xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วงหนัก54จุดเตือนนักลงทุนอย่าเสียขวัญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหุ้นไทยร่วงแรงจนระบบเทรดเพี้ยน ระหว่างวันรูด90จุด ก่อนรีบาวน์กลับมาปิดลบ 54 จุด ปิดที่ 904.06 จุด “โต้ง”เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก ด้านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯออกโรงชี้แจงระบบเทรดที่ขัดขึ้น ชี้ปัจจัยพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนแกร่ง พร้อมยืนยันยันไม่มีปัญหาฟอสเซล-ชอร์ตเซล ก.ล.ต.ออกโรงพร้อมจับตาใกล้ชิด ส่วนสมาคมนักวิเคราะห์เล็งสำรวจโผ คาดอาจปรับลดเป้าดัชนีให้เหมาะสมกับวิกฤตในต่างประเทศ หลังปัญหารุนแรงกว่าคาด ฟาก “กรณ์”คุยผ่านเฟสบุ๊ค ต่างชาติไม่ฉลาดที่คิดทิ้งหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวันดัชนีร่วงหนักกว่า 90 จุด ก่อนจะรีบาวน์กลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 904.06 จุด ลดลง 54.10 จุด หรือ-5.65% มูลค่าการซื้อขาย 47,630.63 ล้านบาทระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 947.53 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 867.86 จุด ภาพรวมปรับลงแรงกว่าภูมิภาค โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น

ขณะเดียวกันในระหว่างการซื้อขายเมื่อวานนี้ ช่วงบ่าย(14.37น.)ขณะที่เว็บไซต์ www.set.or.th รายงานภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีลดลง90.15 จุด มีรายงานข่าวว่าระบบเทรดขึ้น H พร้อมกับมีกระแสข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ประกาศใช้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ เนื่องจากดัชนีร่วงลงแรง แต่เวลาต่อมาทางตลท.แจ้งว่า ระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯขัดข้องชั่วคราว ยังไม่ได้มีการประกาศใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์

เช่นเดียวกัน ด้านตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) (TFEX) แจ้งว่า ตามที่ราคาซื้อขายของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน (Silver Futures) วานนี้ เปลี่ยนแปลงลดลงจากราคาที่ใช้ชำระราคาและส่งมอบล่าสุด (Latest Settlement Price) คิดเป็น 10%ตลาดอนุพันธ์จึงหยุดทำการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Silver Futures เป็นการชั่วคราว และเปิดทำการซื้อขายอีกครั้ง ในเวลา 10:15 น.

**ตลาดหุ้นทั่วโลกจูงมือร่วง

ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอื่นๆในต่างประเทศพบว่า ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวัน ร่วง 169.10 จุด หรือ 2.4% ปิดที่ 6,877.12 จุด , ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วง 39.30 จุด หรือ 1% ปิดที่ 3,863.9 จุด ,ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลง 186.13 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 8,374.13 จุด ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนร่วง 39.98 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 2,393.18 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นร่วง 209.92 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 10,328.47 จุด,ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วง 44.73 จุด หรือ 2.64% ปิดที่ 1652.71 จุด ,ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงร่วง 261.03 จุด หรือ 1.48% ปิดที่ 17,407.80 จุด ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดร่วง44.49 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 2,654.31 จุด

**โต้งเตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจและการลงทุนเรื่อง "อนาคต กำหนดได้" ว่า มีความเป็นห่วงความผันผวนของตลาดหุ้นไทยที่มีการซื้อขายลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ แต่เท่าที่มีการติดตามและประเมินสถานการณ์ น่าจะมาจากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่างประเทศ ที่มองว่า มาตรการการดูแลเสถียรภาพของสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป ไม่มีผลตอบสนองต่อการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายหุ้นเพื่อไปลงทุนในกลุ่มภูมิภาคอื่นๆ ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ขอให้นักลงทุนอย่าตื่นตระหนกมากนัก และขอให้ติดตามภาพรวมการซื้อขายไปอีกระยะหนึ่ง เพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยมีความแข็งแกร่ง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และหากย้อนดูเมื่อ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่หากตลาดหุ้นไทย มีแนวโน้มลดลงไปบ้าง ก็ไม่ทำให้หุ้นไทยขาดเสถียรภาพ และยังเชื่อว่าช่วงนี้เหมาะที่จะเข้าไปลงทุน

**ตลท.แจง ฟอสเซล-ขายชอร์ตไม่ได้ฉุดหุ้นดิ่ง

ด้าน นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26ก.ย.)ปรับตัวลดลงแรง 7-9% เนื่องจาก นักลงทุนตื่นตกใจ จากปัญหาวิกฤตหนี้กลุ่มยุโรป จึงมีการเทขายหุ้นออกมาใน 4 กลุ่มหลักที่มีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยถึง 63% นั้น คือ กลุ่มพลังงาน ธนาคาร วัสดุก่อสร้างและ สื่อสาร จึงมีผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงผิดปกติ แต่ในด้านพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง บริษัทจดทะเบียนมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง และมีการจ่ายเงินปันผลที่ดี

สำหรับวานนี้ตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้นอื่น จากที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงน้อยที่สุดกว่าตลาดอื่นจึงทำให้นักลงทุนต่างชาติมีการขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไปชดเชยการขาดทุนจากการลงทุนตลาดอื่น ซึ่งจากการติดตามข้อมูลการซื้อขายในช่วง 5 วันที่ผ่านมานั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่าลดลงน้อยที่สุด โดยลงมาที่ 11.1% ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลดลงไป 11.6% และฟิลิปปินส์ มีการปรับตัวลดลงไป 13.6%

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯอยากให้นักลงทุนมองที่ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย และ ตั้งสติอย่างตื่นตกใจแห่ขายหุ้นออกมาทั้งที่เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เพราะ ในช่วงวิกฤตในปี 2551นั้นนักลงทุนที่มีการเข้าลงทุนในช่วงหุ้นลงตอนนั้นให้ตอบตอบแทนที่ดี นอกจากนี้การที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงนั้นไม่มีปัญหาในเรื่องการบังคับขายหุ้น (ฟอสเซล)เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่มีการใช้เงินสดของตัวเองในการลงทุนในหุ้น

สำหรับการใช้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้นโลน)ในระบบมีเพียง 3 หมื่นล้านบาท โดยมีการคุมไม่ให้โตไปกว่านี้ ส่วนการขายชอร์ตในระบบนั้นมีไม่มากเพียง 1%เท่านั้น โดยถือว่าฟอสเซลและการขายชอร์ตไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงในวานนี้ หลังจากที่มีการหารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์

**ตลท.แจงระบบล่มจากปัญหาเทคนิค

นายจรัมพร กล่าวว่าการที่ตลาดระบบการซื้อขายมีการหยุดการซื้อขายเมื่อเวลา 14.36 น.เป็นเวลา 3-4 นาที นั้น เนื่องจาก มีปัญหาทางด้านเทคนิค ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการรีบแก้ไขปัญหา โดยยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ได้ขึ้นอีก และจากการหารือกับโบรกเกอร์นั้นก็ไม่พบว่านักลงทุนมีความเสียหายจากการหยุดพักดังกล่าว เพราะ คำสั่งซื้อขายนั้นอยู่ระหว่างเข้าคิว

**คาดนักวิเคราะห์ลดเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทย

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตการเงินยุโรปนั้นในช่วงระยะสั้นนั้นตลาดหุ้นจะมีความผันผวนสูง ซึ่งเมื่อหุ้นอยู่ในช่วงขาลงนั้นดัชนีหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวลดลงกว่า 100 จุด ได้ แม้จะเป็นหุ้นพื้นฐานที่ดี แต่หากพิจารณาในระยะยาว นั้นปัจจัยราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานแล้ว ซึ่งจากการติดตามข้อมูลหุ้น 170 บริษัท พบว่าหุ้นทุกตัวมีราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยหุ้นในกลุ่ม SET 50 นั้นราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานถึง 20-30% และดัชนีที่ระดับ 900 จุด นั้นให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 4.5%

ทั้งนี้นักลงทุนที่ติดหุ้นอยู่นั้น ไม่ต้องกังวลจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง กว่าประเทศอื่น และจากการที่รัฐบาลจะมีการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในปีหน้า และเหลือ 20% ในปี 2556 นั้นก็จะเป็นตัวช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กลับบริษัทจดทะเบียนไทย และช่วยทำให้ตลาดหุ้นไทยมีพื้นฐานที่ดี สำหรับอีก 2-3 สัปดาห์สมาคมนักวิเคราะห์จะมีการสำรวจความเห็นวิเคราะห์เกี่ยวกับดัชนีตลาดหุ้นไทย ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับลดดัชนีตลาดหุ้นไทย จากที่วิกฤตหนี้ยุโรปนั้นมีความรุนแรงกว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

***ก.ล.ต ยืนยันระบบซื้อขายตลาดทุนมั่นคง

นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลดาหลักทรัพย์ (ก.ล.ต. ) กล่าวว่า จากการที่วานนี้ และสัปดาห์ที่ผ่านมา การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศ รวมถึงราคาของทองคำและโลหะเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน เนื่องจาก การปรับตัวและความผันผวนของราคาในตลาดโลก

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและขอให้ความมั่นใจว่าระบบการซื้อขาย การชำระเงินและส่งมอบหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ ซึ่งรวมถึงฐานะความมั่นคงของผู้ให้บริการในตลาดทุน เช่น ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน และตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความมั่นคง

**โบรกฯคาดหุ้นไทยยังผันผวน

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลงแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยปัจจัยลบยังมาจากเรื่องเดิมๆ คือความกังวลเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยนักลงทุนต่างชาติยังขายออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้น ประกอบกับเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หลังค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น กลุ่มพลังงานซึ่งมีน้ำหนักมากในตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างแรง

แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(27 ก.ย.) ในภาพรวมยังมีความผันผวน และต้องรอติดตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ พร้อมให้แนวรับ 868 จุด แนวต้าน 940 จุด

***'กรณ์'เตือนตลาดหุ้นถล่ม เศรษฐกิจทะลาย

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Korn Chatikavanij วานนี้ (25 ก.ย.) โดยระบุว่า “หุ้นจะถล่ม เศรษฐกิจจะทะลาย?” โดยระบุว่า “ปัญหาปัจจุบันมีอยู่สองจุดหลักคือ ยุโรป และ อเมริกา ที่ยุโรป ผมขอสรุปว่าเป็น ปัญหาการเมืองที่พูดอย่างนี้ก็เพราะถ้าเรามองทุกประเทศในยุโรปว่าเป็นเศรษฐกิจเดียวกัน ยุโรปก็จะเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแรงพอควร แต่ทางการเมืองประเทศที่เข้มแข็งยังไม่ยอมรับว่าต้องแบกรับภาระของประเทศที่อ่อนแอกว่า ปัญหาจึงยังแก้ไม่ได้

ส่วนที่อเมริกา เป็นปัญหาขาดความสมดุลทางการค้ากับประเทศอื่นๆ อย่างเช่นประเทศผลิตน้ำมันหรือประเทศจีนปัญหานี้แก้ยากกว่าครับ แก้ระยะสั้นก็คืออเมริกากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งก็จะเป็นดินพอกหางหมูต่อเนื่องและยากที่ โอบามาจะผลักดันได้ทางการเมืองแต่ถ้าไม่ทำ ก็หมายถึงการบริโภค ซึ่งลดลงและความถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก

ที่ยุโรปก็มีสองแนวคิดครับแนวแรกคือ ประเทศใหญ่ยอมร่วมอุ้มประเทศเล็กแนวที่สองคือ ยอมปล่อยให้ประเทศเล็กขัดเงื่อนใขการชำระหนี้และไปอุ้มสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้แทน คราวนี้เราต้องจับตาดูสัญญานอะไรบ้างที่จะพอบ่งชี้ได้ว่าโลกจะเป็นอย่างไร ผมว่ามี 5 เรื่องหลักครับ ต้องดูให้ดี ตาห้ามกระพริบ

1. ต้องดูกรีซให้ดี เพราะถ้ากรีซเอาไม่อยู่ ก็อาจจะมีผลเหมือนสมัยเลแมนน์ ตอนนี้จะออกหัวออกก้อยไม่แน่ เพราะการเมืองเยอรมันกับประเทศอื่นๆ อย่างเช่นฟินแลนด์ทำให้การอุ้มเป็นสิ่งที่ทำยากมาก
2. ต้องติดตามเหล่าธนาคารกลาง กำลังวังชาน้อยลงเยอะครับเมื่อเทียบกับสมัยปู่กรีนสแปนหรือแม้แต่ QE1 และ QE2 คงต้องดูว่า การเข้าไปซื้อพันธบัตรระยะยาว เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยลงมาจะส่งผลอย่างไรต่อกำลังซื้อของคนอเมริกัน ส่วนในประเทศต่างๆก็กำลังสับสนกันมากว่า ต้องเตรียมรับการชะลอตัวเศรษฐกิจ หรือต้องสู้เรื่องเงินเฟ้อต่อไป
3. การรายงานตัวเลขGDP ไตรมาส 3 ของประเทศหลักๆจะมีผลสำคัญ เพราะไตรมาส 2 อ่อนมาก แต่ยังมีข้ออ้างอย่างเช่น สึนามิ ที่ญี่ปุ่น
4. การเมืองภายในอเมริกาน่าเป็นห่วงเพราะดูเหมือนขาดเหตุผล เพราะเข้าฤดูเลือกตั้งแล้วจึงทำให้ขาดตวามมั่นใจว่า จะสามารถตัดสินใจในสิ่งที่ควรได้หรือไม่
5. ตลาดเงินตลาดทุนของโลก ถ้ามีความหวือหวาต่อเนื่อง อาจเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายได้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษและอเมริกา อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ100ปี นักลงทุนทิ้งทุกอย่างเพื่อแย่งกันซื้อพันธบัตรเหล่านี้ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้จะเกิดขึ้น เพราะนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจจะติดลบอย่างหนักเท่านั้น

ผมเองส่วนตัวมองว่าการที่มีการทิ้งหุ้นไทย ตามที่ปรากฏในหลายๆ วันที่ผ่านมา เป็นการตัดสินใจที่ไม่ถูกต้องโดยนักลงทุนต่างชาติยังไงๆไทยเราอยู่ในสถานภาพที่เข้มแข็งกว่าแต่ถ้าทั้ง 5 ข้อเบื้องบน ไม่เป็นไปในทิศทางที่ควร ก็ต้องเหนื่อยกันแน่ครับ คอยดูไว้ครับ ...เราจะได้ไม่เป็นเหยื่อของคนอื่น”
กำลังโหลดความคิดเห็น