ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ข้าราชการ สวท.จ.ขอนแก่นสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ร้องปลัดสำนักนายก-ก.พ.ค.ไม่ได้รับความเป็นธรรมกรณีแต่งตั้งโยกย้าย เหตุเพียงเพราะผู้บริหารกรมบางคนมีอคติส่วนตัว ทั้งที่คุณสมบัติเข้าเกณฑ์พิจารณาเลื่อนขั้นครบ เผยต้องการรักษาสิทธิ-ศักดิ์ศรีความมนุษย์ และเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการรุ่นหลังกล้าเรียกร้องหาความเป็นธรรมาภิบาลในองค์กร หากถูกกดขี่เพียงเพราะไม่ใช่พวกหรือประจบสอพลอไม่เป็น เล็งยื่นศาลปกครองต่อหากเรื่องถูกดอง
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (27 ก.ย.)นางเพชรรัตน์ ไชยกาล อายุ 57 ปี ตำแหน่ง นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(สวท.) จ.ขอนแก่น สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1ขอนแก่น ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังจากไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นตำแหน่ง ทั้งที่ มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ทุกประการ และเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งจากผู้บริหารระดับรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์บางคนที่มีอคติกับตน
ทั้งนี้ ตนได้ทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมการพิจารณาข้าราชการระดับชำนาญการไปยังปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก และได้ร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นไปยังประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)แล้วเช่นกัน
การออกมาร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรม และการพิจารณาตำแหน่งอย่างไม่ชอบธรรมครั้งนี้ นางเพชรรัตน์กล่าวย้ำว่า เพราะตนต้องการรักษาสิทธิควรมีควรได้ และเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การเป็นข้าราชการที่ดีที่ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ และอดทนสร้างผลงานและชื่อเสียงให้องค์กรมาโดยตลอด
ที่สำคัญต้องการเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์รุ่นใหม่ หรือเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการบริหารราชการ กล้าที่จะออกมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ ศักดิ์ศรีของตนเองหากไม่ได้รับความเป็นธรรม และเชื่อว่าไม่ได้มีแต่ตนเท่านั้นที่ถูกกระทำ เพียงเพราะอคติของผู้บริหารองค์กรบางคน
นางเพชรรัตน์ระบุอีกว่าประวัติการทำงานของตนทั้งด้านระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ระดับชำนาญการ (ระดับ 7 เดิม) ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค 2543 จนถึงปัจจุบันยาวนาน 11 ปี 5 เดือน อัตราเงินเดือน อายุราชการ และการครองตำแหน่งถือว่า มากกว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ทุกราย ซึ่งต่างก็สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 เช่นกัน โดยผู้ที่ได้รับการพิจารณาเข้าสู่ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สวท.จ.ชัยภูมิ จ.บึงกาฬ และสวท.อ. ด่านซ้าย จ.เลย และ ผู้มีรายชื่อในลำดับ 2-3 ทุกคนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่นนั้น มีอายุราชการในการครองตำแหน่งในระดับ 7 นั้นมีอายุการครองตำแหน่งน้อยกว่าตนคนละไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
“การที่ตนกล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และเปิดเผยข้อมูลระบบการบริหารที่เลือกปฏิบัติเฉพาะพวกพ้องหรือโปรโมตตำแหน่งให้เฉพาะข้าราชการที่ประจบสอพลอ ไม่ได้เป็นการก้าวร้าว แต่เป็นข้อเท็จจริงที่อยากให้สังคมรับรู้ และร่วมกันตรวจสอบให้สังคมของกรมประชาสัมพันธ์ เป็นสังคมที่น่าอยู่ ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ตั้งใจทำงานจริงๆมีที่ยืนได้อย่างสมศักดิ์ศรี อยากให้องค์กรแห่งนี้มีความเป็นธรรมาภิบาลบ้าง”นางเพชรรัตน์กล่าวและยอมรับว่า
บุคลิกการทำงานของตน อาจจะไม่เป็นที่พอใจของรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์บางคนที่เคยนั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 เพราะตนเป็นคนตรงไปตรงมา ยึดการทำงานเป็นหลัก เอาใจนายไม่เป็น ไม่วิ่งเข้าหานักการเมือง สิ่งไหนที่ไม่ชอบมาพากลตนจะไม่ยอม เพราะถือเป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นางเพชรรัตน์กล่าวว่าข้อมูลการบริหารงานที่ไม่ชอบธรรมของผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์บางคน โดยเฉพาะการใช้อำนาจมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นตนได้รวบรวมแนบไปกับหนังสือร้องเรียนไปยัง ก.พ.ค.และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหมดแล้วเพื่อใช้สนับสนุนการพิจารณาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และหากการร้องเรียนครั้งนี้ไม่มีผลหรือเรื่องเงียบหายไป ตนจะใช้สิทธิดำเนินการร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (27 ก.ย.)นางเพชรรัตน์ ไชยกาล อายุ 57 ปี ตำแหน่ง นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย(สวท.) จ.ขอนแก่น สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1ขอนแก่น ได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังจากไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นตำแหน่ง ทั้งที่ มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ทุกประการ และเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งจากผู้บริหารระดับรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์บางคนที่มีอคติกับตน
ทั้งนี้ ตนได้ทำหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมการพิจารณาข้าราชการระดับชำนาญการไปยังปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก และได้ร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นไปยังประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.)แล้วเช่นกัน
การออกมาร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรม และการพิจารณาตำแหน่งอย่างไม่ชอบธรรมครั้งนี้ นางเพชรรัตน์กล่าวย้ำว่า เพราะตนต้องการรักษาสิทธิควรมีควรได้ และเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ การเป็นข้าราชการที่ดีที่ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ และอดทนสร้างผลงานและชื่อเสียงให้องค์กรมาโดยตลอด
ที่สำคัญต้องการเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์รุ่นใหม่ หรือเพื่อนข้าราชการคนอื่นๆที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการบริหารราชการ กล้าที่จะออกมาต่อสู้เรียกร้องสิทธิ ศักดิ์ศรีของตนเองหากไม่ได้รับความเป็นธรรม และเชื่อว่าไม่ได้มีแต่ตนเท่านั้นที่ถูกกระทำ เพียงเพราะอคติของผู้บริหารองค์กรบางคน
นางเพชรรัตน์ระบุอีกว่าประวัติการทำงานของตนทั้งด้านระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ระดับชำนาญการ (ระดับ 7 เดิม) ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค 2543 จนถึงปัจจุบันยาวนาน 11 ปี 5 เดือน อัตราเงินเดือน อายุราชการ และการครองตำแหน่งถือว่า มากกว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ทุกราย ซึ่งต่างก็สังกัดสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 เช่นกัน โดยผู้ที่ได้รับการพิจารณาเข้าสู่ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สวท.จ.ชัยภูมิ จ.บึงกาฬ และสวท.อ. ด่านซ้าย จ.เลย และ ผู้มีรายชื่อในลำดับ 2-3 ทุกคนจากสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 ขอนแก่นนั้น มีอายุราชการในการครองตำแหน่งในระดับ 7 นั้นมีอายุการครองตำแหน่งน้อยกว่าตนคนละไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี
“การที่ตนกล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม และเปิดเผยข้อมูลระบบการบริหารที่เลือกปฏิบัติเฉพาะพวกพ้องหรือโปรโมตตำแหน่งให้เฉพาะข้าราชการที่ประจบสอพลอ ไม่ได้เป็นการก้าวร้าว แต่เป็นข้อเท็จจริงที่อยากให้สังคมรับรู้ และร่วมกันตรวจสอบให้สังคมของกรมประชาสัมพันธ์ เป็นสังคมที่น่าอยู่ ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ตั้งใจทำงานจริงๆมีที่ยืนได้อย่างสมศักดิ์ศรี อยากให้องค์กรแห่งนี้มีความเป็นธรรมาภิบาลบ้าง”นางเพชรรัตน์กล่าวและยอมรับว่า
บุคลิกการทำงานของตน อาจจะไม่เป็นที่พอใจของรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์บางคนที่เคยนั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 1 เพราะตนเป็นคนตรงไปตรงมา ยึดการทำงานเป็นหลัก เอาใจนายไม่เป็น ไม่วิ่งเข้าหานักการเมือง สิ่งไหนที่ไม่ชอบมาพากลตนจะไม่ยอม เพราะถือเป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นางเพชรรัตน์กล่าวว่าข้อมูลการบริหารงานที่ไม่ชอบธรรมของผู้บริหารกรมประชาสัมพันธ์บางคน โดยเฉพาะการใช้อำนาจมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นตนได้รวบรวมแนบไปกับหนังสือร้องเรียนไปยัง ก.พ.ค.และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีหมดแล้วเพื่อใช้สนับสนุนการพิจารณาตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และหากการร้องเรียนครั้งนี้ไม่มีผลหรือเรื่องเงียบหายไป ตนจะใช้สิทธิดำเนินการร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองต่อไป