"ส.ว.คำนูณ" ไม่ปักใจเชื่อ "ฮุนเซน" ปูดเรื่องเจรจาลับบ่อก๊าซ จี้ "เทือก-บิ๊กป้อม" แจงให้ชัดโดยด่วน แนะรัฐบาลเปิดประชุมร่วมรัฐสภาหาทางออก ชี้เรื่องแผนที่แบ่งบล็อกพื้นที่ทางทะเลมีมูลความจริง "เด็จพี่" ขู่ถอดถอน "เทือก" อ้างทำผิดรธน. ด้าน"เทือก" ยันไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
วานนี้ ( 14 ก.ย. ) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่มีข้อมูลจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุให้ทางการไทยตรวจสอบการกระทำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกฯ ที่มีความพยายามเจรจาเรื่องผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทะเลอ่าวไทยว่า เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ระบุให้รัฐบาลต้องเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาก่อนการดำเนินการใดๆ ที่เป็นการทำสัญญากับต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศว่า กรณีดังกล่าวนั้นต้องพิจารณาดูว่า คำพูดมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ตนขอให้นายสุเทพได้ชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ และตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ ไม่ใช่แค่การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในลักษณะของการตอบโต้กันไปมาเท่านั้น รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม ที่ร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพ ต้องชี้แจงด้วย
**แนะเปิดประชุมร่วมรัฐสภาถกบ่อก๊าซ
นายคำนูณ กล่าวอีกว่าประเด็นเรื่องตรวจสอบ ตนอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้วยการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 เพื่อรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภา และถือเป็นโอกาสดี ที่จะเปิดเวทีซักถามข้อเท็จจริงกับนายสุเทพ แต่หากรัฐบาลไม่ยินยอมที่จะเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 หากวันใดที่รัฐบาลต้องไปเจรจากับประเทศกัมพูชา ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลต้องเสนอกรอบเจรจาต่อที่ประชุมรัฐสภา ตามาตรา 190 อยู่ดี
สำหรับกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพ ได้นำแผนที่ซึ่งเป็นการแบ่งบล็อกน้ำมันไปด้วยนั้น ที่ผ่านมานักวิชาการที่ติดตามเรื่องดังกล่าว ล้วนมีแผนที่ฉบับนี้อยู่ และทั้งประเทศไทย และประเทศกัมพูชาได้ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆให้เป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเจรจากับผู้นำกัมพูชานั้น ต้องสอบถามว่า ได้คุยอะไร เข้าข่ายขัดมาตรา 190 หรือไม่
ทั้งนี้ หลังจากที่มีข่าวตนจะนำเรื่องไปหารือน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ว่า จะมีแนวทางในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง
** "เด็จพี่"ขู่ยื่นถอดถอน"เทือก"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากย้อนถึงพฤติกรรมของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยกล่าวหาโจมตีรัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคพลังประชาชน ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงมาโดยตลอด แต่มาวันนี้ เมื่อน้ำลดตอผุดกลับเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ใช่บิดเบือนว่าสมเด็จฮุน เซน กล่าวให้ร้าย และกล่าวหาว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาเรื่องนี้มากลบข่าวโยกย้ายข้าราชการ
"ในฐานะ ส.ส จะมีการร่วมตรวจสอบ เพราะเห็นว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นการเจรจาลับและมีวาระซ้อนเร้น ซึ่งเชื่อว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ หากมีความผิด ก็อาจจะยื่นถอดถอนนายสุเทพ ด้วย จึงขอให้สังคม นักวิชาการ นักกฎหมายและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบในเรื่องนี้ และการที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ กระทำเช่นนี้ เป็นลักษณะที่เรียกว่า การตีการเมือง 2 หน้า ด้านหนึ่งก็บอกว่ามีปัญหากับกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งกลับใช้การทูตในการเจรจาแบบพิธีพิเศษ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายสุเทพ ในฐานะอดีตรองนายกฯ ด้านความมั่นคง เดินทางไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เพื่อเจรจาเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนในทะเล เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะต้องใช้งบประมาณของรัฐ แต่ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
