เอเอฟพี - โดมินิก สเตราส์-คาห์น อดีตกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ฝรั่งเศสเมื่อวันอาทิตย์(18) ยอมรับว่าการมีสัมพันธ์สวาทกับแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมในนิวยอร์กที่กลายเป็นกรณีอื้อฉาวระดับโลก เป็น “ความล้มเหลวทางศีลธรรม” แต่ยืนกรานว่าเขาไม่เคยพยายามข่มขืนเธอ หรือผู้หญิงคนอื่นๆ ทางด้านทนายของแม่บ้านผู้นี้ยืนยันว่า จะดำเนินการฟ้องร้องเขาในคดีแพ่งต่อไป
อดีตบิ๊กบอสไอเอ็มเอฟปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ทีเอฟ 1 ซึ่งดำเนินรายการโดยแคลร์ ชาซาล เพื่อนภรรยาของเขา นับเป็นการออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เขาเดินทางกลับฝรั่งเศส ภายหลังศาลอาญานิวยอร์กตัดสินยกฟ้องเขา ขณะเดียวกัน ก็เป็นการออกมาพูดครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ถูกตำรวจฝรั่งเศสสอบสวนข้อหาข่มขืนคดีที่สอง
นักการเมือง และนักเศรษฐศาสตร์สายสังคมนิยมวัย 62 ปีผู้นี้กล่าวว่า เขาทำให้ทั้งภรรยาผู้ซื่อสัตย์ของเขาตลอดจนประชาชนชาวฝรั่งเศสหมดความเชื่อถือไว้วางใจ พร้อมกับยอมรับว่าได้ล้มเลิกความหวังในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีหน้าไปแล้ว แต่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยใช้ความรุนแรงกับหญิงสาวที่มีคดีความอยู่กับเขาทั้ง 2 คน
ระหว่างการให้สัมภาษณ์คราวนี้ สเตราส์-คาห์นใช้น้ำเสียงลักษณะพร้อมต่อสู้ แต่เลือกพูดถ้อยคำที่แสดงความเสียใจ ด้วยความพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองที่เสียไป พร้อมกับรับสภาพว่าอนาคตทางการเมืองของเขาดับวูบลงแล้วในช่วงเฉพาะหน้านี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีทั้งความรุนแรง หรือการฝืนใจ ไม่มีการกระทำที่เป็นอาชญากรรม” เขาพูดอย่างหนักแน่นกับชาซาล เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องสูทของโรงแรมโซฟิเทล อันเลิศหรูในย่านแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ก่อนที่เขาจะถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายทางเพศ
สเตราส์-คาห์นกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลา 7 นาที่ที่เขาพบกับ นาฟิสซาโต ดิอัลโล แม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมแห่งนั้น เป็น “ความล้มเหลวทางศีลธรรม ซึ่งผมไม่รู้สึกภาคภูมิใจ” แต่เขาเน้นว่า ตำรวจไม่พบร่องรอยขีดข่วน บาดแผล หรือสัญลักษณ์ของความรุนแรงใดๆ บนตัวแม่บ้านผู้นี้
เขาไม่ได้ให้รายละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในห้องสูทดังกล่าว และเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นที่ทนายของดิอัลโลรีบฉวยใช้ออกมาตอบโต้
“สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา” ดักลาส วิกดอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของดิอัลโล บอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ในสหรัฐฯ “เขาไม่ได้พูดอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”
วิกดอร์ประกาศว่า ลูกความของเขาจะยังคงเดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งจากสเตราส์-คาห์น
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ สเตราห์-คาห์น ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้ทำร้าย ตริสตาน บาน็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เป็นบุตรสาวของเพื่อนสนิททางครอบครัว และมีอายุน้อยกว่าเขาถึง 30 ปี บาน็องกำลังร้องเรียนกล่าวโทษเขาว่า พยายามข่มขืนเธอที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงปารีสเมื่อปี 2003
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สเตราส์-คาห์นใช้วิธีไม่ปฏิเสธว่ามีการพบกันกับเจ้าทุกข์จริงๆ แต่ในคราวนี้เขาหันไปหยิบยกข้อเท็จจริงที่ว่า “ผมถูก (ตำรวจ) สัมภาษณ์ในฐานะของพยานคนหนึ่ง ผมได้บอกความจริงไปว่าในการพบกันคราวนั้น ไม่ได้มีความก้าวร้าว ไม่มีความรุนแรง ผมจะไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้” พร้อมกันนั้นเขาก็กล่าวด้วยว่า รายละเอียดที่ปรากฏในรายงานข่าวต่างๆ นั้น “เป็นการจินตนาการเอาเอง ใส่ร้ายสบประมาท”
ถึงแม้เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ แต่เขาก็ยอมรับว่า “เห็นได้ชัดเจน” ว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสในการเลือกตั้งปีหน้าได้อีกต่อไป และเขากล่าวว่า เขาจะไม่เข้าไปมีบทบาทใดๆ ในการโต้วาทีเพื่อหยั่งเสียงหาผู้สมัครของพรรคสังคมนิยมที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้
