xs
xsm
sm
md
lg

พท.ปัดมาตรการลดภาษีบ้าน เอื้อ เอสซี แอสเสท แต่หวังลดภาระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์
ทีมโฆษกเพื่อไทย ปัด มาตรการลดภาษีบ้านหลังแรก ไม่ได้เอื้อประโยชน์ ให้ เอสซี แอสเสท ย้ำ ทำตามเสียงเรียกร้องประชาชน หวังลดภาระ “จิรายุ” ปูดมีไอ้โม่งไล่ปลด “กล้องหลอก” หลังโดนแฉ จี้ กทม.เปิดทีโออาร์ จ่อยื่น ป.ป.ช.-สตง.สอบต่อ หลังพบพิรุธหลายอย่าง สงสัยติดกล้องดัมมี่ทำไม เหตุใช้งบแค่ 5 ล้านบ.นอกกว่างบพีอาร์ผู้ว่าฯ กทม.เป็น 100 เท่า เตรียมขุดฮั้วประมูลหลังพบ บ.หน้าเดิมได้งานประจำ แถมมีผู้บริหารบางบริษัทบริจาคให้พรรคการเมือง


วันนี้ (21 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ มีการกล่าวถึงมาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาลที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ว่า ในหลักเกณฑ์การเพิ่มวงเงินมูลค่าที่อยู่อาศัยจาก 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาทนั้น เป็นการเชื่อได้ว่า มีการนำภาษีจากคนชั้นกลางไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว โดยผลจากการขยายวงเงินนั้นได้ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในเครือของ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ได้รับประโยชน์กว่า 1,000 ยูนิต และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ เอสซี แอสเสท กว่า 3 พันล้านบาท ว่า ตนขอปฏิเสธในนามของพรรคเพื่อไทย และขอยืนยันว่า การกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงแค่การใส่ร้ายป้ายสี เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว เอสซี แอสเสท มีการปลูกบ้านขายในราคา 5 ล้านบาท เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ ของธุรกิจ เพราะฉะนั้นการกล่าวหาว่า เอสซี แอสเสท ได้รับประโยชน์กว่า 3 พันล้านนั้น จึงเป็นเพียงการดิสเครดิตรัฐบาล

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า การทำงานของรัฐบาลหวังที่จะลดภาระให้กับประชาชน ตามที่ได้หาเสียงเอาไว้ ไม่ได้หวังเอื้อประโยชน์ให้กับใคร แตกต่างจากรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาบริหารประเทศกว่า 2 ปี กับไม่ได้สร้างผลงานค่าภาระให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งพอรัฐบาลของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำได้ ก็ออกมาดิสเครดิตแบบไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ตนอยากจะเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ให้เริ่มเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ได้แล้ว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ได้แถลงข่าวถึงการตรวจสอบการติดตั้งกล้องวงจรปิดของ กทม.มูลค่า 2.4 พันล้านบาท ซึ่งมีข่าวว่า มีส่วนหนึ่งเป็นกล้องดัมมี่ หรือกล้องหลอก ว่า ตนอยากทราบเงื่อนไขการประกวดราคา หรือ ทีโออาร์ ของการจัดซื้อกล้อง ว่า มีการตั้งงบประมาณ และรายละเอียดไว้สำหรับกล้องหลอกหรือไม่ และกล้องดังกล่าวมีการติดตั้งระบบสัญญาณไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะระบบไฟเบอร์ออปติก หรือระบบไวเลสด้วยหรือไม่ โดยทางพรรคจะดำเนินการยื่นเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพราะได้ตรวจสอบพบพิรุธในหลายเรื่อง อาทิ เมื่อปีที่ผ่านมามีการเทงบประมาณไปที่สำนักงานจรจาจรและขนส่ง (สจส.) มากกว่าสำนักงานโยธา (สนย.) ซึ่งขัดต่อหลักความเป็นจริง และทำให้เห็นว่า กทม.ทุ่มเทในส่วนของโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างผิดสังเกต

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกล้องหลอกที่ไม่มีวงจรภายในที่ติดตั้งไปแล้ว 500 ตัวนั้น เป็นกล้องหลอกหรือเป็นกล้องที่รอการติดตั้งกล้องจริง เพราะที่ผ่านมามีการให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ซึ่งหาก กทม.มีความตั้งใจแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจริง จะเห็นได้ว่า การติดตั้งกล้องจริงจำนวน 500 ตัว ในราคาตัวละ 1 หมื่นบาทจะสามารถใช้งบประมาณเพียง 5 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าการใช้งบประมาณประชาสัมพันธ์ของผู้ว่าฯ กทม.ที่ใช้ปีละ 500 ล้านบาทด้วยซ้ำ

นายจิรายุ ยังได้ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า นอกจากนี้ยังพบความพิรุธในเรื่องการประมูลซื้อกล้องอาจมีเรื่องเกี่ยวกับการฮั้วประมูลในหลายครั้ง ตั้งแต่ปี 53 ในสมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม.ที่เป็นบริษัทหน้าเดิมๆ ได้รับการประมูล ทั้งที่มีบริษัทที่จัดจำหน่วยกล้องวงจรปิดในประเทศไทยมากมาย

“เป็นที่น่าสังเกตว่า กรรมการบริหารในบริษัทที่ชนะประมูลการประกวดกล้องวงจรปิดของ กทม. ยังเป็นผู้บริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองบางพรรคอีกด้วย ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันต่อไป” ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าว

ในส่วนของการตรวจสอบเบื้องต้นนั้น นายจิรายุ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯของพรรคเพื่อไทยได้มีการติดตามโดยลงพื้นที่ตั้งแต่มีข่าวออกมา และพบว่ามีไอ้โม่งหรือคนชุดดำมาถอดกล้องวงจรปิดที่เป็นกล้องดัมมี่ออกไป อยางไรก็ดีทางพรรคจะมีการประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่กองบังคับการตำรวจจราจร หรือ บก.02 ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดซ้อนเอาไว้มาตรวจสอบดูว่ามีผู้มาถอดกล้องออกจริงหรือไม่ และในวันที่ 22 ก.ย.จะนำคณะสื่อมวลชนไปตรวบสอบในพื้นที่ว่ามีใครร้อนลนถอดกล้องออกไปอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น