ดังนั้นตนอยากให้มีการตรวจสอบว่า การเดินทางไปเจรจามีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลอื่นใดหรือไม่ นอกจากนี้ตนยังทราบว่า นายสุเทพ ได้มีการเปิดบัญชีไว้ในต่าประเทศ ทั้งที่ สิงคโปร์ และมาเลเซีย จึงมีข้อสังเกตว่าจะใช้ในการไซฟ่อนเงินหรือไม่ หรือหวังที่จะได้เงินทอนจากโครงการต่างๆ เพื่อเข้าบัญชีนี้หรือไม่ จึงอยากขอให้ ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
** "ปู"ไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืน 4.6 ตร.กม.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศจุดยืนที่ชัดเจน ต่อพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.บริเวณปราสาทพระวิหาร ก่อนเดินทางไปเยือนกัมพูชาในวันนี้ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืนอะไร เพราะคงไม่มีใครสงสัยจนจำเป็นต้องแอ๊คอาร์ต โชว์พาวเวอร์อะไร แต่ในทางกลับกันนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ควรจะเป็นฝ่ายตอบคำถาม กรณีที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาเปิดเผยเรื่องอดีตผู้นำรัฐบาลเดินทางไปพบ และพยายามขอเจรจาลับกับผู้นำกัมพูชา เกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องทรัพยากรธรรมชาติบริเวณพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยจะดีกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ควรต้องดำเนินการอย่างเปิดเผย
" ผมคิดว่านายสุเทพ ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าไปเจรจาอะไรกับผู้นำกัมพูชา ถึง 3 ครั้ง หรือว่าติดใจในรสชาติแกงเลียง และนายสุเทพ ต้องชี้แจงให้ได้ว่านำเอกสารแผนที่เกี่ยวกับบล็อคน้ำมันในทะเลไปด้วยทำไม เพราะอะไรต้องเร่งรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และผมขอนำคำพูดของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ผู้ล่วงลับ มาถามนายอภิสิทธิ์ อีกครั้งว่า อายไหม ที่สมเด็จฯฮุนเซน กล่าวพาดพิงว่า ต้องคอยสอนนายอภิสิทธิ์ตลอด เมื่อตอนเป็นนายกฯก็สอนแล้วสอนอีก ตอนนี้ยังต้องให้สอนอีกหรือ" นายอนุสรณ์ กล่าว
** "เทือก"ปัดไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวปฏิเสธข่าวที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาแฉว่า ตนเป็นคนเดินทางไปเจรจาลับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ที่บ้านพักสมเด็จ ฮุนเซน ที่ ตาเคมา จ.กัณดาล ประเทศกัมพูชาว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้หารือลับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา แต่เรื่องดังกล่าว สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นผู้เริ่มหยิบยกมาหารือร่วม ขณะเดินทางเยือนกัมพูชา
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน รู้สึกเสียใจที่สมเด็จฯ ฮุนเซน พยายามให้ร้ายรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งที่ตนได้ประคับประคองความสัมพันธ์มาโดยตลอด และอนาคตเห็นว่า รัฐบาลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยากให้สมเด็จฯ ฮุนเซน รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า
** ชี้"ฮุนเซน"เห็น"มาร์ค"เป็นปฏิปักษ์
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องที่ สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพได้เข้าเจรจาลับ ที่บ้านพักส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน ว่าไม่มีคำว่าเจรจาลับ ตามหลักปฏิบัติ การพูด จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ กับไม่เป็นทางการ บางครั้งต้องไปจับเข่าคุยกันภายในก่อน จึงเข้าสู่การเจรจาบนโต๊ะอย่างเป็นทางการ ตามพิธีการ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดเป็นประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ซึ่งในช่วงนั้นเมื่อเจรจาแล้วนายสุเทพ ก็กลับมารายงานให้น่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ โดยการทำหน้าที่ของนายสุเทพ ก็เป็นไปตามมติครม. ที่ตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ในเรื่องผลประโยชน์ และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพ ต้องการยกตัวเองขึ้นเจรจาเทียบชั้นสมเด็จฮุนเซน นายกษิต กล่าวว่าไม่จริง สมเด็จฮุนเซน จะพูดอะไรก็ได้ เพราะสมเด็จฮุนเซนมีความรู้สึกว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือตนทำตัวเป็นปฏิปักษ์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะแง่ความช่วยเหลือและการลงทุนต่างๆ ไทยก็ดำเนินการให้กับกัมพูชาหลายเรื่อง เราเป็นประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเปิดใจเท่านั้นเอง ในการปะทะก็แค่เฉพาะจุด สมเด็จฮุนเซน อยากจะทะเลาะกับเราที่อาเซียนเราก็ไป ยูเนสโกเราก็ไป ยูเอ็น ศาลโลกเราก็ไป เพราะเราใช้การเจรจาเป็นตัวตั้ง