เขาบอกว่า ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพทางการเมืองของเขาในอนาคต
อดีตบิ๊กบอสไอเอ็มเอฟปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ทีเอฟ 1 ซึ่งดำเนินรายการโดยแคลร์ ชาซาล เพื่อนภรรยาของเขา นับเป็นการออกมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เขาเดินทางกลับฝรั่งเศส ภายหลังศาลอาญานิวยอร์กตัดสินยกฟ้องเขา ขณะเดียวกัน ก็เป็นการออกมาพูดครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ถูกตำรวจฝรั่งเศสสอบสวนข้อหาข่มขืนคดีที่สอง
นักการเมือง และนักเศรษฐศาสตร์สายสังคมนิยมวัย 62 ปีผู้นี้กล่าวว่า เขาทำให้ทั้งภรรยาผู้ซื่อสัตย์ของเขาตลอดจนประชาชนชาวฝรั่งเศสหมดความเชื่อถือไว้วางใจ พร้อมกับยอมรับว่าได้ล้มเลิกความหวังในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปีหน้าไปแล้ว แต่ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยใช้ความรุนแรงกับหญิงสาวที่มีคดีความอยู่กับเขาทั้ง 2 คน
ระหว่างการให้สัมภาษณ์คราวนี้ สเตราส์-คาห์นใช้น้ำเสียงลักษณะพร้อมต่อสู้ แต่เลือกพูดถ้อยคำที่แสดงความเสียใจ ด้วยความพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองที่เสียไป พร้อมกับรับสภาพว่าอนาคตทางการเมืองของเขาดับวูบลงแล้วในช่วงเฉพาะหน้านี้
“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีทั้งความรุนแรง หรือการฝืนใจ ไม่มีการกระทำที่เป็นอาชญากรรม” เขาพูดอย่างหนักแน่นกับชาซาล เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องสูทของโรงแรมโซฟิเทล อันเลิศหรูในย่านแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ก่อนที่เขาจะถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายทางเพศ
สเตราส์-คาห์นกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลา 7 นาที่ที่เขาพบกับ นาฟิสซาโต ดิอัลโล แม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมแห่งนั้น เป็น “ความล้มเหลวทางศีลธรรม ซึ่งผมไม่รู้สึกภาคภูมิใจ” แต่เขาเน้นว่า ตำรวจไม่พบร่องรอยขีดข่วน บาดแผล หรือสัญลักษณ์ของความรุนแรงใดๆ บนตัวแม่บ้านผู้นี้
เขาไม่ได้ให้รายละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในห้องสูทดังกล่าว และเรื่องนี้ก็กลายเป็นประเด็นที่ทนายของดิอัลโลรีบฉวยใช้ออกมาตอบโต้
“สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา” ดักลาส วิกดอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของดิอัลโล บอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์ในสหรัฐฯ “เขาไม่ได้พูดอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”
วิกดอร์ประกาศว่า ลูกความของเขาจะยังคงเดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งจากสเตราส์-คาห์น
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ สเตราห์-คาห์น ยังปฏิเสธว่า ไม่ได้ทำร้าย ตริสตาน บาน็อง นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เป็นบุตรสาวของเพื่อนสนิททางครอบครัว และมีอายุน้อยกว่าเขาถึง 30 ปี บาน็องกำลังร้องเรียนกล่าวโทษเขาว่า พยายามข่มขืนเธอที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในกรุงปารีสเมื่อปี 2003
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สเตราส์-คาห์นใช้วิธีไม่ปฏิเสธว่ามีการพบกันกับเจ้าทุกข์จริงๆ แต่ในคราวนี้เขาหันไปหยิบยกข้อเท็จจริงที่ว่า “ผมถูก (ตำรวจ) สัมภาษณ์ในฐานะของพยานคนหนึ่ง ผมได้บอกความจริงไปว่าในการพบกันคราวนั้น ไม่ได้มีความก้าวร้าว ไม่มีความรุนแรง ผมจะไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้” พร้อมกันนั้นเขาก็กล่าวด้วยว่า รายละเอียดที่ปรากฏในรายงานข่าวต่างๆ นั้น “เป็นการจินตนาการเอาเอง ใส่ร้ายสบประมาท”
ถึงแม้เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ แต่เขาก็ยอมรับว่า “เห็นได้ชัดเจน” ว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสในการเลือกตั้งปีหน้าได้อีกต่อไป และเขากล่าวว่า เขาจะไม่เข้าไปมีบทบาทใดๆ ในการโต้วาทีเพื่อหยั่งเสียงหาผู้สมัครของพรรคสังคมนิยมที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้
เขาบอกว่า ขอใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพทางการเมืองของเขาในอนาคต