ศ.นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า นอกจากประเทศที่มีสถานกงสุลใหญ่ประจำนครกวางโจว ได้แก่ ประเทศ ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สเปน และออสเตรเลียแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับเกียรติจากประเทศจีนเป็นเจ้าภาพร่วมจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่นครกวางโจว มลฑลกวางตุ้ง โดยจีนเห็นความสำคัญว่าไทยเรามีศักยภาพเชิงการค้ามากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคกลางทางเศรษฐกิจภายในกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ที่ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย ส่วนตอนบนของประเทศไทยก็มีกรอบสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจระหว่างพม่า ลาว และ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนของไทย
เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่าการไปร่วมงานครั้งนี้เป็นการสานความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีนและเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และยังเป็นการส่งเสริมและสร้างเครือข่ายธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในขยายฐานการค้ากับจีนและนานาชาติ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ ได้กำหนดจัดเป็น Thailand Pavilion ภายใต้แนวคิด Thai Lifestyle Sustainable Green Growth เป็นการสื่อสารภาพลักษณ์และวิถึชีวิตความเป็นไทย สร้างผู้ประกอบการ SMEs ไทยรวมทั้งผู้เข้าชมงาน “ช็อป ชม ชิม” จะมีสาธิตวิธีการปรุงอาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนและผู้เข้าร่วมชมงานซึ่งแบ่งเป็น 4 โซนด้วยกัน
โซนที่ 1 เป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ กับความสัมพันธ์ไทย-จีน ในวโรกาสครบรอบ 84 พรรษา และจำหน่ายสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพ ร้านภูฟ้า ฯลฯ โซนที่ 2 Thailand Showcase เป็นกิจกรรมธุรกิจต่าง ๆ ของไทย ที่มีความโดดเด่นและได้รับความสนใจจากชาวจีนและชาวต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ SMEs ไทย เป็นอาหารและเครื่องดื่ม Fashion Lifestyle เครื่องสำอางสมุนไพรไทย ฯลฯ โซนที่ 3 เป็นเวทีการแสดงกลาง Thai Zultural Zone จัดกิจกรรมแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย สัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้า การลงทุน ทั้งไทยและจีน เป็นต้น โซนที่ 4 เป็นการแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมงานกว่า 200 คูหา จัดสรรพื้นที่เพื่อการเจรจาธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการ
จึงเป็นโอกาสให้นักวิจัยไทยโดยการสนับสนุนของวช. ที่มีการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์แล้วได้มีโอกาสได้นำผลงานวิจัยเข้าร่วมแสดงศักยภาพของนักวิจัยไทย หลายโครงการ เช่น การใช้หอยหวานมาแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูปหลายอย่าง เป็นหอยหวานในน้ำซีอิ้วญี่ปุ่น แกงมัสมั่นหอยหวาน แกงกะหรี่หอยหวาน หอยหวานผัดซอส และแกงเผ็ดหอยหวาน เป็นต้น
เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่าการไปร่วมงานครั้งนี้เป็นการสานความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีนและเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยและแสดงถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทย และยังเป็นการส่งเสริมและสร้างเครือข่ายธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในขยายฐานการค้ากับจีนและนานาชาติ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพร่วมครั้งนี้ ได้กำหนดจัดเป็น Thailand Pavilion ภายใต้แนวคิด Thai Lifestyle Sustainable Green Growth เป็นการสื่อสารภาพลักษณ์และวิถึชีวิตความเป็นไทย สร้างผู้ประกอบการ SMEs ไทยรวมทั้งผู้เข้าชมงาน “ช็อป ชม ชิม” จะมีสาธิตวิธีการปรุงอาหารไทยที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนและผู้เข้าร่วมชมงานซึ่งแบ่งเป็น 4 โซนด้วยกัน
โซนที่ 1 เป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ กับความสัมพันธ์ไทย-จีน ในวโรกาสครบรอบ 84 พรรษา และจำหน่ายสินค้าของศูนย์ศิลปาชีพ ร้านภูฟ้า ฯลฯ โซนที่ 2 Thailand Showcase เป็นกิจกรรมธุรกิจต่าง ๆ ของไทย ที่มีความโดดเด่นและได้รับความสนใจจากชาวจีนและชาวต่างประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ SMEs ไทย เป็นอาหารและเครื่องดื่ม Fashion Lifestyle เครื่องสำอางสมุนไพรไทย ฯลฯ โซนที่ 3 เป็นเวทีการแสดงกลาง Thai Zultural Zone จัดกิจกรรมแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย สัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้า การลงทุน ทั้งไทยและจีน เป็นต้น โซนที่ 4 เป็นการแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมงานกว่า 200 คูหา จัดสรรพื้นที่เพื่อการเจรจาธุรกิจการค้าของผู้ประกอบการ
จึงเป็นโอกาสให้นักวิจัยไทยโดยการสนับสนุนของวช. ที่มีการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์แล้วได้มีโอกาสได้นำผลงานวิจัยเข้าร่วมแสดงศักยภาพของนักวิจัยไทย หลายโครงการ เช่น การใช้หอยหวานมาแปรรูปเป็นอาหารสำเร็จรูปหลายอย่าง เป็นหอยหวานในน้ำซีอิ้วญี่ปุ่น แกงมัสมั่นหอยหวาน แกงกะหรี่หอยหวาน หอยหวานผัดซอส และแกงเผ็ดหอยหวาน เป็นต้น