ทั้งนี้เป็นเพราะเรามาเป็นรัฐบาลในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะ และสมเด็จฮุนเซนได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา จึงเป็นปฏิกิริยาต่อการกระทำของสมเด็จฮุนเซนเอง จะมาโยนภาระความผิดให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ เพราะเรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ดังนั้นแม้เราจะแพ้เลือกตั้ง ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ก็ต้องปกป้องประโยชน์ประเทศ ทำเป็นกรอบเสนอต่อรัฐสภาเห็นชอบ โดยต้องยึดว่า เกาะกูดเป็นของไทย
" แม้สมเด็จฮุนเซนจะบอกว่ากับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพื่อนรักกัน แล้วจะมาพัวพันกันเรื่องประโยชน์ของชาติ ก็ถือเป็นความผิดของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งมันคงรับไม่ได้ ฝ่ายค้านก็ต้องค้าน ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ยอมไม่ได้เด็ดขาด ที่ให้ผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว ส่วนพรรคการเมือง มาพัวพันประโยชน์ชาติ ผมก็หวังว่ารัฐบาล 15 ล้านเสียง จะทำเพื่อเสียงของคนไทยทั้งหมด 65 ล้านคน " นายกษิต กล่าว
**ปชป.อ้างไม่เคยเจรจาผลประโยชน์ทางทะเล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยัน ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีการเจรจาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลกับสมเด็จฮุนเซน แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งนี้การประชุมร่วมระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมามี 2 ครั้ง ซึ่งล้วนเกิดในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.45 สมเด็จฮุนเซนน่าจะรู้เรื่องดี แต่พยายามกล่าวอ้างบิดเบือนใส่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และขอให้โฆษกประจำสำนักนายกฯ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เลิกใช้วาทะกรรมข่มขู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องนั้นเรื่องนี้ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อย่าเอาความไร้ความสามารถในการบริหารประเทศของตัวเองมาตีกระทบโยนความผิดให้รัฐบาลก่อน
วานนี้ ( 14 ก.ย. ) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่มีข้อมูลจากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาระบุให้ทางการไทยตรวจสอบการกระทำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกฯ ที่มีความพยายามเจรจาเรื่องผลประโยชน์พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทะเลอ่าวไทยว่า เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ระบุให้รัฐบาลต้องเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาก่อนการดำเนินการใดๆ ที่เป็นการทำสัญญากับต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศว่า กรณีดังกล่าวนั้นต้องพิจารณาดูว่า คำพูดมีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
ทั้งนี้ตนขอให้นายสุเทพได้ชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ และตรงไปตรงมาต่อสาธารณะ ไม่ใช่แค่การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในลักษณะของการตอบโต้กันไปมาเท่านั้น รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม ที่ร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพ ต้องชี้แจงด้วย
**แนะเปิดประชุมร่วมรัฐสภาถกบ่อก๊าซ
นายคำนูณ กล่าวอีกว่าประเด็นเรื่องตรวจสอบ ตนอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญ ด้วยการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 เพื่อรับฟังความเห็นของสมาชิกรัฐสภา และถือเป็นโอกาสดี ที่จะเปิดเวทีซักถามข้อเท็จจริงกับนายสุเทพ แต่หากรัฐบาลไม่ยินยอมที่จะเปิดประชุมร่วมรัฐสภา ตามมาตรา 179 หากวันใดที่รัฐบาลต้องไปเจรจากับประเทศกัมพูชา ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลต้องเสนอกรอบเจรจาต่อที่ประชุมรัฐสภา ตามาตรา 190 อยู่ดี
สำหรับกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพ ได้นำแผนที่ซึ่งเป็นการแบ่งบล็อกน้ำมันไปด้วยนั้น ที่ผ่านมานักวิชาการที่ติดตามเรื่องดังกล่าว ล้วนมีแผนที่ฉบับนี้อยู่ และทั้งประเทศไทย และประเทศกัมพูชาได้ให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆให้เป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเจรจากับผู้นำกัมพูชานั้น ต้องสอบถามว่า ได้คุยอะไร เข้าข่ายขัดมาตรา 190 หรือไม่
