วานนี้(22ส.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2554 ว่า ยืนยันว่า ขณะนี้บัญชีปรับย้ายยังไม่ถึงมือของตนแม้แต่กองทัพเดียว ซึ่งตนจะเริ่มดูเอกสารการปรับย้ายนายทหารของเหล่าทัพต่างๆหลังจากรัฐบาลแถลง นโยบายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนั้นตนจะมีอำนาจเต็มที่ แต่วันนี้ตนยังไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะปรับหรือดูรายละเอียด หรือสั่งการอะไรต่อไป คาดว่า ทุกเหล่าทัพคงส่งบัญชีโยกย้ายให้กับกองทัพไทยแล้ว เพื่อดำเนินการรวบรวม ส่วนหากความเห็นของตนกับผบ.เหล่าทัพไม่ตรงกันก็จะต้องคุยกัน และต้องถามเหตุผลในส่วนที่เห็นไม่ตรงกันว่า ทำเช่นนี้เพราะเหตุผลอะไร และอยากทราบเหตุผลทั้งหมดว่า การดำเนินการเช่นนี้จะเกิดประโยชน์อะไรกับกองทัพบ้าง
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า จะมีการกระจายอำนาจให้กับทุกกลุ่ม ทุกรุ่น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้บอกแล้ว และเราก็คุยกันกับผู้บังคับหน่วย ซึ่งท่านบอกว่า อะไรไม่ดีต้องปรับให้ดีขึ้น โดยไม่ได้มองว่า แต่ละคนมาจากไหน แต่ดูที่ความรู้ความสามารถ ความอาวุโส ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งท่านบอกว่า บางครั้งรุ่นเดียวกันมี 2 ตำแหน่ง เท่าๆกัน แต่ต้องขึ้นมาตำแหน่งเดียวก็จะดูที่ความอาวุโสว่า ใครที่มีขีดความสามารถมากกว่ากัน และใครมาดำรงตำแหน่งนี้จะทำงานให้กองทัพได้ดีกว่ากัน ทั้งนี้ผู้ที่มาเป็นผบ.เหล่าทัพจะกระจายรุ่น หรือรุ่นเดียวกันก็ได้ ถ้าเขามีความสามารถ ขึ้นอยู่กับเราที่จะดูแลปกครองกองทัพและการสนับสนุนช่วยเหลือทำความเข้าใจ ทุกอย่างก็จะไปได้ เรามองผลความสามารถของบุคคลมากกว่าจะมองว่า คนนั้นอยู่รุ่นไหน
เมื่อถามว่า หากเป็นรุ่นเดียวกันอาจมีการผนึกกำลังเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชา ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดและความเข้าใจกับกองทัพแค่ไหน อย่างไร แต่ถ้าเราห่างเหินไป ความเข้าใจกันอาจมีปัญหา แต่ถ้าหากมีความใกล้ชิดผูกพันกัน คิดว่า ความเป็นรุ่นไม่น่ามีปัญหา สมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ตนเป็นจปร..8 ส่วน ผบ.สส. ผบ.ทบ. และผบ.ทอ.เป็นจปร.9ทั้งนั้นแต่ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เมื่อ ถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะไม่มีการปฏิวัติ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปตนเชื่อว่า ไม่มี ตั้งแต่คุยกันมา ตั้งแต่วันที่ตนเริ่มเข้ามาทำงานจนถึงวันนี้ ตนไม่เห็นผบ.เหล่าทัพคนไหนมีความคิดในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ได้มองไปที่แววตาผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่แต่ในแววตา ในใจก็ไม่มี
เมื่อถามถึงการเดินทางเข้าอวยพรวันเกิดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ท่านจะไม่เปิดบ้านใช่หรือไม่ เมื่อใกล้ๆวันเกิดท่าน ตนจะบอกอีกที ประมาณวันที่ 24 ส.ค.จะแจ้งให้ทราบ
**“บิ๊กโก”รับได้ “บูรพาพยัคฆ์”ผงาด
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะกำกับดูแลความมั่นคง โดยเฉพาะ กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงรายชื่อโผโยกย้ายนายทหารประจำปี ว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะน้องๆในกองทัพก็รู้จักเป็นอย่างดี และคงไม่มีปัญหากระเพื่อมอะไร และคงต้องรอฟัง รมว.กลาโหม อีกครั้ง
