“อิออน” เปิดศึกซูเปอร์มาร์เก็ตเต็มตัว หลังพบโมเดลเล็กเวิร์ค ปีนี้เปิดรวดเดียวเกือบ 10 สาขาแล้ว ดันเป็นพระเอก ยันเดินหน้าคู่กับสาขาไซส์ใหญ่ ปีหน้าปูพรมผุดอีกเพียบ หวัง 3 ปีครบ 100 สาขา
นายโยเซอิ ฮอนดะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร จัสโก้ซูเปอร์มาร์เก็ต และ แม็กซ์ แวลู ทันใจ มินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยธุรกิจ 2 รูปแบบ ในการรุกตลาดคือ 1.ขนาดใหญ่ชื่อ จัสโก้ พื้นที่ขนาด 1,000 -2,000 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 30-40 ล้านบาทต่อสาขา และ 2.แม็กซ์แวลูทันใจ พื้นที่เฉลี่ย 300 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 8-10 ล้านบาทต่อสาขา เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตที่รุนแรงขึ้นและมีการขยายตัวต่อเนื่องด้วย
“เรามองว่าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลยังมีโอกาสอีกมาก โดยในส่วนของบริษัทนเองยังสามารถที่จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งสองแบรนด์รวมกันได้อีก 100 สาสขา ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ โดยเฉพาะเวลานี้ค้าปลีกเกือบทุกค่ายก็หันมาลงทุนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กกันมากขึ้น ซึ่งค่ายที่เราชนกันอย่างจริงๆก็คือ ท็อปส์เดลี่กับเซเว่นอีเลฟเว่น”
โดยปีหน้าวางแผนเปิดโมเดลขนาดใหญ่ประมาณ 2-3 สาขา แล้วแต่ทำเลที่ได้มา ซึ่งสาขาใหญ่จะทำหน้าที่เสมือนสาขาแม่เพื่อสนับสนุนระบบการทำงานและสินค้าให้กับสาขาเล็กเฉ ลี่ย 1 สาขาใหญ่ต่อ 5 สาขาเล็ก จากปัจจุบันมีสาขาขนาดใหญ่ประมาณ 13 สาขาแล้ว โดยตั้งอยู่ที่ฝั่งธน 2 สาขา ชานเมือง 1 สาขาคือรังสิตคลอง 2 นอกนั้นอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯทั้งหมด
ส่วนโมเดลเล็กนั้น ปีหน้าวางแผนเปิดสาขาใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ขณะที่ปีนี้ได้รุกตลาดแบรนด์แม็กซ์แวลูทันใจอย่างหนัก โดยเปิดสาขาใหม่ปีนี้มากถึง 10 สาขา จากเดิมเริ่มปีที่แล้วพียงสาขาเดียวคือที่ซอยทองหล่อ ที่เปิดปีนี้เช่น พัฒนาการ ทองหล่อ ซอย 18 โอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 สุขุมวิท 103 เอราวัณ สีลมยูไนเต็ต อ่อนนุช 17 พาร์คเลนเอกมัย เป็นต้น และจากนี้ถึงสิ้นปีจะเร่งเปิดสาขาแม็กซ์แวลูทันใจอีกเพื่อให้ครบ 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันมีจำนวน 11 สาขา รวมแล้วทั้งบริษัทฯมี 2 โมเดลรวมกันเปิดบริการแล้ว 24 สาขา
“สาเหตุที่ร้านขนาดเล็กเรากระจายอยู่ตามสุขุมวิทและกลางเมืองจำนวนมาก ก็เนื่องจากเป็นำเลที่ดีและต้องการจะเน้นการสร้างแบรนด์จึงลงทุนในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นประจำและกลุ่มเป้าหมายเราก็อยู่ในทำเลนี้มากด้วย โดยแบ่งเป็น คนไทย 50% คนต่างชาติ 50%
การลงทุนทั้งหมดจะใช้เงินสดหมุนเวียนของบริษัทในประเทศไทยลงทุนทั้งหมด ไม่ได้นำเงินจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากเราเป็นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตมีเงินสดหมุนเวียนตลอดเวลา อย่างไรก็ตามรูปแบบแม็กซ์แวลูทันใจนี้ พัฒนาขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ในญี่ปุ่นยังไม่มี แต่ก็มีโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า “มายบาสเก็ต”/(My Basket) เปิดบริการลูกค้าอยู่ พื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร
หลังจากที่บริษัทฯหันมามุ่งเน้นการเปิดาสาขาขนาดเล็ก พบว่า ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับสินค้าเพื่อให้เข้ากับความต้องการในแต่ละสาขาซึ่งอยู่กันต่างพื้นที่ ทำให้ความต้องกรลูกค้าอาจแตกต่างกันได้ อีกทั้งการทำตลาดและโปรโมชั่นต่อเนื่องเป็นการกระตุ้นการซื้อด้วย
อย่างไรก็ตามสินค้าที่บริษัทฯจะเน้นการจำหน่ายนั้น คือ 1.กลุ่มอาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งคู่แข่งเราอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นไม่มีตรงนี้ และ 2.กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน จะมีรายการเมนูอาหารต่างๆที่หลากหลาย รวมทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทยด้วย และมีบริการครัวเพื่อนั่งทานอาหารด้วย โดยที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มอาหารมีสัดส่วนรายได้มากถึง 40% แล้วสำหรับสาขาขนาดเล็ก มากกว่าสาขาขนาดใหญ่ที่สัดส่วนรายได้จากอาหารเพียง 30%
ทั้งนี้จากแผนการลงทุนและการตลาด จะทำให้ปีนี้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็น 3,300 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 2,770 ล้านบาท