ทั้งนี้ หลังจากที่มีข่าวตนจะนำเรื่องไปหารือน.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ว่า จะมีแนวทางในการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง
** "เด็จพี่"ขู่ยื่นถอดถอน"เทือก"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากย้อนถึงพฤติกรรมของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เคยกล่าวหาโจมตีรัฐบาลที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคพลังประชาชน ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงมาโดยตลอด แต่มาวันนี้ เมื่อน้ำลดตอผุดกลับเข้าทำนอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน ไม่ใช่บิดเบือนว่าสมเด็จฮุน เซน กล่าวให้ร้าย และกล่าวหาว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาเรื่องนี้มากลบข่าวโยกย้ายข้าราชการ
"ในฐานะ ส.ส จะมีการร่วมตรวจสอบ เพราะเห็นว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นการเจรจาลับและมีวาระซ้อนเร้น ซึ่งเชื่อว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ หากมีความผิด ก็อาจจะยื่นถอดถอนนายสุเทพ ด้วย จึงขอให้สังคม นักวิชาการ นักกฎหมายและสื่อมวลชนช่วยกันตรวจสอบในเรื่องนี้ และการที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ กระทำเช่นนี้ เป็นลักษณะที่เรียกว่า การตีการเมือง 2 หน้า ด้านหนึ่งก็บอกว่ามีปัญหากับกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งกลับใช้การทูตในการเจรจาแบบพิธีพิเศษ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายสุเทพ ในฐานะอดีตรองนายกฯ ด้านความมั่นคง เดินทางไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา เพื่อเจรจาเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนในทะเล เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะต้องใช้งบประมาณของรัฐ แต่ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ
ดังนั้นตนอยากให้มีการตรวจสอบว่า การเดินทางไปเจรจามีผลประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ เกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลอื่นใดหรือไม่ นอกจากนี้ตนยังทราบว่า นายสุเทพ ได้มีการเปิดบัญชีไว้ในต่าประเทศ ทั้งที่ สิงคโปร์ และมาเลเซีย จึงมีข้อสังเกตว่าจะใช้ในการไซฟ่อนเงินหรือไม่ หรือหวังที่จะได้เงินทอนจากโครงการต่างๆ เพื่อเข้าบัญชีนี้หรือไม่ จึงอยากขอให้ ครม.เงาของพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
** "ปู"ไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืน 4.6 ตร.กม.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศจุดยืนที่ชัดเจน ต่อพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.บริเวณปราสาทพระวิหาร ก่อนเดินทางไปเยือนกัมพูชาในวันนี้ ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืนอะไร เพราะคงไม่มีใครสงสัยจนจำเป็นต้องแอ๊คอาร์ต โชว์พาวเวอร์อะไร แต่ในทางกลับกันนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ควรจะเป็นฝ่ายตอบคำถาม กรณีที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาเปิดเผยเรื่องอดีตผู้นำรัฐบาลเดินทางไปพบ และพยายามขอเจรจาลับกับผู้นำกัมพูชา เกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องทรัพยากรธรรมชาติบริเวณพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทยจะดีกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ควรต้องดำเนินการอย่างเปิดเผย
" ผมคิดว่านายสุเทพ ต้องตอบประชาชนให้ได้ว่าไปเจรจาอะไรกับผู้นำกัมพูชา ถึง 3 ครั้ง หรือว่าติดใจในรสชาติแกงเลียง และนายสุเทพ ต้องชี้แจงให้ได้ว่านำเอกสารแผนที่เกี่ยวกับบล็อคน้ำมันในทะเลไปด้วยทำไม เพราะอะไรต้องเร่งรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และผมขอนำคำพูดของ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ผู้ล่วงลับ มาถามนายอภิสิทธิ์ อีกครั้งว่า อายไหม ที่สมเด็จฯฮุนเซน กล่าวพาดพิงว่า ต้องคอยสอนนายอภิสิทธิ์ตลอด เมื่อตอนเป็นนายกฯก็สอนแล้วสอนอีก ตอนนี้ยังต้องให้สอนอีกหรือ" นายอนุสรณ์ กล่าว
