วานนี้(19 ก.ย)พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร ภายหลังถูกนายกรัฐมนตรีตีกลับมาว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 19 ก.ย.ตนได้รับหนังสือจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขอคืนเรื่องที่กระทรวงกลาโหมขออนุมัติเปิดตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมกลับมา โดยรัฐบาลขอสงวนตำแหน่งไว้ หากกระทรวงเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้ตำแหน่งนี้เมื่อไหร่ ก็ขออนุมัติขึ้นไปได้ตามความเหมาะสม ซึ่งเท่ากับว่า พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ยังเป็นประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมอยู่ยังปิดตำแหน่งไม่ได้ แต่ทันทีที่พล.อ.คณิต ย้ายเมื่อไหร่ตำแหน่งนี้จะปิดทันที และจะขอเปิดใหม่
ส่วนผลกระทบที่จะต้องปรับในส่วนของตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น คงต้องแล้วแต่คณะกรรมการฯ ที่จะมีการประชุมใหม่อีกครั้ง ซึ่งตนได้บอกกับพล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหมว่า เมื่อเลขาธิการครม.คืนเรื่องกลับมา จะทำให้บัญชีโยกย้ายก่อนหน้านี้ที่ส่งไปทำให้เกินอยู่ 1 คน ทั้งนี้การปรับย้ายแม้แต่นายพลเพียงคนเดียว ก็ต้องเข้าคณะกรรมการฯ ตาม พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมปี 2551
ส่วนตำแหน่ง รอง ผบ.สส. ที่พล.อ.คณิต ไม่ได้ย้ายไปจะต้องการปรับเปลี่ยนอย่างไรนั้น ตนไม่ขอพูดในรายละเอียด รอไปพูดในที่ประชุมคณะกรรมการฯก่อน จากการที่ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมไปประสานทราบว่าในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ยังคงเรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลไม่ได้ เพราะคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่อยู่ แต่พร้อมกันเมื่อไหร่ก็จะประชุมเมื่อนั้น
ส่วนกรณีที่กฎกระทรวงระบุว่าต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีภายใน 15 วันนั้นคงไม่เป็นไร เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งมาแบบนี้ และเราก็ได้ส่งตามกฎกระทรวงไปแล้ว หากมีข้ออะไรต้องปรับปรุงทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ส่งกลับมา ซึ่งไม่เข้าในหลักเกณฑ์นั้นแล้ว อย่างไรก็ตามเราจะทำให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีการมองว่าเรื่องนี้เป็นเกมในการรื้อโผทหาร เพราะเรื่องส่งถึงมือ นายกรัฐมนตรี เป็นสัปดาห์แต่เพิ่งระบุว่า จะไม่เปิดอัตรานี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปมองเช่นนั้น ช่วงที่ผ่านมา ท่านคงนำไปประมาณการหรือพิจารณาว่า ตำแหน่งที่เปิดขึ้นมาไม่เป็นไปตามความมุ่งหมาย และ นโยบายเดิม ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็น รมว.กลาโหม เพื่อแก้ไขปัญหานายพลระดับสูง แต่จากนั้น ตำแหน่งนี้ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่แก้ไขปัญหา มีการขออนุญาตเพื่อบรรจุมาตลอด เมื่อเข้าสู่นโยบายเดิมก็มีปัญหาที่เกินมา 1 คนก็ต้องปรับภายใน แต่ก็อยู่ที่คณะกรรมการฯ 6 คน ที่ ปลัดกลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นคนเชิญ
