xs
xsm
sm
md
lg

ปภ.เตือนซ้ำ 36จังหวัดเสี่ยง น้ำป่า-โคลนถล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูมิภาค-ปภ.เตือนซ้ำอีก 36 จังหวัดเหนือ อีสาน เตรียมรับมือน้ำป่า โคลนถล่ม ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 ก.ย. ย่านธุรกิจเมืองหนองคายอ่วมอีกรอบ หลังฝนถล่มหนักระบายน้ำไม่ทัน "ชัยภูมิ"วิกฤตน้ำท่วมสูงชาวบ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกหลายหมู่บ้าน สังเวยแล้ว 5 ศพ ส่วน"ตรัง"น้ำป่าทะลักท่วม 3 อำเภอ บ้านพัง 5 หลัง ประชาชนกว่าหมื่นคนเดือดร้อนหนัก เลขาธิการ กพฐ.สั่งเร่งเยี่ยวยาโรงเรียนกว่า 2 พันโรง

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ราบลุ่ม รวม 36 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี หนองบัวลำภู เลย หนองคาย อุดรธานี บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ชัยภูมิ นครราชสีมา สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 20-25 ก.ย.นี้

"ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ เช่น น้ำในลำธารเปลี่ยนสีเป็นสีเดียวกันกับดินบนภูเขา ฝนตกหนักนานเกินกว่า 6 ชั่วโมง ปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีต้นไม้ขนาดเล็กไหลปนมากับน้ำ เป็นต้น ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มขึ้นได้ ให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ในทันที"

ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ ตลอดจนจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และดินถล่มสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

**น้ำท่วมย่านเศรษฐกิจหนองคายจม
ที่ จ.หนองคาย หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนักเมื่อกลางดึกวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา จนถึงเช้าวานนี้ (20ก.ย.) ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันบริเวณใจกลางเมืองหนองคาย ถนนประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลเมืองหนองคาย ย่านธุรกิจสายสำคัญของ จ.หนองคาย ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซ.ม.ยาวต่อเนื่องเป็นระยะทางประมาณ 3 ก.ม.ประชาชนที่ต้องเดินทางไปทำงานและผู้ปกครองที่ต้องพาบุตรหลานไปโรงเรียน ต้องเดินลุยน้ำออกจากบ้านอย่างทุลักทุเล

น้ำที่ท่วมตัวเมืองหนองคายในระลอกนี้เป็นน้ำฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง น้ำไม่สามารถระบายลงแม่น้ำโขงได้ทัน ประกอบกับท่อระบายน้ำในเขตเทศบาลเมืองหนองคายนั้นมีขนาดเล็ก ถนนสูงกว่าบ้านเรือนประชาชน ทำให้น้ำท่วมได้ง่าย ประชาชนต้องนำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำไม่ให้ทะลักเข้าตัวบ้าน พร้อมทั้งยังนำเชือกกั้นถนนไม่ให้รถสัญจรผ่านเพราะจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมน้ำพัดเข้าตัวบ้านและร้านค้า ได้รับความเดือดร้อนสินค้าเสียหาย

ทั้งนี้ เมื่อปลาย ส.ค.ที่ผ่านมาใจกลางเมืองหนองคาย ย่านธุรกิจ ถนนสายนี้ได้รับอิทธิพลจากพายุนกเต็นพัดกระหน่ำจนเกิดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรมูลค่าเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่าร้อยล้านบาท และจนถึงขณะนี้ร้านค้าหลายแห่งก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ก็มาเกิดน้ำท่วมซ้ำอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า น้ำป่าจาก อ.บ้านผือ อ.นายูง จ.อุดรธานี ที่ไหลมาตามลำห้วยโมงในปริมาณมากได้เอ่อล้นลำห้วยเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรหลายหมู่บ้านในเขต ต.ห้วยโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ด้วยประกอบด้วยบ้านอุ่มเย็น, บ้านฝาง และบ้านท่าเจริญ รวมบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 ครอบครัว

**ชัยภูมิยังวิกฤตหลายหมู่บ้านถูกตัดขาด
ด้านสถานการณ์น้ำท่วม จ.ชัยภูมิ หลายพื้นที่ยังวิกฤตน้ำท่วมสูง หลายหมู่บ้านถูกตัดขาด โดยเฉพาะเส้นทางเข้าบ้านโนนหว้านไพร ต.ชีลอง อ.เมืองชัยภูมิ ระดับน้ำท่วมสูงเป็นช่วงๆ สูงเกือบ 2 เมตร รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่าน-เข้าออกได้ อบจ.ชัยภูมิ ต้องนำรถบรรทุกขนาดใหญ่ไปประจำเพื่อรับ-ส่งประชาชนเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านบอกว่าตั้งเกิดมาไม่เห็นน้ำท่วมหนักขนาดนี้ ตอนนี้เดือดร้อนเรื่องการเดินทาง น้ำดื่ม อาหาร และยารักษาโรค

ขณะที่นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้ส่งร่มบินจากชมรมร่มบิน จ.ชัยภูมิ ขึ้นบินสำรวจสถานการณ์น้ำที่ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองชัยภูมิ พร้อมสำรวจพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมรุนแรงและหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เบื้องต้นพบบ้านเรือนราษฎร วัด โรงเรียนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกหลายแห่งเนื่องจากน้ำท่วมสูง ส่วนการช่วยเหลือชาวบ้านโนนหว้านไพร 2 รายที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไป ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังค้นหาตลอดทั้งวัน ล่าสุดพบทั้ง 2 ศพแล้ว สำหรับยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมจ.ชัยภูมิจนถึงขณะนี้มีทั้งสิ้น5ศพ

**ตรังวิกฤตน้ำป่าทะลัก-บ้านพัง5หลัง
ที่ จ.ตรัง นายโส เหมกุล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากกรณีที่ได้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาติดต่อกันแค่เพียง 2 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากขึ้นในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อ.ห้วยยอด สิเกา และ อ.วังวิเศษ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 หลังคาเรือนหรือกว่า 10,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.เขาวิเศษ อ.วังวิเศษ น้ำได้ไหลหลากเข้าท่วม สภ.เขาวิเศษ รวมทั้งโรงเรียนวัดเขาวิเศษและโรงเรียนวังวิเศษน้ำสูง 20-80 ซ.ม.ทำให้ต้องปิดการเรียนการสอน

ส่วนในพื้นที่ ต.ไม้ฝาด และ ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา มีโรงเรียนกว่า 10 แห่งต้องปิดการเรียนการสอนเช่นกันเนื่องจากน้ำจากเขาช่องจันทร์ ได้ไหลหลากเข้าท่วมรวมทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรอีกหลายแห่ง มีระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร โดยเฉพาะที่บ้านห้วยเหรียง ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกานั้น กระแสน้ำได้กัดเซาะถนนภายในหมู่บ้านจนขาด มีบ้านเรือนพังเสียหายบางส่วน 3 หลังและพังเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านติดค้างอยู่ในบ้านอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเรือท้องแบนไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำเดินทางเข้าไปได้

**จวนผู้ว่าฯเมืองสองแควยังโดนท่วม
ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก น้ำจากแม่น้ำน่านตรงข้ามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหารหรือวัดใหญ่ ได้ไหลเอ่อไหลเข้าท่วมเป็นหน้าศาลากลาง ตั้งแต่ประตูทางเข้าศาลากลาง ถนนหน้าศาลากลาง และบริเวณหน้าว่าที่การอำเภอเมืองพิษณุโลก ทำให้น้ำท่วม ในระดับ 30 ซ.ม.โดยเฉพาะรอบอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ลานศาลางกลางพิษณุโลก ผลให้สนามฟุตบอลน้ำไหลท่วมบ่าท่วมเช่นกัน

