xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยได้ที!ยื่นดีเอสไอฟันCCTVเก๊

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “อภิรักษ์”สวนกลับสมัยรัฐบาล “แม้ว”ติดตั้งกล้องปลอมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กว่า 7 พันตัว ยันติดตั้งกล้องพรางตามหลักสากล “มาร์ค”ท้ายื่นปปช.สอบ ซัดอย่าหวังซ้อนเร้น ด้าน “เพื่อไทย” ไม่เชื่อมือ “วสิษฐ เดชกุญชร”ปูด! 5 บริษัทส่อฮั้วประมูล พร้อมยื่น “ดีเอสไอ” ฟัน ขณะที่ "ภาณุ"รับช่วง "ยิงสนธิ" กล้องจริงเสีย

วานนี้ (22 ก.ย.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดถามรมว.มหาดไทย เรื่องปัญหาความไม่ปลอดในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า การติดตั้งกล้องซีซีทีวีในเขตบริเวณกรุงเทพมหานคร ที่มีทั้งกล้องจริงและกล้องเปล่า ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีการตั้งคณะกรรมการในการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ และจะเข้าไปตรวจสอบเรื่องงบประมาณอย่างไร เพราะในปี 2550-2551 ในสมัยอภิรักษ์ โกษะโยธิน มีการของบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล 330 ล้าน โดยมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีทั้งหมด 2,046 ตัว เป็นของปลอม 1325 ตัว มีของจริงเพียง 721 ตัว และเมื่อเอาเงิน 330 ล้านบาทมาหารกับของจริงที่มีจำนวน 721 ตัวเท่ากับว่าใช้งบประมาณ 4 แสนบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าการติดตั้งกล้องหลอกมีการติดตั้งเฉพาะกล่องแต่ไม่มีตัวกล้อง อยากถามว่ามีการส่วมอบกล้องอย่างถูกต้องหรือไม่

นายฐานิสต์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ตนเพิ่งทราบว่ามีทั้งกล้องจริงและกล้องปลอมในเขต กทม. ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้เร่งดำเนินการตรวจสอบแล้ว โดยยืนยันว่าหากมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีรัฐบาลชุดนี้ก็จะไม่ใช้ของปลอมแน่นอน และต้องยึดความซื่อสัตย์ สุจริต โดยจะใช้อำนาจของกระทรวงมหาดไทยเข้าตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต นอกจากนี้ มีคณะกรรมการกำกับดูแลในทุกภาคส่วน หากพบว่ามีการกระทำผิดในการทุจริตรัฐบาลจะเร่งดำเนินการ

ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงในฐานะที่ถูกพาดพิงว่า การของบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลในปี 2550-2551 จำนวน 330 ล้านบาทเป็นขอติดตั้งกล้องจำนวน 3,371 ตัว เป็นกล้องจริง 2,046 ตัวและของปลอม 1,325 ไม่มีตัวเลขของจริง721 ตัวตามที่นายจิรายุกล่วอ้าง

นอกจากนี้ ในปี 2547 สมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการผลักดันเรื่องการติดตั้งกล้องซีซีทีวีใน-3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีการติดตั้งกล้องของปลอมจำนวน 7,000 ตัว แต่มีของจริงเพียง 3,000 ตัวเท่านั้น โดยไม่ใช่คำว่ากล้องปลอมแต่ใช้คำว่ากล้องพราง ทั้งนี้ ยืนยันว่าการติดตั้งกล้องพรางเป็นไปตามาตรฐานสากลที่ต่างประเทศใช้

**ค้านตั้ง"วสิษฐ"สอบหวั่นสาวไม่ถึง

ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า วิธีการดังกล่าวเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้บ่อยครั้ง เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะให้คนของตัวเองมาปัดกวาดให้ และก็เป็นเพียงการแต่งตั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.วสิษฐ มีทัศนคติละแนวทางเป็นไปในทางเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์โดยตลอด เพราะฉะนั้นหาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ตั้งใจจริงที่จะตรวจสอบปัญหานี้ ก็ขอให้มีการแต่งตั้งบุคคลที่น่าเชื่อถือว่าตรวจสอบ

