ASTVผู้จัดการรายวัน-สาวประเภทสองเฮ! ศาลปกครองสั่งกระทรวงกลาโหมแก้ใบสำคัญเกณฑ์ทหาร สด. ไม่ให้ระบุเป็น "โรคจิตถาวร” ชี้เหตุเป็นการละเมิดสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทหารรับปฏิบัติตาม ชี้การเปลี่ยนกฎกระทรวงใหม่ กระเทยอาจต้องเป็นทหารด้วย หากดี 1 ประเภท 1 ไม่เพียงพอ
วานนี้ (13 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. 2548 (แบบสด.43) ใบสำคัญสำหรับคนจำพวกที่ 4 (แบบสด.5) และใบสำคัญ แบบ สด.9 ของนายสามารถ มีเจริญ กับพวก เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้รมว.กลาโหม ดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของนายสามารถขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากนายสามารถ มีเจริญ หรือน้องน้ำหวาน กับพวกที่เป็นสาวประเภทสอง ได้ยื่นฟ้องรมว.กลาโหม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สัสดีจังหวัดลพบุรี กรณีที่ระบุในใบสด.43 ใบสด.5 และใบสด.9 ของนายสามารถที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินว่าเป็นบุคคลที่ถูกจัดอยู่ประเภทกลุ่มคนทุพพลภาพ เป็น "โรคจิตถาวร” จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อความในส่วนที่ระบุว่าผู้ฟ้องคดี “เป็นโรคจิตถาวร” ในเอกสารดังกล่าว หรือสั่งให้ผู้ถูกฟ้องดำเนินการแก้ไขข้อความดังกล่าว
โดยเหตุที่ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอน ระบุว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับที่ 74 ซึ่งใช้ในการตรวจเลือกทหารกองเกิน มิได้ให้นิยามของคำว่า “โรคจิตถาวร” ว่า มีความหมายอย่างไร ดังนั้น เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่า “โรคจิตถาวร” ตามความเข้าใจของคนทั่วไปตามที่นิยามไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า หมายถึง โรคทางจิตใจที่มีความผิดปกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน วิกลจริต และตามความหมายที่เป็นศัพท์เฉพาะในทางวิชาการของกรมสุขภาพจิต ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจและอารมณ์ หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า คนบ้า ประกอบกันแล้ว เห็นได้ว่า การที่ผู้ฟ้องคดีมีเพศกำเนิดเป็นชายแต่มีเต้านมแบบสตรีและมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิง ยังมิใช่อาการที่แสดงออกถึงความผิดปกติทางความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หรือวิกลจริต
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังปรากฏตามการให้ความเห็นของแพทย์ผู้แทนกรมสุขภาพจิตในการประชุมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2548 เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวนี้ว่า ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ แต่มีการเสริมหน้าอก ไม่ถือเป็นโรคจิต เพียงแต่มีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน ซึ่งการวินิจฉัยทั่วโลกได้มีการยอมรับในมาตรฐานการจำแนกโรคแล้วว่า ผู้ที่เบี่ยงเบนทางเพศไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ และมนุษย์ที่มีพฤติกรรมทางเพศโดยพึงพอใจในเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ตาม ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวและความพอใจส่วนตัว อีกทั้งเมื่อพิเคราะห์จากกรณีที่องค์การอนามัยโลกได้ตัดลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคนรักเพศเดียวกันออกจากกลุ่มคนที่มีความผิดปกติทางจิตด้วยแล้ว กรณีจึงรับฟังได้ว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างลักษณะสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการตรวจเลือกที่มีเพศกำเนิดเป็นชาย แต่มีเต้านมแบบสตรีและมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิงกับการเป็นผู้มีความผิดปกติทางจิต
ดังนั้น การที่คณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกิน อาศัยเพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพร่างกายและบุคลิกดังกล่าวของนายสามารถที่เป็นผู้มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งมิได้สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วยทางจิตตามความหมายทางวิชาการ แล้วนำมาวินิจฉัยว่านายสามารถเป็นโรคจิตถาวร จึงเป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และยังทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องได้รับความอับอายและสูญเสียความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเองที่มีต่อคนรอบข้างและสังคม เนื่องจากการปรากฏข้อความว่าเป็นโรคจิตถาวรในเอกสารประจำตัวของผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ต้องนำไปแสดง ในการสมัครงานหรือในการอื่นๆ จึงเท่ากับเป็นการตีตราว่าผู้ฟ้องคดีมีอาการทางจิตผิดปกติอย่างรุนแรงและไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทั้งที่นายสามารถมิได้เป็นโรคจิตแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ฟ้องคดีให้ด้อยลง จึงเป็นกรณีที่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนายสามารถ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหาย อันเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของนายสามารถ
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการเสนอร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 กำหนดข้อความสำหรับบุคคลประเภทเดียวกับผู้ฟ้องคดีที่ไม่สามารถรับเข้าเป็นทหารได้ โดยมีข้อความว่า “ข้อ 3 (12) ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender identity disorder)” จึงเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามที่จะต้องดำเนินการให้มีการระบุข้อความให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่บ่งบอกภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับการตรวจเลือกให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ศาลพิพากษาเพิกถอนใบสด.43 ใบสด.5 และใบสด.9 ของนายสามารถ เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
พ.อ.ชาติชาย แจ้งสี ผู้อำนวยการกองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า ทางกองทัพคงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ตนจะนำเรื่องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาและเชื่อว่าน่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะกระทรวงกลาโหมก็มีการดำเนินการเป็นที่พอใจทุกฝ่ายตามที่ศาลระบุ ส่วนกฎกระทรวงที่รอการแก้ไขขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อเป็นข่าวคึกโครมอยู่ขณะนี้ ทางกฤษฎีกาก็น่าจะเร่งพิจารณาเพื่อเสนอให้ประกาศบังคับใช้ และคิดว่าน่าจะทันในเดือนเม.ย.ปีหน้า ซึ่งจะมีการตรวจคัดเลือกทหารเข้าประจำการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเรียกร้องให้กะเทยไม่อยู่ในประเภท 4 หรือประเภทผู้ป่วยโรคจิตถาวร หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ในกฎกระทรวงฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขก็ต้องเอาไปไว้ในประเภทที่ 2 ซึ่งหมายความว่า จากเดิมผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 4 จะพ้นจากการถูกเรียกเข้าประจำการไปเลย แต่ประเภทที่สองอาจต้องรอถูกเรียก หากผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 1 มีไม่เพียงพอสำหรับการเจ้ารับประจำการในแต่ละปี
ทั้งนี้ เดิมทางกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกทหารไว้ 4 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ ประเภทดีสมบูรณ์ พร้อมเข้าประจำการ ประเภทที่ 2 คือ พวกสภาพร่างกายมีปัญหาแต่ไม่ถึงกับทุพลภาพ ประเภทที่ 3 คือ พวกที่ป่วยไม่สามารถหายได้ใน 30 วัน และประเภทที่ 4 คือ ประเภทสภาพร่างกายและจิตใจไม่ปรกติไม่อาจรับราชการได้ เช่น เป็นโรคจิตหรือโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
“เมื่อกลุ่มผู้มี “ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นข้อ 3 ของประเภทที่ 2 ก็หมายความว่า หากปีใดกลุ่มชายไทยในประเภทที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยจำพวกแรกกลุ่มผู้มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมตามเกณฑ์ คือสูง 160 ซม.ขึ้นไป รอบอกเมื่อหายใจออกไม่ต่ำกว่า 76 ซม. จำพวกที่ 2 หรือขนาดถัดรอง ความสูง146-159 ซม. แต่รอบอกเมื่อหายใจออกเกิน 76 ซม. และพวกขนาดต่ำกว่านั้น แต่ร่างกายและจิตใจปรกติ ทั้งสามจำพวกไม่เพียงพอต่อการเข้าเป็นทหารกองประจำการ ก็ต้องไปเรียกจากประเภทที่ 2 ที่มีสภาพร่างการผิดปรกติ แต่ไม่ทุพลภาพ เช่น ตาเหล่ หลังงุ้ม ไอคิวต่ำ ซึ่งกลุ่มกะเทยแปลงเพศจะต้องไปอยู่ในกลุ่มนี้ จากเดิมที่เคยอยู่ในประเภทที่ 4 ที่จะไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการเลย” พล.อ.ชาติชายกล่าว
นายเจษฎา แต่สมบัติ ตัวแทนเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลปกครองที่มีคำวินิจฉัยให้มีการแก้ไขเอกสาร สด.43 ของผู้ฟ้องคดี โดยคำพิพากษาของศาลจะเป็นเครื่องยืนยันให้กองทัพได้มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานในการตรวจเลือกทหารกองเกินต่อไปในอนาคต โดยให้คำนึงถึงความละเอียดอ่อนทางเพศภาวะและเพศวิถีของประชาชน อีกทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ได้รับเอกสาร สด.43 ที่ระบุว่าเป็นโรคจิตถาวรในอดีตทุกคน ให้มีโอกาสได้รับการแก้ไข สด.43 เช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลปกครองครั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมีทั้งสาวประเภท 2 ทอม และเกย์ จำนวนมากได้นำร่มสีรุ้ง และป้ายสัญลักษณ์ของกลุ่ม มาให้กำลังใจกับนายสามารถด้วย ซึ่งภายหลังศาลมีคำพิพากษาเสร็จสิ้น กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศได้มอบช่อดอกไม้ให้กับพ.อ.ชาติชาย โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และมีการจับมีมือเพื่อให้กำลังใจกันด้วย