**"ประยุทธ์"ชี้โยกย้ายทหารบอร์ดทบ.พิจารณา
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2554 ว่า ที่ประชุม มอร์นิ่งบรีฟ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารที่อ้างว่าจะมีการผลักดันเพื่อนเตรียมทหารร่วมรุ่น 12 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักนั้น ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพไหนก็มีกฎหมาย กฎระเบียบ และ หลักการเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่ว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ตามพระราชบัญญัติการจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม 2551 ที่ระบุว่า การโยกย้ายนายทหารระดับชั้นนายพล ไม่ว่าจะเหล่าทัพไหนก็ตามจะต้องอยู่ภายใต้คณะกรรมการตามมาตรา 25 ที่ประกอบด้วย 7 ตำแหน่ง คือ รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ และเลขานุการ นอกจากนี้ ในส่วนของกองทัพก็จะมีคณะกรรมการในการพิจารณา โดยในส่วนของกองทัพบกก็เหมือนกับเหล่าทัพอื่น ไม่ใช่ว่า ผบ.ทบ. จะนึกแต่งตั้งใครตามอำเภอใจ เพราะจะมีคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณา โดยมีรอง ผบ.ทบ. เป็นประธานพิจารณา โดยที่ ผบ.ทบ.ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว หากลงตัว ผบ.ทบ.ก็จะไม่ลงไปดูในรายละเอียด
“กอง ทัพบกมีระดับผู้บังคับบัญชาจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดของกองทัพบกจะทำทุกอย่างตาม อำเภอใจเป็นไม่ได้ เพราะเป็นสังคมขนาดใหญ่ที่การพิจารณาจะต้องอยู่บนพื้นฐาน คือหนึ่งการตอบแทนกำลังพลในเรื่องของการทุ่มเทในการทำงานตามหน้าที่ โดยหน้าที่ของกองทัพมีมากมายทั้งเรื่องปัญหายาเสพติด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันประเทศ และ การรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งจะไม่ได้หยิบยกประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ที่สังคมมองว่าใครทำงานในเรื่องของการรักษาความสงบของคนเสื้อแดงจะได้รับการ ตอบแทนในตำแหน่งต่าง ๆ คนที่ถูกพาดพิงก็จะรู้สึกไม่ดีทั้ง ๆ ที่ทุ่มเทการทำงาน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจะดำเนินการตามกรอบคือเรื่องความเหมาะสมด้านต่าง ๆ ความอาวุโส ผบ.ทบ. เป็นคนสุดท้ายที่จะนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอต่อคณะกรรมการใหญ่ตาม พรบ.ปี 2551 การที่ ผบ.ทบ.ถูกพาดพิงว่ามีการผลักดันคนนั้นคนนี้ขึ้นดำรงตำแหน่งหลัก ทำไม่ได้” พ.อ.สรรเสริญ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เรื่องของมารยาทเป็นสิ่งสำคัญที่ ผบ.ทบ.ให้ความสำคัญอย่างมาก เช่นในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่จะเสนอใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งใน ระดับสูงก็จะต้องเป็นเรื่องของปลัดกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่ในส่วนของ บก.กองทัพไทย ก็ต้องเป็นอำนาจของ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณา ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจในการทำในเรื่องนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายไม่มีใครรู้จริงว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งไหน จะทราบก็ต่อเมื่อมีมติต่อที่ประชุม และมีการนำรายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ จนกระทั่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าถึงจะเป็นที่สิ้นสุดไม่มีใครรู้จริง ทั้งนี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีการระบุว่าจะมีการนำเพื่อนร่วมรุ่นของ ผบ.ทบ.มาดำรงตำแหน่งนั้น จะต้องมีอัตราจอมพลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารจะมีการพิจารณาจากบอร์ดของกองทัพ ไม่ได้แต่งตั้งตามความรู้สึกของ ผบ.ทบ. และ ผู้บังคับบัญชาก็คำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นกฎระเบียบอยู่ ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องนี้มาพิจารณา.