นายโยเซอิ ฮอนดะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร จัสโก้ซูเปอร์มาร์เก็ต และ แม็กซ์ แวลู ทันใจ มินิ ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยว่า บริษัทฯวางแผนรุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยธุรกิจ 2 รูปแบบ ในการรุกตลาดคือ 1.ขนาดใหญ่ชื่อ จัสโก้ พื้นที่ขนาด 1,000 -2,000 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 30-40 ล้านบาทต่อสาขา และ 2.แม็กซ์แวลูทันใจ พื้นที่เฉลี่ย 300 ตารางเมตร ลงทุนเฉลี่ย 8-10 ล้านบาทต่อสาขา เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตที่รุนแรงขึ้นและมีการขยายตัวต่อเนื่องด้วย
“เรามองว่าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลยังมีโอกาสอีกมาก โดยในส่วนของบริษัทนเองยังสามารถที่จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งสองแบรนด์รวมกันได้อีก 100 สาสขา ในช่วง 3 ปีนับจากนี้ โดยเฉพาะเวลานี้ค้าปลีกเกือบทุกค่ายก็หันมาลงทุนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กกันมากขึ้น ซึ่งค่ายที่เราชนกันอย่างจริงๆก็คือ ท็อปส์เดลี่กับเซเว่นอีเลฟเว่น”
โดยปีหน้าวางแผนเปิดโมเดลขนาดใหญ่ประมาณ 2-3 สาขา แล้วแต่ทำเลที่ได้มา ซึ่งสาขาใหญ่จะทำหน้าที่เสมือนสาขาแม่เพื่อสนับสนุนระบบการทำงานและสินค้าให้กับสาขาเล็กเฉ ลี่ย 1 สาขาใหญ่ต่อ 5 สาขาเล็ก จากปัจจุบันมีสาขาขนาดใหญ่ประมาณ 13 สาขาแล้ว โดยตั้งอยู่ที่ฝั่งธน 2 สาขา ชานเมือง 1 สาขาคือรังสิตคลอง 2 นอกนั้นอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯทั้งหมด
ส่วนโมเดลเล็กนั้น ปีหน้าวางแผนเปิดสาขาใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ขณะที่ปีนี้ได้รุกตลาดแบรนด์แม็กซ์แวลูทันใจอย่างหนัก โดยเปิดสาขาใหม่ปีนี้มากถึง 10 สาขา จากเดิมเริ่มปีที่แล้วพียงสาขาเดียวคือที่ซอยทองหล่อ ที่เปิดปีนี้เช่น พัฒนาการ ทองหล่อ ซอย 18 โอเชี่ยนทาวเวอร์ 2 สุขุมวิท 103 เอราวัณ สีลมยูไนเต็ต อ่อนนุช 17 พาร์คเลนเอกมัย เป็นต้น และจากนี้ถึงสิ้นปีจะเร่งเปิดสาขาแม็กซ์แวลูทันใจอีกเพื่อให้ครบ 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันมีจำนวน 11 สาขา รวมแล้วทั้งบริษัทฯมี 2 โมเดลรวมกันเปิดบริการแล้ว 24 สาขา
“สาเหตุที่ร้านขนาดเล็กเรากระจายอยู่ตามสุขุมวิทและกลางเมืองจำนวนมาก ก็เนื่องจากเป็นำเลที่ดีและต้องการจะเน้นการสร้างแบรนด์จึงลงทุนในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นประจำและกลุ่มเป้าหมายเราก็อยู่ในทำเลนี้มากด้วย โดยแบ่งเป็น คนไทย 50% คนต่างชาติ 50%
การลงทุนทั้งหมดจะใช้เงินสดหมุนเวียนของบริษัทในประเทศไทยลงทุนทั้งหมด ไม่ได้นำเงินจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมาลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากเราเป็นธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตมีเงินสดหมุนเวียนตลอดเวลา อย่างไรก็ตามรูปแบบแม็กซ์แวลูทันใจนี้ พัฒนาขึ้นที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก ในญี่ปุ่นยังไม่มี แต่ก็มีโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า “มายบาสเก็ต”/(My Basket) เปิดบริการลูกค้าอยู่ พื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร
หลังจากที่บริษัทฯหันมามุ่งเน้นการเปิดาสาขาขนาดเล็ก พบว่า ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับสินค้าเพื่อให้เข้ากับความต้องการในแต่ละสาขาซึ่งอยู่กันต่างพื้นที่ ทำให้ความต้องกรลูกค้าอาจแตกต่างกันได้ อีกทั้งการทำตลาดและโปรโมชั่นต่อเนื่องเป็นการกระตุ้นการซื้อด้วย
อย่างไรก็ตามสินค้าที่บริษัทฯจะเน้นการจำหน่ายนั้น คือ 1.กลุ่มอาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งคู่แข่งเราอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นไม่มีตรงนี้ และ 2.กลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน จะมีรายการเมนูอาหารต่างๆที่หลากหลาย รวมทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารไทยด้วย และมีบริการครัวเพื่อนั่งทานอาหารด้วย โดยที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มอาหารมีสัดส่วนรายได้มากถึง 40% แล้วสำหรับสาขาขนาดเล็ก มากกว่าสาขาขนาดใหญ่ที่สัดส่วนรายได้จากอาหารเพียง 30%
ทั้งนี้จากแผนการลงทุนและการตลาด จะทำให้ปีนี้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็น 3,300 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 2,770 ล้านบาท
