กะเทย ตุ๊ด แต๋ว ดี๊ด๊า!!! ศาลปกครองกลาง พิพากษาสั่ง รมว.กห.เขียนข้อความใหม่แทนโรคจิตถาวร ในใบสำคัญทางการทหาร หลัง “น้องน้ำหวาน” ร้องขอเปลี่ยน ด้าน ผอ.สัสดี ยันไม่มีปัญหา คาด บังคับใช้คำ “ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” ทันฤดูกาลหน้า แต่ชี้มีสิทธิ์ต้องโดนทหารด้วยตามกฎกระทรวงใหม่
วันนี้ (13 ก.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ.2548 (แบบ สด.43) ใบสำคัญสำหรับคนจำพวกที่ 4 (แบบ สด.5) และใบสำคัญ (แบบ สด.9) ของ นายสามารถ มีเจริญ กับพวก เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้ รมว.กลาโหม ดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของนายสามารถ ขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นายสามารถ มีเจริญ หรือ น้องน้ำหวาน กับพวกที่เป็นสาวประเภทสอง ได้ยื่นฟ้อง รมว.กลาโหม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สัสดีจังหวัดลพบุรี กรณีที่ระบุในใบ สด.43 ใบ สด.5 และใบ สด.9 ของ นายสามารถ ที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน ว่า เป็นบุคคลที่ถูกจัดอยู่ประเภทกลุ่มคนทุพพลภาพ เป็น โรคจิตถาวร” จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อความในส่วนที่ระบุว่าผู้ฟ้องคดี “เป็นโรคจิตถาวร” ในเอกสารดังกล่าว หรือสั่งให้ผู้ถูกฟ้องดำเนินการแก้ไขข้อความดังกล่าว
ซึ่งเหตุที่ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอน ระบุว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับที่ 74 ซึ่งใช้ในการตรวจเลือกทหารกองเกิน มิได้ให้นิยามของคำว่า “โรคจิตถาวร” ว่า มีความหมายอย่างไร ดังนั้น เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่า “โรคจิตถาวร” ตามความเข้าใจของคนทั่วไปตามที่นิยามไว้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ว่า หมายถึง โรคทางจิตใจที่มีความผิดปกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน วิกลจริต และตามความหมายที่เป็นศัพท์เฉพาะในทางวิชาการของกรมสุขภาพจิต ซึ่งหมายถึงเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจและอารมณ์ หรือที่คนทั่วไปมักเรียกว่า คนบ้าประกอบกันแล้ว เห็นได้ว่า การที่ผู้ฟ้องคดีมีเพศกำเนิดเป็นชายแต่มีเต้านมแบบสตรี และมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิง ยังมิใช่อาการที่แสดงออกถึงความผิดปกติทางความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมอย่างแรงถึงขนาดคุมสติไม่อยู่ เช่น มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน หรือวิกลจริต
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงยังปรากฏตามการให้ความเห็นของแพทย์ผู้แทนกรมสุขภาพจิตในการประชุม เมื่อวันที่ 22 ส.ค.48 เพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวนี้ ว่า ผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนที่ยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ แต่มีการเสริมหน้าอกไม่ถือเป็นโรคจิต เพียงแต่มีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนซึ่งการวินิจฉัยทั่วโลกได้มีการยอมรับในมาตรฐานการจำแนกโรคแล้วว่า ผู้ที่เบี่ยงเบนทางเพศไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ และมนุษย์ที่มีพฤติกรรมทางเพศโดยพึงพอใจในเพศเดียวกัน หรือต่างเพศก็ตาม ถือว่าเป็นสิทธิส่วนตัวและความพอใจส่วนตัว อีกทั้งเมื่อพิเคราะห์จากกรณีที่องค์การอนามัยโลกได้ตัดลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างคนรักเพศเดียวกันออกจากกลุ่มคนที่มีความผิดปกติทางจิตด้วยแล้ว กรณีจึงรับฟังได้ว่า ไม่มีความสัมพันธ์กันระหว่างลักษณะสภาพร่างกายของผู้เข้ารับการตรวจเลือกที่มีเพศกำเนิดเป็นชายแต่มีเต้านมแบบสตรีและมีบุคลิกลักษณะเป็นหญิงกับการเป็นผู้มีความผิดปกติทางจิต
ดังนั้น การที่คณะกรรมการตรวจเลือกทหารกองเกินอาศัยเพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพร่างกายและบุคลิกดังกล่าวของนายสามารถที่เป็นผู้มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งมิได้สัมพันธ์กับอาการของผู้ป่วยทางจิตตามความหมายทางวิชาการ แล้วนำมาวินิจฉัยว่า นายสามารถ เป็นโรคจิตถาวร จึงเป็นการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และยังทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องได้รับความอับอายและสูญเสียความภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเองที่มีต่อคนรอบข้างและสังคม เนื่องจากการปรากฏข้อความว่าเป็นโรคจิตถาวรในเอกสารประจำตัวของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ต้องนำไปแสดง ในการสมัครงานหรือในการอื่นๆ จึงเท่ากับเป็นการตีตราว่าผู้ฟ้องคดีมีอาการทางจิตผิดปกติอย่างรุนแรงและไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ทั้งที่ นายสามารถ มิได้เป็นโรคจิตแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นการลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้ฟ้องคดีให้ด้อยลง จึงเป็นกรณีที่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนายสามารถ อันเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและก่อให้เกิดความเสียหาย อันเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของนายสามารถ
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการเสนอร่างกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 กำหนดข้อความสำหรับบุคคลประเภทเดียวกับผู้ฟ้องคดีที่ไม่สามารถรับเข้าเป็นทหารได้ โดยมีข้อความว่า “ข้อ 3 (12) ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (Gender identity disorder)” จึงเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามที่จะต้องดำเนินการให้มีการระบุข้อความให้เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่บ่งบอกภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับ การตรวจเลือกให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ศาลพิพากษาเพิกถอนใบ สด.43 ใบ สด.5 และใบ สด.9 ของ นายสามารถ เฉพาะในส่วนที่ระบุข้อความว่า “เป็นโรคจิตถาวร” และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดำเนินการให้มีการระบุข้อความใหม่ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่บ่งบอกถึงลักษณะของผู้ฟ้องคดีขณะเข้ารับการตรวจเลือกที่แสดงให้เห็นว่าไม่อาจเข้ารับราชการทหารได้ตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
ด้าน พ.อ. ชาติชาย แจ้งสี ผอ.กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กล่าวว่า ทางกองทัพคงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ตนจะนำเรื่องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา และเชื่อว่า น่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะกระทรวงกลาโหมก็มีการดำเนินการเป็นที่พอใจทุกฝ่ายตามที่ศาลระบุ ส่วนกฎกระทรวงที่รอการแก้ไขขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเมื่อเป็นข่าวครึกโครมอยู่ขณะนี้ ทางกฤษฎีกาก็น่าจะเร่งพิจารณาเพื่อเสนอให้ประกาศบังคับใช้ และคิดว่า น่าจะทันในเดือนเมษายนปีหน้า ซึ่งจะมีการตรวจคัดเลือกทหารเข้าประจำการ
อย่างไรก็ตาม พ.อ.ชาติชาย กล่าวว่า เมื่อมีการเรียกร้องให้กะเทยไม่อยู่ในประเภท 4 หรือประเภทผู้ป่วยโรคจิตถาวร หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ในกฎกระทรวงฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขก็ต้องเอาไปไว้ในประเภทที่ 2 ซึ่งหมายความว่า จากเดิมผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 4 จะพ้นจากการถูกเรียกเข้าประจำการไปเลย แต่ประเภทที่สองอาจต้องรอถูกเรียก หากผู้ที่อยู่ในประเภทที่ 1 มีไม่เพียงพอสำหรับการเจ้ารับประจำการในแต่ละปี
พ.อ.ชาติชาย อธิบายว่า เดิมทางกฎกระทรวงกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกทหารไว้ 4 ประเภท ประเภทที่ 1 คือ ประเภทดีสมบูรณ์ พร้อมเข้าประจำการ ประเภทที่ 2 คือ พวกสภาพร่างกายมีปัญหา แต่ไม่ถึงกับทุพพลภาพ ประเภทที่ 3 คือ พวกที่ป่วยไม่สามารถหายได้ใน 30 วัน และประเภทที่ 4 คือ ประเภทสภาพร่างกายและจิตใจไม่ปกติไม่อาจรับราชการได้ เช่น เป็นโรคจิต หรือโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
“เมื่อกลุ่มผู้มี “ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด” (Gender identity disorder) ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นข้อ 3 ของประเภทที่ 2 ก็หมายความว่า หากปีใดกลุ่มชายไทยในประเภทที่ 1 ซึ่งประกอบด้วย จำพวกแรกกลุ่มผู้มีสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมตามเกณฑ์ คือ สูง 160 ซม.ขึ้นไป รอบอกเมื่อหายใจออกไม่ต่ำกว่า 76 ซม.จำพวกที่สอง หรือขนาดถัดรอง ความสูง 146- 159 ซม.แต่รอบอกเมื่อหายใจออกเกิน 76 ซม.และพวกขนาดต่ำกว่านั้น แต่ร่างกายและจิตใจปกติ ทั้งสามจำพวกไม่เพียงพอต่อการเข้าเป็นทหารกองประจำการ ก็ต้องไปเรียกจากประเภทที่ 2 ที่มีสภาพร่างการผิดปกติ แต่ไม่ทุพพลภาพ เช่น ตาเหล่ หลังงุ้ม ไอคิวต่ำ ฯลฯ ซึ่งกลุ่มกะเทยแปลงเพศจะต้องไปอยู่ในกลุ่มนี้ จากเดิมที่เคยอยู่ในประเภทที่ 4 ที่จะไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการเลย” พล.อ.ชาติชาย กล่าว
ขณะที่ นายเจษฎา แต่สมบัติ ตัวแทนเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณศาลปกครองที่มีคำวินิจฉัยให้มีการแก้ไขเอกสาร สด.43 ของผู้ฟ้องคดี โดยคำพิพากษาของศาลในวันนี้จะเป็นเครื่องให้กองทัพได้มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานในการตรวจเลือกทหารกองเกินต่อไปในอนาคต โดยให้คำนึงถึงความละเอียดอ่อนทางเพศภาวะและเพศวิถีของประชาชน อีกทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ได้รับเอกสาร สด.43 ที่ระบุว่าเป็นโรคจิตถาวรในอดีตทุกคน ให้มีโอกาสได้รับการแก้ไข สด.43 เช่นเดียวกับผู้ฟ้องคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลปกครองครั้งนี้ กลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมีทั้งสาวประเภท 2 ทอม และเกย์ จำนวนมาก ได้นำร่มสีรุ้ง และป้ายสัญลักษณ์ของกลุ่ม มาให้กำลังใจกับ นายสามารถ ด้วย ซึ่งภายหลังศาลมีคำพิพากษาเสร็จสิ้นกลุ่มเครือข่ายความหลากหลายทางเพศได้มอบช่อดอกไม้ให้กับ พ.อ.ชาติชาย โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และมีการจับมีมือเพื่อให้กำลังใจกันด้วย