เมื่อถามว่า ยืนยันว่า จะมีการกระจายอำนาจให้กับทุกกลุ่ม ทุกรุ่น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้บอกแล้ว และเราก็คุยกันกับผู้บังคับหน่วย ซึ่งท่านบอกว่า อะไรไม่ดีต้องปรับให้ดีขึ้น โดยไม่ได้มองว่า แต่ละคนมาจากไหน แต่ดูที่ความรู้ความสามารถ ความอาวุโส ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งท่านบอกว่า บางครั้งรุ่นเดียวกันมี 2 ตำแหน่ง เท่าๆกัน แต่ต้องขึ้นมาตำแหน่งเดียวก็จะดูที่ความอาวุโสว่า ใครที่มีขีดความสามารถมากกว่ากัน และใครมาดำรงตำแหน่งนี้จะทำงานให้กองทัพได้ดีกว่ากัน ทั้งนี้ผู้ที่มาเป็นผบ.เหล่าทัพจะกระจายรุ่น หรือรุ่นเดียวกันก็ได้ ถ้าเขามีความสามารถ ขึ้นอยู่กับเราที่จะดูแลปกครองกองทัพและการสนับสนุนช่วยเหลือทำความเข้าใจ ทุกอย่างก็จะไปได้ เรามองผลความสามารถของบุคคลมากกว่าจะมองว่า คนนั้นอยู่รุ่นไหน
เมื่อถามว่า หากเป็นรุ่นเดียวกันอาจมีการผนึกกำลังเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชา ขึ้นอยู่กับความใกล้ชิดและความเข้าใจกับกองทัพแค่ไหน อย่างไร แต่ถ้าเราห่างเหินไป ความเข้าใจกันอาจมีปัญหา แต่ถ้าหากมีความใกล้ชิดผูกพันกัน คิดว่า ความเป็นรุ่นไม่น่ามีปัญหา สมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ตนเป็นจปร..8 ส่วน ผบ.สส. ผบ.ทบ. และผบ.ทอ.เป็นจปร.9ทั้งนั้นแต่ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เมื่อ ถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะไม่มีการปฏิวัติ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ต่อไปตนเชื่อว่า ไม่มี ตั้งแต่คุยกันมา ตั้งแต่วันที่ตนเริ่มเข้ามาทำงานจนถึงวันนี้ ตนไม่เห็นผบ.เหล่าทัพคนไหนมีความคิดในเรื่องนี้ เมื่อถามว่า ได้มองไปที่แววตาผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่แต่ในแววตา ในใจก็ไม่มี
เมื่อถามถึงการเดินทางเข้าอวยพรวันเกิดพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ท่านจะไม่เปิดบ้านใช่หรือไม่ เมื่อใกล้ๆวันเกิดท่าน ตนจะบอกอีกที ประมาณวันที่ 24 ส.ค.จะแจ้งให้ทราบ
**“บิ๊กโก”รับได้ “บูรพาพยัคฆ์”ผงาด
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่คาดว่าจะกำกับดูแลความมั่นคง โดยเฉพาะ กระทรวงกลาโหม กล่าวถึงรายชื่อโผโยกย้ายนายทหารประจำปี ว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะน้องๆในกองทัพก็รู้จักเป็นอย่างดี และคงไม่มีปัญหากระเพื่อมอะไร และคงต้องรอฟัง รมว.กลาโหม อีกครั้ง
**"ประยุทธ์"ชี้โยกย้ายทหารบอร์ดทบ.พิจารณา
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2554 ว่า ที่ประชุม มอร์นิ่งบรีฟ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารที่อ้างว่าจะมีการผลักดันเพื่อนเตรียมทหารร่วมรุ่น 12 ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหลักนั้น ขอยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นเหล่าทัพไหนก็มีกฎหมาย กฎระเบียบ และ หลักการเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมที่ว่าด้วยการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ตามพระราชบัญญัติการจัดระเบียบของกระทรวงกลาโหม 2551 ที่ระบุว่า การโยกย้ายนายทหารระดับชั้นนายพล ไม่ว่าจะเหล่าทัพไหนก็ตามจะต้องอยู่ภายใต้คณะกรรมการตามมาตรา 25 ที่ประกอบด้วย 7 ตำแหน่ง คือ รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการ และเลขานุการ นอกจากนี้ ในส่วนของกองทัพก็จะมีคณะกรรมการในการพิจารณา โดยในส่วนของกองทัพบกก็เหมือนกับเหล่าทัพอื่น ไม่ใช่ว่า ผบ.