ชัยภูมิ - จังหวัดชัยภูมิวางแผนรับมือน้ำท่วมให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง มีแผนป้องกันภัยอย่างเป็นระบบ พร้อมเร่งสร้าง “ระบบกาลักน้ำ” ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำปะทาว แก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองชัยภูมิ รับมือพายุฝนในช่วงเดือนตุลาคม-กันยายนนี้
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ นายวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย นายสุรพันธ์ ดิสมาน ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ ต่อสถานการณ์น้ำ ในอ่างเก็บน้ำลำปะทาว และทางเดินน้ำตลอดสาย จากผลกระทบในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อแบ่งภาระหน้าที่ในการหาทางป้องกันน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองชัยภูมิ รวมทั้งร่วมวางแนวทางการช่วยเหลือหากเกิดอุทกภัยในพื้นที่
นายวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปะทาวล่าง มีความจุมากกว่าร้อยละ 95 จากความจุของอ่าง 16.4 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกประมาณ 10 ซ.ม. ก็จะถึงระดับทางระบายฉุกเฉิน
ขณะที่ปัจจุบันสามารถระบายน้ำผ่านระบบผลิตกระแสไฟฟ้าวันละประมาณ 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งหากระดับน้ำล้นทางระบายฉุกเฉินสูงไม่เกิน 50 ซม.ตามคูคลองต่างๆ ยังสามารถรองรับน้ำไว้ได้ และไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติได้ทัน ไม่เกิดปัญหาท่วมตัวเมืองมากนัก แต่ทั้งนี้คู คลองเหล่านั้นจะต้องไม่อุดตัน ไม่มีเศษวัชพืช ขวางทางน้ำ ไม่มีขยะอุดตันท่อระบายน้ำ
สาเหตุที่น้ำท่วมหนักปีที่ผ่านมา เนื่องจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปะทาว ล้นทางระบายน้ำฉุกเฉิน สูงถึง 1.55 เมตร ปริมาณน้ำไหลลงมาจำนวนมาก จึงไม่สามารถรับน้ำได้ ปีนี้จึงมีการประชุมวางแผนแต่เนินๆ เพื่อจะได้นำข้อสรุปไปปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ที่ต้องทำเร่งด่วนในช่วงนี้คือการหาทางระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลงมาโดยไม่รอให้น้ำเต็มเขื่อน โดยระดมเครื่องสูบน้ำ มาทำเป็น “กาลักน้ำ” ระบายน้ำลงมาก่อน พร้อมทั้งระดมเครื่องมือ และกำลังคน ขุดลอกคู คลอง เก็บเศษวัชพืช ให้ทางน้ำไหลสะดวกตลอดสาย จนถึงปลายทางที่แม่น้ำชี
ล่าสุด จากอิทธิพลพายุนกเตน ทำให้มีฝนตกตลอดทั้ง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนลำปะทาวล่าง มีระดับเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย โดยล้นทางระบายน้ำฉุกเฉินสูง 10 ซ.ม. ซึ่งระดับที่มีผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วม ต้องล้นทางระบายน้ำฉุกเฉินสูงกว่า 50 ซ.ม. แต่เพื่อความไม่ประมาท เพราะจากช่วงนี้เป็นต้นไป จนถึงปลายเดือนกันยายน จะมีพายุพัดผ่านอีกหลายลูก และมักจะเกิดปัญหาน้ำในเขื่อนสูงเกินระดับปลอดภัย จนไหลบ่าลงเข้าท่วมพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ เป็นปัญหาต่อเนื่องมาแทบทุกปี
เพื่อเป็นการวางแผนรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งการให้ชลประทานจังหวัดชัยภูมิ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และเทศบาลเมืองชัยภูมิ นำท่อน้ำขนาดใหญ่ ไปติดตั้งบนสันฝายอ่างเก็บน้ำลำประทาว เพื่อทำเป็นระบบกาลักน้ำช่วยระบายน้ำลงด้านล่าง ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำไหลไปตามลำห้วยประทาว ลงสู่ปลายทาง คือ ลำน้ำชี ได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมมากนัก
“ถือเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งกาลักน้ำ บนสันฝายลำประทาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายาม และความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากสันฝายมีความสูงชัน หน้าฝายมีน้ำลึก และน้ำไหลแรง คาดว่าจะติดตั้งได้สำเร็จเป็นระบบ ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์” นายวินธัย กล่าว