**พท.แฉ!! 5 บริษัทส่อฮั้วประมูล

ตนได้รับทราบจากแหล่งข่าวของตนว่า การจัดซื้อกล้องวงจรปิดเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมีการฮั้วประมูลซึ่งบริษัทดังกล่าวนั้นมีความสนิทสนามกับ กทม.มาตั้งแต่สมัย นายอภภิรักษ์ และปัจจุบันก็ยังเป็นผู้ประสานงานให้กับ กทม.อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้หากเป็นงานทางด้านโยธาแล้ว บริษัทอักษรย่อ ย.ก็จะเป็นผู้ได้รับการประสานงานทุกครั้ง แต่หากเป็นงานทางด้านไอที ก็จะเป็นของบริษัทอักษรย่อ จ.และในการประมูลก็จะมีการล็อดสเปกให้กับบริษัทอักษรย่อ ท.และ A ทั้งนี้ในสัญญา TOR ของกทม.นั้นจะมีการระบุว่า การส่งมอบงานขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ กทม. ส่งผลให้งานที่บริษัทอื่น ๆ ที่ไม่ไดมีความคุ้นเคย พอนำงานมาส่งก็จะมีการตีกลับไป และเอาต่พวกพ้องของตัวเอง

**โบ้ย “พท.” สอบได้แต่อย่ามั่ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณี2 ผู้ว่ากทม.พูดไม่ตรงกันนั้น ไม่มีปัญหาอะไร มีเพียงแค่ถ้อยคำที่ไม่ตรงกัน ส่วนปัญหาดังกล่าวจะทำให้ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพเสียหรือไม่นั้น ตนไมได้กังวลอะไร ผู้ว่าฯ มีหน้าที่บริหารส่วนเรื่องการเลือกตั้งก็ว่ากันไป หากพรรคเพื่อไทยจะมีการร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ปล่อยให้ทำไป เพราะก็พยายามให้มีการตรวจสอบทุกเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์เคยดำเนินการอยู่แล้วโดย กรณีดังกล่าวกลายเป็นความพยายามทำให้สับสนว่าอาจจะมีการซื้อกล้องพรางในราคากล้องจริงหรือไม่ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบราคาการจัดซื้อและไม่พบอะไรผิดปกติ สามารถตรวจสอบได้

**มาร์คซัด พท.อย่าหวังซ้อนเร้น

ส่วนที่มีการกล่าวอ้างคำพูดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ว่าการจัดซื้อกล้องดัมมี่ของนายอภิรักษ์เป็นวิธีการที่ไม่ฉลาดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ คงไม่ได้หมายความแบบนั้น เวลาที่มีงบจำกัดและพยายามทำให้ครอบคลุมพื้นที่ก็จะมีการทำมาบางส่วน และเข้าใจว่าในพื้นที่กรุงเทพฯนั้นจะมีการปรับต่อไป และเป็นเรื่องที่ กทม.ต้องเปิดให้ดูศูนย์ควบคุมให้สื่อมวลชนทราบ โดยที่ไม่กระทบกระเทือนต่อความปลอดภัย ส่วนกล้องพรางนั้นก็ถือว่ามีประโยชน์

อย่างไรก็ตามกรณีที่พรรคเพื่อไทยพยายามออกมาตรวจสอบนั้น ต้องย้อนถามว่ามีนัยยะอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ แต่ตนสังเกตว่าเป็นความพยายามสร้างประเด็นขึ้นมา เพื่อให้กระแสสังคมเกิดความสนใจ ทั้งที่พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ทำตามนโยบายที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ทั้งค่าเรื่องเงินเดือน ค่าจ้างรายวัน ของแพง และปัญหาน้ำท่วมที่เป็นปัญหาใหญ่