ทบ. จะนึกแต่งตั้งใครตามอำเภอใจ เพราะจะมีคณะกรรมการจะเป็นผู้พิจารณา โดยมีรอง ผบ.ทบ. เป็นประธานพิจารณา โดยที่ ผบ.ทบ.ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการชุดดังกล่าว หากลงตัว ผบ.ทบ.ก็จะไม่ลงไปดูในรายละเอียด
“กอง ทัพบกมีระดับผู้บังคับบัญชาจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุดของกองทัพบกจะทำทุกอย่างตาม อำเภอใจเป็นไม่ได้ เพราะเป็นสังคมขนาดใหญ่ที่การพิจารณาจะต้องอยู่บนพื้นฐาน คือหนึ่งการตอบแทนกำลังพลในเรื่องของการทุ่มเทในการทำงานตามหน้าที่ โดยหน้าที่ของกองทัพมีมากมายทั้งเรื่องปัญหายาเสพติด การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การบรรเทาสาธารณภัย การป้องกันประเทศ และ การรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งจะไม่ได้หยิบยกประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ที่สังคมมองว่าใครทำงานในเรื่องของการรักษาความสงบของคนเสื้อแดงจะได้รับการ ตอบแทนในตำแหน่งต่าง ๆ คนที่ถูกพาดพิงก็จะรู้สึกไม่ดีทั้ง ๆ ที่ทุ่มเทการทำงาน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจะดำเนินการตามกรอบคือเรื่องความเหมาะสมด้านต่าง ๆ ความอาวุโส ผบ.ทบ. เป็นคนสุดท้ายที่จะนำเรื่องดังกล่าวไปเสนอต่อคณะกรรมการใหญ่ตาม พรบ.ปี 2551 การที่ ผบ.ทบ.ถูกพาดพิงว่ามีการผลักดันคนนั้นคนนี้ขึ้นดำรงตำแหน่งหลัก ทำไม่ได้” พ.อ.สรรเสริญ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า เรื่องของมารยาทเป็นสิ่งสำคัญที่ ผบ.ทบ.ให้ความสำคัญอย่างมาก เช่นในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมที่จะเสนอใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งใน ระดับสูงก็จะต้องเป็นเรื่องของปลัดกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่ในส่วนของ บก.กองทัพไทย ก็ต้องเป็นอำนาจของ ผบ.ทหารสูงสุด ที่จะต้องเป็นผู้พิจารณา ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจในการทำในเรื่องนี้ การแต่งตั้งโยกย้ายไม่มีใครรู้จริงว่าใครจะอยู่ในตำแหน่งไหน จะทราบก็ต่อเมื่อมีมติต่อที่ประชุม และมีการนำรายชื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ จนกระทั่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าถึงจะเป็นที่สิ้นสุดไม่มีใครรู้จริง ทั้งนี้ตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ที่มีการระบุว่าจะมีการนำเพื่อนร่วมรุ่นของ ผบ.ทบ.มาดำรงตำแหน่งนั้น จะต้องมีอัตราจอมพลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารจะมีการพิจารณาจากบอร์ดของกองทัพ ไม่ได้แต่งตั้งตามความรู้สึกของ ผบ.ทบ. และ ผู้บังคับบัญชาก็คำนึงถึงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นกฎระเบียบอยู่ ไม่ใช่หยิบยกเรื่องใดเรื่องนี้มาพิจารณา.