ที่สำคัญหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกหรือบ้านพักของนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด น้ำได้ท่วมถนนและไหลเข้าไปในบริเวณจวนผู้ว่าฯ ผลทำให้มีการเอาหินมาทำเป็นแนวกั้นที่ประตูทางเข้าเพื่อป้องกันน้ำเอาไว้พร้อมกับนำเครื่องสูบน้ำออกจากบ้านผู้ว่าตลอดเวลา

สำหรับตัวที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก น้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่ทั้งหมดโดยเฉพาะถนนหน้าอำเภอเมืองน้ำท่วมขังสูง เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดต่ำ ระดับน้ำประมาณ 30-50 ซ.ม.ทั้งศาลากลางจังหวัดและที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก อยู่ห่างจากแม่น้ำน่านไม่เกิน 100 เมตร ระดับน้ำน่านสูงกว่าระดับพื้นดินของศาลกลาง และที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลกประมาณ 1 เมตร ทำให้กระแสจากแม่น้ำน่านที่สูงกว่าดันน้ำขึ้นจากท่อระบาย เข้าท่วมส่วนราชการ กาชาดจังหวัดพิษณุโลก และหน่วยงานราชการหลายแห่ง จึงต้องหาทางเร่งระบายน้ำออกไป

**"สุขุมพันธุ์"ย้ำกทม.ไม่น่าห่วง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมบูรณาการแผนป้องกันน้ำท่วมของ กทม.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมนำเสนอแผนต่อนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (21 ก.ย.) ว่า กทม.ได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกทม. รวมถึงแผนงานที่ดำเนินการในปัจจุบัน แผนงานที่จะพัฒนาต่อเนื่องในอนาคต เช่น โครงการอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ และการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในด้านต่างๆ ตลอดจนการจัดทำร่างผังเมืองรวมร่วมกับปริมณฑล

สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่กทม. ยังไม่น่าห่วงเนื่องจากมีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ แต่ยังห่วงถนนหลายสายในความดูแลของกรมทางหลวงชนบท ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ดังนั้น กทม.จึงเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ กทม.เข้าไปดูแลรับผิดชอบถนนทุกสายในพื้นที่ กทม.เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

**สั่งเร่งเยี่ยวยา2,000กว่าโรงเรียน
นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า มีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยประมาณ 2,000 กว่าโรงใน 55 จังหวัด 154 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,045 ล้านบาท โดยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ ได้ให้ใช้วิธีการจัดสรรงบประมาณไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดๆ ละ 100 ล้านบาท โดยในส่วนของสพฐ.ได้ดูแลช่วยเหลือ สพท.ที่ได้รับความเดือดร้อนเร่งด่วน โดยได้จัดสรรงบประมาณลงไปเยียวยาเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 130 เขตพื้นที่การศึกษาเพื่อนำไปซ่อมแซมโรงเรียนให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอน

**สธ.เผยยอดจมน้ำตายพุ่ง123ศพ
นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องที่เป็นห่วงในขณะนี้ คือ ปัญหาการเสียชีวิตจากน้ำท่วม ซึ่งยอดล่าสุดมีมากถึง 123 ราย โดยได้กำชับให้ทุกจังหวัดเร่งป้องกัน เพื่อลดการสูญเสีย ล่าสุดพบว่าสาเหตุเสียชีวิตเกือบร้อยละ 80 เกิดจากจมน้ำ โดยเกิดขณะออกไปหาปลามากที่สุด พบร้อยละ 30 หรือเกือบประมาณ 1 ใน 3 รองลงมา คือ เล่นน้ำพบร้อยละ 14 ซึ่งมีข้อมูลผลสำรวจพบว่าเด็กไทยอายุ 5-14 ปี ว่ายน้ำไม่เป็นมากถึง 11 ล้านคน
กำลังโหลดความคิดเห็น