“เรื่องที่เสนอขอเปิดอัตราจอมพล เข้ามาก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ผมก็ถามที่ประชุมว่า บรรจุแล้วมาขอเปิดทีหลังแล้วทำได้หรือไม่ เขาก็บอกว่าทำมาเป็นปกติ ตลอดระยะเวลา 5 ปีก็ทำมาตลอด ผมก็นึกว่าจะเป็นปกติ แต่ตอนนี้เมื่อเกิดการสงวนตำแหน่งนี้ไว้ตามนโยบายเดิมซึ่งผมไม่ได้เรียนนายกรัฐมนตรี เมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งมาก็มีหน้าที่ปรับให้เป็นไปตามนโยบาย เพราะตำแหน่งที่ขอเปิดเป็นอำนาจของท่านนายกฯ ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็ต้องรอเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้เสนอในที่ประชุมต่อไป”พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมท่านจะเป็นผู้เลือกเองมากกว่าที่ ผบ.เหล่าทัพจะเลือกใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ โดยหน้าที่แล้วปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ท่านดูแลเรื่องกระทรวงเขาจะเป็นผู้เสนอ เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่า ท่านยอมแก้โผคนที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “ไว้หลังจากประชุม ให้ออกมาก่อน ค่อยคุยกัน เดี๋ยวจะพูดความลับมากเกินไป”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาคัดค้านแต่งตั้งทหารว่า ไม่กังวล เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ในการปรับย้ายต่าง ๆ เป็นเรื่องของคณะกรรมการของกองทัพบกและคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม คนอื่นไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นก็จะทำอะไรไม่ได้หากบ้านเมืองยังไม่มีระเบียบวินัยมันก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเราจะพัฒนาไปอย่างไร
“ขอให้ทุกส่วนต่างคนต่างทำหน้าที่ ท่านจะคัดค้านอะไรของท่านก็ว่าไป แต่อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ส่วนของเราก็ดำเนินการในส่วนของเราไป ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น การทำงาน การแต่งตั้งเป็นเรื่องการแต่งตั้งตามผลงาน ตามอาวุโส ตามความเหมาะสม ไม่ได้ตั้งเพื่อเป็นการตอบแทนอะไรกับใคร กองทัพบกไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของผมที่จะต้องตอบแทนใครที่ทำงานให้กับ ผบ.ทบ.ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องตอบแทนให้กับคนที่ทำงานให้กับประเทศชาติ ให้กับศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชนโดยรวมก็จะดูตรงนั้นเป็นหลัก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพูดไม่ได้ว่าจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลได้รับผลกระทบหรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ถ้าตนไปตอบเดี๋ยวรมว.กลาโหมโกรธเอา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เดิมทางนายทหารความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดีกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้ยิ่งแตกร้าวหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เอา ๆ ตนไม่มีความเห็น อย่าไปถามข้ามหน้าที่ ไปถามเรื่องทหารเดี๋ยวจะยุ่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้เข้ามาในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพอดี และมีตำแหน่งเกษียณเยอะแยะ จึงต้องมีการปรับย้าย
นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวปฎิเสธถึงความขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมกับนายกรัฐมนตรี ว่าตนถูกข้อครหาว่าล้วงลูก ตนดูตามข้อกฎหมาย ตอนที่เสนอมานายกฯ อยู่ข้างนอกด้วยซ้ำ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องด่วน ผลกระทบต่อการเสนอของกลาโหม ท่านนายกฯ ก็บอกว่าให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อมีปัญหาก็มาว่ากัน ซึ่งทุกเรื่องก็มีเงื่อนไขก็ต้องทำตามเงื่อนไข แต่ถ้าเป็นผลกระทบต่อความเสียหายราชการก็สามารถเสนอทบทวนได้ มติคณะรัฐมนตรี ทบทวนได้เสมอถ้ามีผล
