นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า ในการที่ประชุมคณะกรรมการการเงิน (กนง.) ในการประชุมวันที่ 24 สิงหาคมนี้คาดว่าน่าจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก 0.25% จากปัจจุบันที่ดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับ 3.5% โดยทิศทางของดอกเบี้ยยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า กนง.จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆประกอบด้วย อาทิ ปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวน แม้จะฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในประเทศ เป็นต้น
ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยนั้น ทั้งปีนี้จะเติบโตได้ที่ 3.5-4% โดยในครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวได้สูงกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ แม้จะมีความผันผวน แต่ก็ได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมาแล้ว โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาหนี้สาธารณะและระบบสถาบันการเงินในยูโรโซน รวมถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
**คงเป้าสินเชื่อโตกว่า10%-เน้นซัพพลายเชน**
นายบุญทักษ์กล่าวอีกว่า แนวโน้มสินเชื่อรวมในปีนี้ยังคงเติบโตได้ตามปกติ ซึ่งธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่มากกว่า 10% ในสิ้นปีนี้ โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังสินเชื่อน่าจะมีอัตราการเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 6-7% เนื่องจากปัจจัยหลักในประเทศคือประเด็นทางการเมืองมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว
"สินเชื่อน่าจะเติบโตได้มากกว่า 10% แต่จะไปอยู่ที่เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจในต่างประเทศด้วย เนื่องจากไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงมีปัญหาอยู่"
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังธนาคารยังคงเน้นการออกผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่ม แต่จะเน้นในกลุ่ม Suppy Chain เพิ่มเติม ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น ปัจจุบันลดต่ำลงมาอยู่ในระดับประมาณ 6% แล้ว และมีแนวโน้มที่จปหรับลดลงอีก
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการซื้อขายหุ้นระหว่างกระทรวงการคลังและ ING กรุ๊ปนั้น ไม่สามารถตอบได้ และธนาคารยังไม่มีการหารือกันอย่างเป็นทางการกับทั้งสองฝ่าย ธนาคารจะดูแลดำเนินการตามหน้าที่ในการบริหารงานเท่านั้น
ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยนั้น ทั้งปีนี้จะเติบโตได้ที่ 3.5-4% โดยในครึ่งปีหลังน่าจะขยายตัวได้สูงกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ขณะที่ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ แม้จะมีความผันผวน แต่ก็ได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงที่ผ่านมาแล้ว โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาหนี้สาธารณะและระบบสถาบันการเงินในยูโรโซน รวมถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
**คงเป้าสินเชื่อโตกว่า10%-เน้นซัพพลายเชน**
นายบุญทักษ์กล่าวอีกว่า แนวโน้มสินเชื่อรวมในปีนี้ยังคงเติบโตได้ตามปกติ ซึ่งธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่มากกว่า 10% ในสิ้นปีนี้ โดยมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังสินเชื่อน่าจะมีอัตราการเติบโตได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่ทำได้ 6-7% เนื่องจากปัจจัยหลักในประเทศคือประเด็นทางการเมืองมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว
"สินเชื่อน่าจะเติบโตได้มากกว่า 10% แต่จะไปอยู่ที่เท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจในต่างประเทศด้วย เนื่องจากไทยยังคงพึ่งพาการส่งออกเป็นอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงมีปัญหาอยู่"
นอกจากนี้ ในครึ่งปีหลังธนาคารยังคงเน้นการออกผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่ม แต่จะเน้นในกลุ่ม Suppy Chain เพิ่มเติม ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นั้น ปัจจุบันลดต่ำลงมาอยู่ในระดับประมาณ 6% แล้ว และมีแนวโน้มที่จปหรับลดลงอีก
ทั้งนี้ ความคืบหน้าในการซื้อขายหุ้นระหว่างกระทรวงการคลังและ ING กรุ๊ปนั้น ไม่สามารถตอบได้ และธนาคารยังไม่มีการหารือกันอย่างเป็นทางการกับทั้งสองฝ่าย ธนาคารจะดูแลดำเนินการตามหน้าที่ในการบริหารงานเท่านั้น