วันนี้ (3 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ นายวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย นายสุรพันธ์ ดิสมาน ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจ ต่อสถานการณ์น้ำ ในอ่างเก็บน้ำลำปะทาว และทางเดินน้ำตลอดสาย จากผลกระทบในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อแบ่งภาระหน้าที่ในการหาทางป้องกันน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าท่วมตัวเมืองชัยภูมิ รวมทั้งร่วมวางแนวทางการช่วยเหลือหากเกิดอุทกภัยในพื้นที่
นายวินธัย ประไพพิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปะทาวล่าง มีความจุมากกว่าร้อยละ 95 จากความจุของอ่าง 16.4 ล้านลูกบาศก์เมตร อีกประมาณ 10 ซ.ม. ก็จะถึงระดับทางระบายฉุกเฉิน
ขณะที่ปัจจุบันสามารถระบายน้ำผ่านระบบผลิตกระแสไฟฟ้าวันละประมาณ 3 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งหากระดับน้ำล้นทางระบายฉุกเฉินสูงไม่เกิน 50 ซม.ตามคูคลองต่างๆ ยังสามารถรองรับน้ำไว้ได้ และไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติได้ทัน ไม่เกิดปัญหาท่วมตัวเมืองมากนัก แต่ทั้งนี้คู คลองเหล่านั้นจะต้องไม่อุดตัน ไม่มีเศษวัชพืช ขวางทางน้ำ ไม่มีขยะอุดตันท่อระบายน้ำ
สาเหตุที่น้ำท่วมหนักปีที่ผ่านมา เนื่องจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปะทาว ล้นทางระบายน้ำฉุกเฉิน สูงถึง 1.55 เมตร ปริมาณน้ำไหลลงมาจำนวนมาก จึงไม่สามารถรับน้ำได้ ปีนี้จึงมีการประชุมวางแผนแต่เนินๆ เพื่อจะได้นำข้อสรุปไปปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ที่ต้องทำเร่งด่วนในช่วงนี้คือการหาทางระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำลงมาโดยไม่รอให้น้ำเต็มเขื่อน โดยระดมเครื่องสูบน้ำ มาทำเป็น “กาลักน้ำ” ระบายน้ำลงมาก่อน พร้อมทั้งระดมเครื่องมือ และกำลังคน ขุดลอกคู คลอง เก็บเศษวัชพืช ให้ทางน้ำไหลสะดวกตลอดสาย จนถึงปลายทางที่แม่น้ำชี
ล่าสุด จากอิทธิพลพายุนกเตน ทำให้มีฝนตกตลอดทั้ง 2-3 วันที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้ระดับน้ำในเขื่อนลำปะทาวล่าง มีระดับเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย โดยล้นทางระบายน้ำฉุกเฉินสูง 10 ซ.ม. ซึ่งระดับที่มีผลกระทบต่อปัญหาน้ำท่วม ต้องล้นทางระบายน้ำฉุกเฉินสูงกว่า 50 ซ.ม. แต่เพื่อความไม่ประมาท เพราะจากช่วงนี้เป็นต้นไป จนถึงปลายเดือนกันยายน จะมีพายุพัดผ่านอีกหลายลูก และมักจะเกิดปัญหาน้ำในเขื่อนสูงเกินระดับปลอดภัย จนไหลบ่าลงเข้าท่วมพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ เป็นปัญหาต่อเนื่องมาแทบทุกปี
เพื่อเป็นการวางแผนรับมือตั้งแต่เนิ่นๆ นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งการให้ชลประทานจังหวัดชัยภูมิ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ และเทศบาลเมืองชัยภูมิ นำท่อน้ำขนาดใหญ่ ไปติดตั้งบนสันฝายอ่างเก็บน้ำลำประทาว เพื่อทำเป็นระบบกาลักน้ำช่วยระบายน้ำลงด้านล่าง ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำไหลไปตามลำห้วยประทาว ลงสู่ปลายทาง คือ ลำน้ำชี ได้โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมมากนัก
“ถือเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งกาลักน้ำ บนสันฝายลำประทาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายาม และความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เนื่องจากสันฝายมีความสูงชัน หน้าฝายมีน้ำลึก และน้ำไหลแรง คาดว่าจะติดตั้งได้สำเร็จเป็นระบบ ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์” นายวินธัย กล่าว
