ASTVผู้จัดการรายวัน-ผบ.ทร.ฉุนรมว.กลาโหม กล่าวหาซื้อเรือดำน้ำไม่โปร่งใส ไม่คุ้มค่า จนต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทบทวนใหม่อีกรอบ ท้าไปถามพวกพ่อค้าแม่ค้าอาวุธได้ทุกคน เคยเคาะกะลาขอเงินใน 3 ปี ที่เป็นผบ.ทร.หรือไม่ ยันทำดีที่สุดให้กับกองทัพเรือ และประเทศชาติ
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เปิดเผยถึงโครงการซื้อเรือดำน้ำมือสอง ยู 206 เอ จากประเทศเยอรมนี วานนี้ (20 ก.ย.) ว่า คณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงกลาโหม ที่มี 7 คน กำลังพิจารณา ส่วนผลสรุปจะออกมาอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่คิดว่า กองทัพเรือชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง ส่วนที่กองทัพเรือเยอรมนีขอคำตอบ ไทยจะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้นั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ทราบถึงข้อนี้ดี ซึ่งคิดว่ากระบวนการพิจารณาน่าจะทัน ส่วนผลออกมาจะเป็นบวกหรือลบ ก็ไม่ว่ากัน เพราะได้แสดงเจตจำนง ได้ชี้แจงเหตุผลให้คณะกรรมการ ตอบได้ทุกคำถาม
ส่วนจะขอให้กองทัพเรือเยอรมนี ยืดเวลาซื้อออกไปได้หรือไม่นั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เคยคุยอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรักษาคำพูด แต่หากเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ก็ต้องว่ากันอีกที แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดี หากเรื่องยังไม่จบน่าจะพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าโครงการเรือดำน้ำน่าจะผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนสิ้นเดือนนี้ เพราะกระทรวงกลาโหมทราบข้อจำกัดของเรา
สำหรับกรณีที่รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อมูลของกองทัพเรือที่ส่งไปยังไม่เป็นที่พอใจเรื่องงบประมาณ และความโปร่งใสนั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า มีข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสด้วยหรือ เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยเรื่องการซ่อมปรับสภาพเรือ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ตนไม่ว่าอะไร เพราะได้บอกข้อเท็จจริงไปหมดแล้วว่า เราโปร่งใส สะอาด บริสุทธิ์ คุ้มค่า หรือไม่คุ้มค่า ดูแค่การผ่าเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่คงไม่พอ ซึ่งการดำเนินการผ่าแบตเตอรี่ในกรณีเดียวกันทางประเทศอินโดนีเซีย ที่มีการซ่อมที่ประเทศเกาหลีใต้ ก็ต้องผ่าเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติในการผ่าแบตเตอรี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เราก็ตอบคำถามทุกอย่างไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.กลาโหม ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ผลสรุปที่ออกมาอาจจะต้องจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่เยอรมนี พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า คณะกรรมการหลายชุดได้พิจารณาทบทวนมาแล้วก็คิดเหมือนกัน ใครจะรู้ดีเท่าทหารเรือ ใครถามอะไรตอบได้หมด แต่ผลจะออกมาอย่างไร ตนคงไปว่าอะไรไม่ได้ ประเทศชาติไม่ใช่ของตนคนเดียว
เมื่อถามว่า สงสัยหรือไม่เหตุใดการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ทางกระทรวงกลาโหมจึงต้องตั้งคณะกรรมการทบทวน ไม่เหมือนโครงการของเหล่าทัพอื่น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ซึ่งเรื่องที่คนอื่นไม่มีความรู้มาก่อนไม่สามารถตัดสินใจได้ และต้องเชื่อทหารเรือ เพราะไม่มีใครมีความรู้ ดีเท่าทหารเรือ ก็ต้องถามทหารเรือ แต่เมื่ออ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องมีคณะกรรมการพิจารณา และต้องตอบคำถามให้เข้าใจ เมื่อเราชี้แจง ทำความเข้าใจเต็มที่แล้ว ก็จบหน้าที่กองทัพเรือ ผลจะออกมาอย่างไร ก็ไม่ว่าอะไร
"ผมพยายามทำดีที่สุด ทำให้กองทัพเรือ ให้ประเทศชาติ และถ้าพูดว่าทบทวนเพื่อความโปร่งใส ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบอกว่ามีความไม่โปร่งใส ก็อย่ามาพูดเรื่องนี้กับผมดีกว่า ลองไปถามพ่อค้า แม่ค้าอาวุธที่รู้จักกับผมทุกคนว่า ผบ.ทร.คนนี้เป็นอย่างไร ก็จะรู้ว่าโปร่งใสแค่ไหน จะไปถามกี่บริษัทก็ได้ ถามเลย ดูว่าเขาจะตอบอย่างไร เรื่องสตางค์แดงเดียวผมเคยเกี่ยวข้อง หรือเคยเคาะกะลาไหมใน 3 ปี ที่ผมเป็น ผบ.ทร. แต่ถ้ายังสงสัยเรื่องความโปร่งใส ผมก็ช่วยไม่ได้"พล.ร.อ.กำธรกล่าว
พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เปิดเผยถึงโครงการซื้อเรือดำน้ำมือสอง ยู 206 เอ จากประเทศเยอรมนี วานนี้ (20 ก.ย.) ว่า คณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงกลาโหม ที่มี 7 คน กำลังพิจารณา ส่วนผลสรุปจะออกมาอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่คิดว่า กองทัพเรือชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง ส่วนที่กองทัพเรือเยอรมนีขอคำตอบ ไทยจะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้นั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ทราบถึงข้อนี้ดี ซึ่งคิดว่ากระบวนการพิจารณาน่าจะทัน ส่วนผลออกมาจะเป็นบวกหรือลบ ก็ไม่ว่ากัน เพราะได้แสดงเจตจำนง ได้ชี้แจงเหตุผลให้คณะกรรมการ ตอบได้ทุกคำถาม
ส่วนจะขอให้กองทัพเรือเยอรมนี ยืดเวลาซื้อออกไปได้หรือไม่นั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า เคยคุยอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรักษาคำพูด แต่หากเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ก็ต้องว่ากันอีกที แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดี หากเรื่องยังไม่จบน่าจะพูดคุยกันได้ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าโครงการเรือดำน้ำน่าจะผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนสิ้นเดือนนี้ เพราะกระทรวงกลาโหมทราบข้อจำกัดของเรา
สำหรับกรณีที่รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อมูลของกองทัพเรือที่ส่งไปยังไม่เป็นที่พอใจเรื่องงบประมาณ และความโปร่งใสนั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า มีข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสด้วยหรือ เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยเรื่องการซ่อมปรับสภาพเรือ พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ตนไม่ว่าอะไร เพราะได้บอกข้อเท็จจริงไปหมดแล้วว่า เราโปร่งใส สะอาด บริสุทธิ์ คุ้มค่า หรือไม่คุ้มค่า ดูแค่การผ่าเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่คงไม่พอ ซึ่งการดำเนินการผ่าแบตเตอรี่ในกรณีเดียวกันทางประเทศอินโดนีเซีย ที่มีการซ่อมที่ประเทศเกาหลีใต้ ก็ต้องผ่าเหมือนกัน เป็นเรื่องปกติในการผ่าแบตเตอรี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เราก็ตอบคำถามทุกอย่างไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.กลาโหม ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ผลสรุปที่ออกมาอาจจะต้องจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่เยอรมนี พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า คณะกรรมการหลายชุดได้พิจารณาทบทวนมาแล้วก็คิดเหมือนกัน ใครจะรู้ดีเท่าทหารเรือ ใครถามอะไรตอบได้หมด แต่ผลจะออกมาอย่างไร ตนคงไปว่าอะไรไม่ได้ ประเทศชาติไม่ใช่ของตนคนเดียว
เมื่อถามว่า สงสัยหรือไม่เหตุใดการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ทางกระทรวงกลาโหมจึงต้องตั้งคณะกรรมการทบทวน ไม่เหมือนโครงการของเหล่าทัพอื่น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ซึ่งเรื่องที่คนอื่นไม่มีความรู้มาก่อนไม่สามารถตัดสินใจได้ และต้องเชื่อทหารเรือ เพราะไม่มีใครมีความรู้ ดีเท่าทหารเรือ ก็ต้องถามทหารเรือ แต่เมื่ออ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องมีคณะกรรมการพิจารณา และต้องตอบคำถามให้เข้าใจ เมื่อเราชี้แจง ทำความเข้าใจเต็มที่แล้ว ก็จบหน้าที่กองทัพเรือ ผลจะออกมาอย่างไร ก็ไม่ว่าอะไร
"ผมพยายามทำดีที่สุด ทำให้กองทัพเรือ ให้ประเทศชาติ และถ้าพูดว่าทบทวนเพื่อความโปร่งใส ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าบอกว่ามีความไม่โปร่งใส ก็อย่ามาพูดเรื่องนี้กับผมดีกว่า ลองไปถามพ่อค้า แม่ค้าอาวุธที่รู้จักกับผมทุกคนว่า ผบ.ทร.คนนี้เป็นอย่างไร ก็จะรู้ว่าโปร่งใสแค่ไหน จะไปถามกี่บริษัทก็ได้ ถามเลย ดูว่าเขาจะตอบอย่างไร เรื่องสตางค์แดงเดียวผมเคยเกี่ยวข้อง หรือเคยเคาะกะลาไหมใน 3 ปี ที่ผมเป็น ผบ.ทร. แต่ถ้ายังสงสัยเรื่องความโปร่งใส ผมก็ช่วยไม่ได้"พล.ร.อ.กำธรกล่าว