทั้งตลาด "นายภากร กล่าว