ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กทีเอ็มบีโล่งอกสินเชื่อ 8 เดือนโตแตะเป้าหมายทั้งปีที่ 10% แต่ยังไม่ปรับเป้ารอดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ประเมินทิศทางดอกเบี้ย คาดกนง.ตรึงที่ระดับ 3.50%
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัวแล้ว 10% จากทั้งปีที่ตั้งเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับกว่า 10% ซึ่งจะยังคงเป้าหมายดังกล่าวไว้เช่นเดิม เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปียังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าบางส่วน หรือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความชัดเจน และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
"ธนาคารยังคงไม่ปรับเป้าสินเชื่อแม้ยอดล่าสุดจะทะลุเป้า เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกหากยังไม่ฟื้นตัว ก็ต้องกระทบส่งออกไทยบ้าง ไม่มากก็น้อย จึงยังต้องติดตามในจุดนี้ต่อไป ขณะเดียวกันต้องทำความเข้าใจต่อลูกค้าในการพัฒนาความสามารถของการค้า รวมถึงการกระจายตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ"
ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นมากของสินเชื่อรวม หลังจากที่ยอดปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีแรกขยายตัวที่ 6% เท่านั้น เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการวงเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม Trade Finance และกลุ่ม Supply Chain ซึ่งยังมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ขณะนี้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 6% แล้ว หรือคิดเป็น 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่มีเอ็นพีแอล สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเอ็นพีแอลในระดับดังกล่าวถือว่าอยู่ในวิสัยที่ธนาคารสามารถจัดการได้ ส่วนเอ็นพีแอลใหม่เพิ่มขึ้นน้อยมากเพียง 0.1-0.2% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบควรมีการให้ความสำคัญกับการดูแลทางด้านความเสี่ยงให้สูงมากกว่ามาตรฐาน เนื่องจากขณะนี้มีการกระจุกตัวของการทำธุรกิจทางด้านการปล่อยสินเชื่อต่อลูกค้าและด้านการปล่อยสินเชื่อในแต่ละอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะกระจุกตัวไปยังอุตสาหกรรมที่ไม่มากนัก ซึ่งความเสี่ยงต่างๆ จะเกิดขึ้นได้หากธนาคารไม่มีการกระจายการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการกระจุกตัวของสินเชื่อดังกล่าว
คาดกนง.เบรกขึ้นดบ.
ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งหน้าในวันที่ 19 ตุลาคมที่จะถึงนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 3.50% เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อน่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
"แม้มีความกังวลอยู่เรื่องเงินเฟ้อ แต่โอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกในรอบหน้าคงน้อยลง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ทำให้แรงกดดันในเรื่องนี้ลดไปด้วย ดังนั้นความจำเป็นที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยคงไม่มีแล้ว"
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัวแล้ว 10% จากทั้งปีที่ตั้งเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับกว่า 10% ซึ่งจะยังคงเป้าหมายดังกล่าวไว้เช่นเดิม เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปียังมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการชำระคืนสินเชื่อของลูกค้าบางส่วน หรือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มีความชัดเจน และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
"ธนาคารยังคงไม่ปรับเป้าสินเชื่อแม้ยอดล่าสุดจะทะลุเป้า เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกหากยังไม่ฟื้นตัว ก็ต้องกระทบส่งออกไทยบ้าง ไม่มากก็น้อย จึงยังต้องติดตามในจุดนี้ต่อไป ขณะเดียวกันต้องทำความเข้าใจต่อลูกค้าในการพัฒนาความสามารถของการค้า รวมถึงการกระจายตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ"
ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นมากของสินเชื่อรวม หลังจากที่ยอดปล่อยสินเชื่อในครึ่งปีแรกขยายตัวที่ 6% เท่านั้น เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการวงเงินหมุนเวียนในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม Trade Finance และกลุ่ม Supply Chain ซึ่งยังมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ขณะนี้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 6% แล้ว หรือคิดเป็น 2.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อนที่มีเอ็นพีแอล สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเอ็นพีแอลในระดับดังกล่าวถือว่าอยู่ในวิสัยที่ธนาคารสามารถจัดการได้ ส่วนเอ็นพีแอลใหม่เพิ่มขึ้นน้อยมากเพียง 0.1-0.2% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบควรมีการให้ความสำคัญกับการดูแลทางด้านความเสี่ยงให้สูงมากกว่ามาตรฐาน เนื่องจากขณะนี้มีการกระจุกตัวของการทำธุรกิจทางด้านการปล่อยสินเชื่อต่อลูกค้าและด้านการปล่อยสินเชื่อในแต่ละอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะกระจุกตัวไปยังอุตสาหกรรมที่ไม่มากนัก ซึ่งความเสี่ยงต่างๆ จะเกิดขึ้นได้หากธนาคารไม่มีการกระจายการดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณของปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการกระจุกตัวของสินเชื่อดังกล่าว
คาดกนง.เบรกขึ้นดบ.
ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ครั้งหน้าในวันที่ 19 ตุลาคมที่จะถึงนี้ คาดว่าจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 3.50% เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อน่าจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
"แม้มีความกังวลอยู่เรื่องเงินเฟ้อ แต่โอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกในรอบหน้าคงน้อยลง จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ทำให้แรงกดดันในเรื่องนี้ลดไปด้วย ดังนั้นความจำเป็นที่ต้องขึ้นดอกเบี้ยคงไม่มีแล้ว"