“มันไม่เกี่ยวกับโผ แต่เกี่ยวกับตำแหน่งที่จะเพิ่มเท่านั้นเอง บางส่วนเท่านั้นเอง ที่เปิดตำแหน่งอัตราจอมพล ส่วนจะเปิดตำแหน่งเฉพาะตัวอะไรให้ใครอีก ผมไม่ทราบ เพราะเขาชอบเปิดกันประจำ เพราะถ้าเราโอนตามเขา ก็เหมือนกับทีว่าเอาตำแหน่งเรื่อยๆ กฎหมายเขียนอย่างนี้ตามมติ ครม. ก็คือ ถ้าว่างก็ยุบ แต่ขณะนี้มันไม่ว่างก็ไม่ต้องยุบ มันจะทำให้เราได้นายพลเยอะไปหมด ไม่จบ ทั้งๆ ที่กฎหมายเขียนไว้อย่างที่กล่าว เราไม่เคยไปแตะโผ อะไรเลย แต่พอมันไม่ว่างก็อาศัยช่องโหว่ เราไม่เคยไปแตะอะไรเลย ไม่ยุ่ง วุ่นวาย เราดูในแง่กฎหมายเท่านั้น เรารู้ว่ามันคนละอย่าง วัฒนธรรมของกระทรวงกลาโหม เขาก็มีการตรวจสอบของเขาเอง” นายบัณฑูร กล่าว และว่า ถ้าหากมันสอดคล้องกับกฎหมายเราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ เพราะเขาก็ต้องดูแลลูกน้องเขา
นายบัณฑูร กล่าวว่า มีการพูดกันถึงประเด็นนี้ว่าทำไมถึงเปิดเรื่อยๆ เปิดทำไม ตนคิดว่ามันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ ครม.ที่มีมติ คือว่างให้ยุบ ถ้าไม่ว่างก็ให้อยู่ต่อ แค่นั้นเอง เป็นไปตามคณะรัฐมนตรี ตอนนี้มันไม่ว่าง ก็ต้องไม่เปิด ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ยุบ แล้วถ้ากระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นที่จะต้องอัตรานี้เข้ามาเพื่อต้องการให้มีการประสานงาน ในกองทัพกับ ครม.และเรื่องนี้กับภายในก็ตั้งเข้ามา
“ส่วนนี้ต้องเอาเข้า ครม. เพื่อจะปรับส่วนนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วก็จบแล้ว อย่างอื่นเราไม่ได้ไปแตะอะไรเขา ถ้าพร้อมก็เข้าได้เลย ถ้าถึงต้องถึงวันนี้ เรื่องการโยกย้ายถ้าไม่มาถึงวันจันทร์ ก็ไม่ให้เข้า ต้องมาล่วงหน้า วาระจรไม่ได้ วาระจรต้องสำคัญยิ่งยวด นี้เป็นนโยบายของรัฐบาลนี้เลยและ เรื่องนี้ต้องเข้ามาวันจันทร์เท่านั้น”นายบัณฑูร กล่าว
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมาวาระจรนั้นตามปกติเป็นเรื่องโยกย้ายทั้งนั้นแต่รัฐบาลนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้มีการดูว่าเป็นเรื่องเสียหายต่อรัฐบาลอย่างยิ่งยวดเท่านั้นถึงจะเป็นวาระจรได้ ต้องให้ดูก่อนตรวจสอบก่อน.
ส่วนผลกระทบที่จะต้องปรับในส่วนของตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น คงต้องแล้วแต่คณะกรรมการฯ ที่จะมีการประชุมใหม่อีกครั้ง ซึ่งตนได้บอกกับพล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหมว่า เมื่อเลขาธิการครม.คืนเรื่องกลับมา จะทำให้บัญชีโยกย้ายก่อนหน้านี้ที่ส่งไปทำให้เกินอยู่ 1 คน ทั้งนี้การปรับย้ายแม้แต่นายพลเพียงคนเดียว ก็ต้องเข้าคณะกรรมการฯ ตาม พรบ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมปี 2551
ส่วนตำแหน่ง รอง ผบ.สส. ที่พล.อ.คณิต ไม่ได้ย้ายไปจะต้องการปรับเปลี่ยนอย่างไรนั้น ตนไม่ขอพูดในรายละเอียด รอไปพูดในที่ประชุมคณะกรรมการฯก่อน จากการที่ให้ปลัดกระทรวงกลาโหมไปประสานทราบว่าในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ยังคงเรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลไม่ได้ เพราะคณะกรรมการส่วนใหญ่ไม่อยู่ แต่พร้อมกันเมื่อไหร่ก็จะประชุมเมื่อนั้น