**กทม.ตั้ง “วสิษฐ”ประธานสอบ

รายงานข่าวแจ้งว่า กทม.ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กทม. เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นด้วยนั้น

**กทม.แก้เกี้ยวดัมมี่ เปิดใส่กล้องจริง

นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่ากทม. กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.)พิจารณาแก้ไขในส่วนของกล้องหลอกที่มีอยู่ทั้งหมด โดย1.ถ้ามีการถอดกล้องดัมมี่ออกจะสามารถนำไปใช้งานต่อที่ชุมชนอื่นต่อ ตามโครงการในงบประมาณปี 2555 รองรับ หรือ 2.ถ้าไม่ถอดแล้วยังมีกล้องดัมมี่อยู่ตรงนั้น ก็ควรมีกล้องจริงเข้าไปใส่ ซึ่งต้องตั้งงบประมาณเรื่องสายกล้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตามกฎหมายแล้วเมื่อกทม.ประมูลนำกล้องปลอมมาติดตั้งเพื่อใช้ประโยชน์แล้ว จะถอดออกโดยไม่นำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้

ขณะที่การตรวจสอบ เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่าการให้ พล.ต.อ.วสิษฐ มาตรวจสอบจะไม่เป็นกลางนั้น ตนคิดว่านอกจากคณะกรรมการที่กทม.ตั้งขึ้นแล้ว ทุกหน่วยงานก็สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ และยินดีให้เจาะลึกรายละเอียดที่มาที่ไปทุกอย่าง เพื่อให้ทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนได้เข้าใจข้อมูลที่แท้จริง เนื่องจากกทม.ตั้งใจที่จะดำเนินการไม่ได้เป็นการทุจริตหรือหลอกลวง

** เด็จพี่ร้องดีเอสไอสอบซีซีทีวีกทม.

วันเดียวกันนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยื่นหลักฐานและข้อมูลเบื้องต้นให้ดีเอสไอตรวจสอบโครงการจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ของกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเงา ตั้งคณะทำงานเข้าไปตรวจสอบการทำงานของกทม.และการจัดซื้อกล้องดังกล่าวในลักษณะคู่ขนานกับการทำงานของดีเอสไอและพรรคเพื่อไทย อย่าปกป้องพวกเดียวกันเอง

ด้านนายธาริต กล่าวต่อว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ตรวจสอบขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดโดยเร็ว หากตรวจพบหลักฐานว่ามีการจัดซื้อโดยไม่ถูกต้อง หรือเข้าข่ายทุจริตฮั้วประมูลก็สามารถเสนอให้รับเป็นคดีพิเศษได้ทันที

**"ภาณุ"รับช่วง "ยิงสนธิ" กล้องจริงเสีย

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.) กล่าวว่า กล้องวงจรปิดของ กทม.ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่สามารถใช้ได้จริง หรือเป็นกล้องเปล่า จะถูกติดตั้งต่ำกว่ากล้องของตำรวจจราจร ซึ่งเป็นกล้องจริง แต่ที่ผ่านมา คดีสำคัญหลายคดี อาทิ เหตุจี้ตัวประกันและยิงตำรวจเสียชีวิต ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็ได้ภาพจากกล้อง กทม.ช่วยในงานด้านสืบสวนเป็นผลต่อรูปคดีอย่างมาก

มีบางทีคดีที่กล้องจริงไม่ทำงานเช่นคดี ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถนนสามเสน กล้องวงจรปิดนั้นเป็นของจริง แต่ไม่สามารถจับภาพคนร้ายได้ เนื่องจาก ไฟฟ้ากระตุกทำให้ระบบการอัดภาพไม่สามารถใช้การได้ โดยยอมรับว่า กล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร มีประโยชน์ต่องานสืบสวนมากกว่ากล้องวงจรปิดของเอกชนอย่างแน่นอน เพราะมีจำนวนมาก เกือบทุกพื้นที่
กำลังโหลดความคิดเห็น