xs
xsm
sm
md
lg

“มังกรคู่”โอดน้ำท่วมกระทบต้นทุนพุ่งเร่งปั้นแบรนด์บูมในประเทศลดเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น้ำมันงา “มังกรคู่” ลดเสี่ยง มุ่ง เพิ่มรายได้ตลาดในประเทศ อัดงบการตลาดปีละกว่า 10 ล้านบาท สร้างแบรนด์รอยัลตี้ในกลุ่มผู้บริโภคใน 3 ปี ชูจุดขาย ออแกนิค จับลูกค้าที่รักสุขภาพ ยอมรับตลาดแข่งขันสูง น้ำท่วมกระทบต้นทุนวัตถุดิบแพง

นางสาวอนันดา หวังวณิชกุล กรรมการผู้จัดการ ยูเนียนฟูดอินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันงาจีนตรา”มังกรคู่” เปิดเผยว่า ภายใน 3 ปีนับจากนี้ไป บริษัทวางแผนเร่งสร้างการรับรู้ตราสินค้า ในกลุ่มผู้บริโภคคนไทยให้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้มังกรคู่ เป็นแบรนด์ ในใจของผู้บริโภคและมีความจงรักภักดีกับแบรนด์นี้

โดยปี2554 ใช้งบตลาด 10 ล้านบาท ส่วนปีหน้าและปีต่อๆไปจะเพิ่มขึ้น ตามสัดส่วนของยอดขายที่เติบโต ซึ่งวางเป้าการเติบโตปีละ 10-15% สำหรับปีนี้ 8 เดือนแรก โต 20% คาดว่าสิ้นปีมีรายได้เกือบ 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย300 ล้านบาท

สำหรับตลาดรวมผลิตภัณฑ์น้ำมันพืชในประเทศ มีมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ปาล์ม 60% น้ำมันถั่วเหลือง 30% และน้ำมันงา 10% หรือคิดเป็นมูลค่า 800 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม ช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ตลาดน้ำมันงา เติบโตเฉลี่ยปีละ 50% เป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภค ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับกระแสความนิยมอาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น

ส่วนการกระจายสินค้าของบริษัท แบ่งเป็น ส่งออก 50% โดยสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักภายใต้แบรนด์ยูเนียนฟูด จากเดิมส่งออกเกือบ 100% เป็นเพราะพิษวิกฤตสหรัฐ จึงมุ่งขายในประเทศเพิ่มขึ้น มีรายได้เป็นสัดส่วน 50% ภายใต้แบรนด์มังกรคู่ แบ่งเป็น ในประเทศ 60% เป็นลูกค้าอุตสาหกรรม อีก 25% เป็นกลุ่มภัตตาคาร อีก 10% เป็นลูกค้าในครัวเรือนในตลาดอุตสาหกรรม บริษัทเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 60% ส่วนตลาดค้าปลีก ยังเป็นรองผู้นำ คือ แบรนด์ช้างคู่ มีส่วนแบ่งกว่า 50%

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า น้ำมันงาตรามังกรคู่ จำหน่ายแพงกว่าคู่แข่งขัน คือราคาขายปลีก 115 บาทต่อขวด ส่วนคู่แข่งอย่างตราช้างคู่ขายที่ 105 บาทต่อขวด จึงวางโพสิชั่นนิ่งเป็นพรีเมียมแบรนด์ เสนอจุดขายการผลิตด้วยวัตถุดิบออแกนิค เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ

ปัญหาที่กังวล คือราคาวัตถุดิบ ที่ขึ้นลงตามฤดูกาล และยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นปัจจัยให้ราคางาสูงขึ้น ปี 2551 ราคา งากิโลกรัมละ 100 บาท ปัจจุบันราคา กิโลกรัมละ 40 บาท และยังขาดตลาดหากจำเป็นก็จะนำเข้าจากอินเดีย ขณะที่คู่แข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็สูงขึ้น มีอยู่ราว 10 แบรนด์ เป็นในประเทศ 5 แบรนด์ ที่เหลือ เป็นแบรนด์จากต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย เพิ่มจาก 15 ปี ก่อนที่มีผู้ผลิตเพียง 2-3 ราย เป็นเพราะตลาดบริโภคน้ำมันงาเพิ่มขึ้น ปัจจัยลบอื่นๆ ได้แก่ ค่าเงินบาทแข็ง วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐ ทำให้บริษัทลดความเสี่ยง ด้วยการทำตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัท ได้เพิ่มไลน์การผลิตซอสพริก ที่มีลักษณะคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่เป็นการผลิตเพื่อส่งออก ตลาดหลักยังเป็นสหรัฐอเมริกา อนาคตเมื่อปรับสูตรจนเข้าที่ จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทย และเพื่อฉลองครบ 36 ปี บริษัท และเข้าสู่เทศกาลกินเจ บริษัท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย มอบส่วนลด 5% ทุกขนาด ในช่องทางโมเดิร์นเทรด และท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต คาดในช่วงเทศกาลกิจเจ จะมียอดขายเพิ่มจากช่วงปกติอีกราว 10-20 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น