วานนี้ (13 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. 2548 (แบบสด.43) ใบสำคัญสำหรับคนจำพวกที่ 4 (แบบสด.5) และใบสำคัญ แบบ สด.9 ของนายสามารถ มีเจริญ กับพวก เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้รมว.กลาโหม ดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของนายสามารถขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากนายสามารถ มีเจริญ หรือน้องน้ำหวาน กับพวกที่เป็นสาวประเภทสอง ได้ยื่นฟ้องรมว.กลาโหม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สัสดีจังหวัดลพบุรี กรณีที่ระบุในใบสด.43 ใบสด.5 และใบสด.9 ของนายสามารถที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินว่าเป็นบุคคลที่ถูกจัดอยู่ประเภทกลุ่มคนทุพพลภาพ เป็น "โรคจิตถาวร” จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อความในส่วนที่ระบุว่าผู้ฟ้องคดี “เป็นโรคจิตถาวร” ในเอกสารดังกล่าว หรือสั่งให้ผู้ถูกฟ้องดำเนินการแก้ไขข้อความดังกล่าว
โดยเหตุที่ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอน ระบุว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับที่ 74 ซึ่งใช้ในการตรวจเลือกทหารกองเกิน มิได้ให้นิยามของคำว่า “โรคจิตถาวร” ว่า มีความหมายอย่างไร ดังนั้น เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่า “โรคจิตถาวร” ตามความเข้าใจของคนทั่วไปตามที่นิยามไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า หมายถึง โรคทางจิตใจที่มีความผิดปกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน วิกลจริต และตามความหมายที่เป็นศัพท์เฉพาะในทางวิชาการของกรมสุขภาพจิต ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจและอารมณ์ หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า คนบ้า ประกอบกันแล้ว เห็นได้ว่า การที่ผู้ฟ้องคดีมีเพศกำเนิดเป็นชายแต่มีเต้านมแบบสตรีและมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิง ยังมิใช่อาการที่แสดงออกถึงความผิดปกติทางความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หรือวิกลจริต
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังปรากฏตามการให้ความเห็นของแพทย์ผู้แทนกรมสุขภาพจิตในการประชุมเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2548 เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวนี้ว่า ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ แต่มีการเสริมหน้าอก ไม่ถือเป็นโรคจิต เพียงแต่มีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน ซึ่งการวินิจฉัยทั่วโลกได้มีการยอมรับในมาตรฐานการจำแนกโรคแล้วว่า ผู้ที่เบี่ยงเบนทางเพศไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ และมนุษย์ที่มีพฤติกรรมทางเพศโดยพึงพอใจในเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็ตาม ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวและความพอใจส่วนตัว อีกทั้งเมื่อพิเคราะห์จากกรณีที่องค์การอนามัยโลกได้ตัดลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคนรักเพศเดียวกันออกจากกลุ่มคนที่มีความผิดปกติทางจิตด้วยแล้ว กรณีจึงรับฟังได้ว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างลักษณะสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการตรวจเลือกที่มีเพศกำเนิดเป็นชาย แต่มีเต้านมแบบสตรีและมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิงกับการเป็นผู้มีความผิดปกติทางจิต
ดังนั้น การที่คณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกิน อาศัยเพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพร่างกายและบุคลิกดังกล่าวของนายสามารถที่เป็นผู้มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งมิได้สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วยทางจิตตามความหมายทางวิชาการ แล้วนำมาวินิจฉัยว่านายสามารถเป็นโรคจิตถาวร จึงเป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และยังทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องได้รับความอับอายและสูญเสียความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเองที่มีต่อคนรอบข้างและสังคม เนื่องจากการปรากฏข้อความว่าเป็นโรคจิตถาวรในเอกสารประจำตัวของผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ต้องนำไปแสดง ในการสมัครงานหรือในการอื่นๆ จึงเท่ากับเป็นการตีตราว่าผู้ฟ้องคดีมีอาการทางจิตผิดปกติอย่างรุนแรงและไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทั้งที่นายสามารถมิได้เป็นโรคจิตแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ฟ้องคดีให้ด้อยลง จึงเป็นกรณีที่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนายสามารถ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหาย อันเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของนายสามารถ
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการเสนอร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 กำหนดข้อความสำหรับบุคคลประเภทเดียวกับผู้ฟ้องคดีที่ไม่สามารถรับเข้าเป็นทหารได้ โดยมีข้อความว่า “ข้อ 3 (12) ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender identity disorder)” จึงเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามที่จะต้องดำเนินการให้มีการระบุข้อความให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่บ่งบอกภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับการตรวจเลือกให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ศาลพิพากษาเพิกถอนใบสด.43 ใบสด.5 และใบสด.9 ของนายสามารถ เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
พ.อ.ชาติชาย แจ้งสี ผู้อำนวยการกองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า ทางกองทัพคงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ตนจะนำเรื่องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาและเชื่อว่าน่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะกระทรวงกลาโหมก็มีการดำเนินการเป็นที่พอใจทุกฝ่ายตามที่ศาลระบุ ส่วนกฎกระทรวงที่รอการแก้ไขขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อเป็นข่าวคึกโครมอยู่ขณะนี้ ทางกฤษฎีกาก็น่าจะเร่งพิจารณาเพื่อเสนอให้ประกาศบังคับใช้ และคิดว่าน่าจะทันในเดือนเม.ย.ปีหน้า ซึ่งจะมีการตรวจคัดเลือกทหารเข้าประจำการ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเรียกร้องให้กะเทยไม่อยู่ในประเภท 4 หรือประเภทผู้ป่วยโรคจิตถาวร หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ในกฎกระทรวงฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขก็ต้องเอาไปไว้ในประเภทที่ 2 ซึ่งหมายความว่า จากเดิมผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 4 จะพ้นจากการถูกเรียกเข้าประจำการไปเลย แต่ประเภทที่สองอาจต้องรอถูกเรียก หากผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 1 มีไม่เพียงพอสำหรับการเจ้ารับประจำการในแต่ละปี
ทั้งนี้ เดิมทางกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกทหารไว้ 4 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ ประเภทดีสมบูรณ์ พร้อมเข้าประจำการ ประเภทที่ 2 คือ พวกสภาพร่างกายมีปัญหาแต่ไม่ถึงกับทุพลภาพ ประเภทที่ 3 คือ พวกที่ป่วยไม่สามารถหายได้ใน 30 วัน และประเภทที่ 4 คือ ประเภทสภาพร่างกายและจิตใจไม่ปรกติไม่อาจรับราชการได้ เช่น เป็นโรคจิตหรือโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
“เมื่อกลุ่มผู้มี “ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นข้อ 3 ของประเภทที่ 2 ก็หมายความว่า หากปีใดกลุ่มชายไทยในประเภทที่ 1 ซึ่งประกอบด้วยจำพวกแรกกลุ่มผู้มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมตามเกณฑ์ คือสูง 160 ซม.ขึ้นไป รอบอกเมื่อหายใจออกไม่ต่ำกว่า 76 ซม. จำพวกที่ 2 หรือขนาดถัดรอง ความสูง146-159 ซม. แต่รอบอกเมื่อหายใจออกเกิน 76 ซม. และพวกขนาดต่ำกว่านั้น แต่ร่างกายและจิตใจปรกติ ทั้งสามจำพวกไม่เพียงพอต่อการเข้าเป็นทหารกองประจำการ ก็ต้องไปเรียกจากประเภทที่ 2 ที่มีสภาพร่างการผิดปรกติ แต่ไม่ทุพลภาพ เช่น ตาเหล่ หลังงุ้ม ไอคิวต่ำ ซึ่งกลุ่มกะเทยแปลงเพศจะต้องไปอยู่ในกลุ่มนี้ จากเดิมที่เคยอยู่ในประเภทที่ 4 ที่จะไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการเลย” พล.อ.ชาติชายกล่าว
นายเจษฎา แต่สมบัติ ตัวแทนเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลปกครองที่มีคำวินิจฉัยให้มีการแก้ไขเอกสาร สด.43 ของผู้ฟ้องคดี โดยคำพิพากษาของศาลจะเป็นเครื่องยืนยันให้กองทัพได้มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานในการตรวจเลือกทหารกองเกินต่อไปในอนาคต โดยให้คำนึงถึงความละเอียดอ่อนทางเพศภาวะและเพศวิถีของประชาชน อีกทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ได้รับเอกสาร สด.43 ที่ระบุว่าเป็นโรคจิตถาวรในอดีตทุกคน ให้มีโอกาสได้รับการแก้ไข สด.43 เช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลปกครองครั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมีทั้งสาวประเภท 2 ทอม และเกย์ จำนวนมากได้นำร่มสีรุ้ง และป้ายสัญลักษณ์ของกลุ่ม มาให้กำลังใจกับนายสามารถด้วย ซึ่งภายหลังศาลมีคำพิพากษาเสร็จสิ้น กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศได้มอบช่อดอกไม้ให้กับพ.อ.ชาติชาย โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และมีการจับมีมือเพื่อให้กำลังใจกันด้วย