ส่วนกรณีที่กฎกระทรวงระบุว่าต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีภายใน 15 วันนั้นคงไม่เป็นไร เพราะนายกรัฐมนตรีสั่งมาแบบนี้ และเราก็ได้ส่งตามกฎกระทรวงไปแล้ว หากมีข้ออะไรต้องปรับปรุงทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ส่งกลับมา ซึ่งไม่เข้าในหลักเกณฑ์นั้นแล้ว อย่างไรก็ตามเราจะทำให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีการมองว่าเรื่องนี้เป็นเกมในการรื้อโผทหาร เพราะเรื่องส่งถึงมือ นายกรัฐมนตรี เป็นสัปดาห์แต่เพิ่งระบุว่า จะไม่เปิดอัตรานี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า อย่าไปมองเช่นนั้น ช่วงที่ผ่านมา ท่านคงนำไปประมาณการหรือพิจารณาว่า ตำแหน่งที่เปิดขึ้นมาไม่เป็นไปตามความมุ่งหมาย และ นโยบายเดิม ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็น รมว.กลาโหม เพื่อแก้ไขปัญหานายพลระดับสูง แต่จากนั้น ตำแหน่งนี้ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่แก้ไขปัญหา มีการขออนุญาตเพื่อบรรจุมาตลอด เมื่อเข้าสู่นโยบายเดิมก็มีปัญหาที่เกินมา 1 คนก็ต้องปรับภายใน แต่ก็อยู่ที่คณะกรรมการฯ 6 คน ที่ ปลัดกลาโหม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นคนเชิญ
“เรื่องที่เสนอขอเปิดอัตราจอมพล เข้ามาก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ผมก็ถามที่ประชุมว่า บรรจุแล้วมาขอเปิดทีหลังแล้วทำได้หรือไม่ เขาก็บอกว่าทำมาเป็นปกติ ตลอดระยะเวลา 5 ปีก็ทำมาตลอด ผมก็นึกว่าจะเป็นปกติ แต่ตอนนี้เมื่อเกิดการสงวนตำแหน่งนี้ไว้ตามนโยบายเดิมซึ่งผมไม่ได้เรียนนายกรัฐมนตรี เมื่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งมาก็มีหน้าที่ปรับให้เป็นไปตามนโยบาย เพราะตำแหน่งที่ขอเปิดเป็นอำนาจของท่านนายกฯ ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมนั้น ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก็ต้องรอเลขานุการคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้เสนอในที่ประชุมต่อไป”พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมท่านจะเป็นผู้เลือกเองมากกว่าที่ ผบ.เหล่าทัพจะเลือกใช่หรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ โดยหน้าที่แล้วปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ท่านดูแลเรื่องกระทรวงเขาจะเป็นผู้เสนอ เมื่อถามต่อว่า มีข่าวว่า ท่านยอมแก้โผคนที่จะมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า “ไว้หลังจากประชุม ให้ออกมาก่อน ค่อยคุยกัน เดี๋ยวจะพูดความลับมากเกินไป”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาคัดค้านแต่งตั้งทหารว่า ไม่กังวล เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ในการปรับย้ายต่าง ๆ เป็นเรื่องของคณะกรรมการของกองทัพบกและคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม คนอื่นไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ไม่อย่างนั้นก็จะทำอะไรไม่ได้หากบ้านเมืองยังไม่มีระเบียบวินัยมันก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเราจะพัฒนาไปอย่างไร
“ขอให้ทุกส่วนต่างคนต่างทำหน้าที่ ท่านจะคัดค้านอะไรของท่านก็ว่าไป แต่อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ส่วนของเราก็ดำเนินการในส่วนของเราไป ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น การทำงาน การแต่งตั้งเป็นเรื่องการแต่งตั้งตามผลงาน ตามอาวุโส ตามความเหมาะสม ไม่ได้ตั้งเพื่อเป็นการตอบแทนอะไรกับใคร กองทัพบกไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ของผมที่จะต้องตอบแทนใครที่ทำงานให้กับ ผบ.ทบ.ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ต้องตอบแทนให้กับคนที่ทำงานให้กับประเทศชาติ ให้กับศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชนโดยรวมก็จะดูตรงนั้นเป็นหลัก" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพูดไม่ได้ว่าจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลได้รับผลกระทบหรือไม่ เพราะไม่ใช่หน้าที่ ถ้าตนไปตอบเดี๋ยวรมว.