** "เทือก"ปัดไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวปฏิเสธข่าวที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาแฉว่า ตนเป็นคนเดินทางไปเจรจาลับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ที่บ้านพักสมเด็จ ฮุนเซน ที่ ตาเคมา จ.กัณดาล ประเทศกัมพูชาว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้หารือลับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา แต่เรื่องดังกล่าว สมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นผู้เริ่มหยิบยกมาหารือร่วม ขณะเดินทางเยือนกัมพูชา
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน รู้สึกเสียใจที่สมเด็จฯ ฮุนเซน พยายามให้ร้ายรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งที่ตนได้ประคับประคองความสัมพันธ์มาโดยตลอด และอนาคตเห็นว่า รัฐบาลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อยากให้สมเด็จฯ ฮุนเซน รักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า
** ชี้"ฮุนเซน"เห็น"มาร์ค"เป็นปฏิปักษ์
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องที่ สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพได้เข้าเจรจาลับ ที่บ้านพักส่วนตัวของสมเด็จฮุนเซน ว่าไม่มีคำว่าเจรจาลับ ตามหลักปฏิบัติ การพูด จะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ กับไม่เป็นทางการ บางครั้งต้องไปจับเข่าคุยกันภายในก่อน จึงเข้าสู่การเจรจาบนโต๊ะอย่างเป็นทางการ ตามพิธีการ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดเป็นประโยชน์ประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว ซึ่งในช่วงนั้นเมื่อเจรจาแล้วนายสุเทพ ก็กลับมารายงานให้น่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ โดยการทำหน้าที่ของนายสุเทพ ก็เป็นไปตามมติครม. ที่ตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ในเรื่องผลประโยชน์ และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซน ระบุว่า นายสุเทพ ต้องการยกตัวเองขึ้นเจรจาเทียบชั้นสมเด็จฮุนเซน นายกษิต กล่าวว่าไม่จริง สมเด็จฮุนเซน จะพูดอะไรก็ได้ เพราะสมเด็จฮุนเซนมีความรู้สึกว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือตนทำตัวเป็นปฏิปักษ์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะแง่ความช่วยเหลือและการลงทุนต่างๆ ไทยก็ดำเนินการให้กับกัมพูชาหลายเรื่อง เราเป็นประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเปิดใจเท่านั้นเอง ในการปะทะก็แค่เฉพาะจุด สมเด็จฮุนเซน อยากจะทะเลาะกับเราที่อาเซียนเราก็ไป ยูเนสโกเราก็ไป ยูเอ็น ศาลโลกเราก็ไป เพราะเราใช้การเจรจาเป็นตัวตั้ง
ทั้งนี้เป็นเพราะเรามาเป็นรัฐบาลในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้แถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะ และสมเด็จฮุนเซนได้ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา จึงเป็นปฏิกิริยาต่อการกระทำของสมเด็จฮุนเซนเอง จะมาโยนภาระความผิดให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่ได้ เพราะเรามีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ประเทศ ดังนั้นแม้เราจะแพ้เลือกตั้ง ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้ก็ต้องปกป้องประโยชน์ประเทศ ทำเป็นกรอบเสนอต่อรัฐสภาเห็นชอบ โดยต้องยึดว่า เกาะกูดเป็นของไทย
" แม้สมเด็จฮุนเซนจะบอกว่ากับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพื่อนรักกัน แล้วจะมาพัวพันกันเรื่องประโยชน์ของชาติ ก็ถือเป็นความผิดของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งมันคงรับไม่ได้ ฝ่ายค้านก็ต้องค้าน ผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ยอมไม่ได้เด็ดขาด ที่ให้ผลประโยชน์ส่วนตัว ส่วนครอบครัว ส่วนพรรคการเมือง มาพัวพันประโยชน์ชาติ ผมก็หวังว่ารัฐบาล 15 ล้านเสียง จะทำเพื่อเสียงของคนไทยทั้งหมด 65 ล้านคน " นายกษิต กล่าว
**ปชป.อ้างไม่เคยเจรจาผลประโยชน์ทางทะเล
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยัน ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่เคยมีการเจรจาเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางทะเลกับสมเด็จฮุนเซน แม้แต่ครั้งเดียว ทั้งนี้การประชุมร่วมระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมามี 2 ครั้ง ซึ่งล้วนเกิดในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณทั้งสิ้น โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.45 สมเด็จฮุนเซนน่าจะรู้เรื่องดี แต่พยายามกล่าวอ้างบิดเบือนใส่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และขอให้โฆษกประจำสำนักนายกฯ และโฆษกพรรคเพื่อไทย เลิกใช้วาทะกรรมข่มขู่ว่าจะเปิดเผยเรื่องนั้นเรื่องนี้ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อย่าเอาความไร้ความสามารถในการบริหารประเทศของตัวเองมาตีกระทบโยนความผิดให้รัฐบาลก่อน