กลาโหมโกรธเอา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เดิมทางนายทหารความสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดีกับพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้ยิ่งแตกร้าวหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เอา ๆ ตนไม่มีความเห็น อย่าไปถามข้ามหน้าที่ ไปถามเรื่องทหารเดี๋ยวจะยุ่ง อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดนี้เข้ามาในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพอดี และมีตำแหน่งเกษียณเยอะแยะ จึงต้องมีการปรับย้าย
นายบัณฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวปฎิเสธถึงความขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมกับนายกรัฐมนตรี ว่าตนถูกข้อครหาว่าล้วงลูก ตนดูตามข้อกฎหมาย ตอนที่เสนอมานายกฯ อยู่ข้างนอกด้วยซ้ำ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องด่วน ผลกระทบต่อการเสนอของกลาโหม ท่านนายกฯ ก็บอกว่าให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อมีปัญหาก็มาว่ากัน ซึ่งทุกเรื่องก็มีเงื่อนไขก็ต้องทำตามเงื่อนไข แต่ถ้าเป็นผลกระทบต่อความเสียหายราชการก็สามารถเสนอทบทวนได้ มติคณะรัฐมนตรี ทบทวนได้เสมอถ้ามีผล
“มันไม่เกี่ยวกับโผ แต่เกี่ยวกับตำแหน่งที่จะเพิ่มเท่านั้นเอง บางส่วนเท่านั้นเอง ที่เปิดตำแหน่งอัตราจอมพล ส่วนจะเปิดตำแหน่งเฉพาะตัวอะไรให้ใครอีก ผมไม่ทราบ เพราะเขาชอบเปิดกันประจำ เพราะถ้าเราโอนตามเขา ก็เหมือนกับทีว่าเอาตำแหน่งเรื่อยๆ กฎหมายเขียนอย่างนี้ตามมติ ครม. ก็คือ ถ้าว่างก็ยุบ แต่ขณะนี้มันไม่ว่างก็ไม่ต้องยุบ มันจะทำให้เราได้นายพลเยอะไปหมด ไม่จบ ทั้งๆ ที่กฎหมายเขียนไว้อย่างที่กล่าว เราไม่เคยไปแตะโผ อะไรเลย แต่พอมันไม่ว่างก็อาศัยช่องโหว่ เราไม่เคยไปแตะอะไรเลย ไม่ยุ่ง วุ่นวาย เราดูในแง่กฎหมายเท่านั้น เรารู้ว่ามันคนละอย่าง วัฒนธรรมของกระทรวงกลาโหม เขาก็มีการตรวจสอบของเขาเอง” นายบัณฑูร กล่าว และว่า ถ้าหากมันสอดคล้องกับกฎหมายเราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ เพราะเขาก็ต้องดูแลลูกน้องเขา
นายบัณฑูร กล่าวว่า มีการพูดกันถึงประเด็นนี้ว่าทำไมถึงเปิดเรื่อยๆ เปิดทำไม ตนคิดว่ามันต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ ครม.ที่มีมติ คือว่างให้ยุบ ถ้าไม่ว่างก็ให้อยู่ต่อ แค่นั้นเอง เป็นไปตามคณะรัฐมนตรี ตอนนี้มันไม่ว่าง ก็ต้องไม่เปิด ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ยุบ แล้วถ้ากระทรวงกลาโหมมีความจำเป็นที่จะต้องอัตรานี้เข้ามาเพื่อต้องการให้มีการประสานงาน ในกองทัพกับ ครม.และเรื่องนี้กับภายในก็ตั้งเข้ามา
“ส่วนนี้ต้องเอาเข้า ครม. เพื่อจะปรับส่วนนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วก็จบแล้ว อย่างอื่นเราไม่ได้ไปแตะอะไรเขา ถ้าพร้อมก็เข้าได้เลย ถ้าถึงต้องถึงวันนี้ เรื่องการโยกย้ายถ้าไม่มาถึงวันจันทร์ ก็ไม่ให้เข้า ต้องมาล่วงหน้า วาระจรไม่ได้ วาระจรต้องสำคัญยิ่งยวด นี้เป็นนโยบายของรัฐบาลนี้เลยและ เรื่องนี้ต้องเข้ามาวันจันทร์เท่านั้น”นายบัณฑูร กล่าว
เขากล่าวว่า ที่ผ่านมาวาระจรนั้นตามปกติเป็นเรื่องโยกย้ายทั้งนั้นแต่รัฐบาลนี้ทำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้มีการดูว่าเป็นเรื่องเสียหายต่อรัฐบาลอย่างยิ่งยวดเท่านั้นถึงจะเป็นวาระจรได้ ต้องให้ดูก่อนตรวจสอบก่อน.